Belotero Revive คืออะไร
ฟิลเลอร์ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่องานผิว (งานผิวคือเพิ่มคุณภาพผิว Skin booster) โดยเฉพาะ
ที่มี 𝗛𝘆𝗮𝗹𝘂𝗿𝗼𝗻𝗶𝗰 𝗔𝗰𝗶𝗱 และ 𝗚𝗹𝘆𝗰𝗲𝗿𝗼𝗹 ผสานการทำงานแบบ Duo Action สามรถเติมน้ำให้ผิว พร้อมล็อคความชุ่มชื้นและเสริมสร้างความแข็งแรง
Belotero Revive ดีไหม
𝐇𝐲𝐚𝐥𝐮𝐫𝐨𝐧𝐢𝐜 𝐚𝐜𝐢𝐝 (𝐇𝐀) 𝟐𝟎𝐦𝐠/𝐦𝐥 และ 𝐆𝐥𝐲𝐜𝐞𝐫𝐨𝐥 𝟏𝟕.𝟓𝐦𝐠/𝐦𝐥 เป็นส่วนผสมสำคัญ ได้ผลลัพธ์แบบ 4 in 1 เหมาะกับผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ ผิวขาดความยืดหยุ่น และความกระชับรวมถึงลดริ้วรอยหรือร่องชนิดตื้นบนใบหน้า ให้ผลลัพธ์ยาวนานต่อเนื่อง ถึง 9 เดือน
Belotero Revive มี Glycerol ช่วยเรื่องอะไร

Belotero Revive เหมาะกับบริเวณไหนบ้าง
เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive เหมาะสำหรับการฉีดที่ผิวชั้นตื้นหรือชั้นหนังแท้ (Dermis) เพื่อเติมเต็มผิวให้ดูอวบอิ่ม เน้นการปรับปรุงสภาพผิว ช่วยให้ผิวดูสวยกระจ่างใส ซึ่งแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับหรือคางที่ต้องฉีดลึกลงไปในชั้นผิว ดังนั้น ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ Belotero Revive ได้แก่
- ผิวหน้า ช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบ เรียบเนียน ลดเลือนรูขุมขน
- รอบดวงตา ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตา
- ลำคอ ช่วยกระชับผิว คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวบริเวณลำคอ
- ปาก ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้ริมฝีปากดูอิ่มฟู
- มือ ช่วยให้ผิวมือที่เหี่ยวย่นกลับมาชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน

Belotero Revive ต้องใช้กี่กล่อง
1 กล่องประกอบด้วยฟิลเลอร์จำนวน 1CC แต่ละบริเวณไม่ได้มีข้อบ่งใช้ที่แน่ชัด ขึ้นอยู่กับปัญหา และดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา แต่สามารถชี้แจ้งได้เบื้องต้นดังนี้
บริเวณ | ปริมาณ (cc) | วัตถุประสงค์ |
---|---|---|
ผิวหน้า | 1-2 | เติมเต็มและปรับสภาพผิวทั่วใบหน้า |
รอบดวงตา | 0.5-1 | เติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นบริเวณใต้ตา |
ลำคอ | 1-2 | กระชับและฟื้นฟูผิวลำคอ |
ปาก | 0.5-1 | เพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปาก |
มือ | 1-2 | เติมเต็มและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวมือ |
หมายเหตุ: ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามความต้องการเฉพาะบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินและกำหนดปริมาณที่เหมาะสมสำหรับคุณ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย
Belotero Revive ข้อดี
- ผิวเรียบเนียนละเอียด
- รูขมขนเล็กลง
- ชุ่มชื่น อิ่มน้ำ
- ผิวโกลว์จากภายใน
- ผิวเฟิร์มกระชับ
- เหมาะสมกับทุกคน
ฟิลเลอร์งานผิว มีข้อดียังไง
- Skin Hydration ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำฉ่ำวาว
- Skin Glow กระจ่างใส ฉ่ำวาว ผิวกระจก
- Skin Firmness ผิวกระชับ เฟิร์ม
- Skin Elasticity ผิวยืดหยุ่นเนียนเด้ง อิ่มฟู
ข้อควรรู้ Belotero Revive
- ระยะผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล
- ราคาค่อนข้างสูง และระวังของปลอม ที่ราคาถูกเกินจริง
- คนที่มีปัญหาผิวเยอะอาจจะใช้มากกว่า 1 กล่อง
- ต้องมีการทำซ้ำ อย่างน้อย 8-12 เดือน/ครั้ง

Belotero Revive แก้ปัญหาผิวเรื่องไหนได้ดี
80% คนไข้ที่มาปรึกษาหมอ อยากฉีดสกินบูสเตอร์ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก เพราะปัญหาแต่งหน้าไม่ติด หน้าแห้ง ซึ่ง Belotero Revive ตอบโจทย์เรื่องนี้ดี

Belotero Revive อยู่นานแค่ไหน
ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ ค่าเฉลี่ยของ Belotero อยู่ที่ 9 เดือน นับจากเดือนที่ฉีดรักษา แต่ก็ขึ้นอยู่ปัญหาผิวของแต่ละบุคคลด้วย แนะนำฉีด 2-3 cc ต่อครั้ง อยู่กักเก็บความฉ่ำน้ำได้นาน 9 เดือน สำหรับคนที่มีปัญหาผิวขาดน้ำค่อนข้างมาก หากต้องการให้ผลลัพธ์ยาวนานต่อเนื่อง อาจจะมีการรักษาซ้ำปีละ 2 ครั้ง

รีจูรัน ฉีดคู่กับ Belotero Revive ได้ไหม?
อีก 1 คำถาม ที่ทุกคนต้องถาม และหมอตอบบ่อย คือฉีดตัวไหนดีสุด Rejuran หรือ Belotero Revive ทั้งคู่ต่างมีจุดเด่น Rejuran เหมาะกับการซ่อมแซมเซลล์ผิว เน้นในกลุ่มมีปัญหาผิวเช่นรอยดำแดงหลุมสิวรูขุมขนกว้างจากการขาดคอลลาเจน ต้องฉีดทุก 1 เดือน ใน 3 ครั้งแรก ผลลัพธ์จึงจะชัดเจนที่สุด และตัว Belotero Revive เหมาะกับผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง ผิวขาดการบำรุง รูขุมขน ฉีด 1 ครั้งผลลัพท์อยู่ได้นาน ใครที่เน้นผิวดี แต่งหน้าติดง่าย เลือกได้ทั้งคู่เลย

Belotero Revive ต่างจาก สกินบูสเตอร์ตัวอื่นๆอย่างไร


ถ้าเทียบกับการทำ Pico Laser ที่ฮิตๆกันละคะ?
การทำ Pico Laser ได้คุณภาพผิวด้านบนได้ดี รูขุมขนกระชับ แต่เรื่องความชุ่มชื้นไม่ใช่จุดเด่นของการทำเลเซอร์อยู่แล้ว Pico Laser Pico เหมาะกับการรักษารอยดำ หลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวขาดคอลลาเจน และที่สำคัญ ต้องมีเวลาพักหน้าด้วย ข้อดีของการฉีดสกินบูสเตอร์ ที่เด่นกว่าการทำเลเซอร์ก็คือไม่ต้องพักฟื้น และเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนเร็วกว่า (ดูวิธีเช็คคลินิก โรงพยาบาลที่ใช้ Pico Laser แท้)
ฟิลเลอร์งานผิว มีตัวไหนบ้างที่คล้าย Belotero Revive?
ฟิลเลอร์สำหรับงานผิว หรือเพิ่มคุณภาพผิว (Skin Booster) ที่มีคุณสมบัติคล้ายกันได้แก่ Juvederm Volite, Restylane Vital Light

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ไม่ใช่ฉีดที่ไหนก็เหมือนกัน หรือฉีดกับใครก็ได้?
การฉีดฟิลเลอร์อย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ดี มีปัจจัยสำคัญ สรุปให้เข้าใจง่ายๆได้ดังนี้
- ต้องฉีด หรือรักษาโดยแพทย์ตัวจริง เสียงจริงเท่านั้น ไม่ควรเป็นแพทย์แอบอ้าง หมอกระเป๋า หรือเจ้าหน้าที่ตำแหน่งอื่นๆ เพราะแพทย์วิชาชีพจะมีการเข้าใจโครงสร้างของใบหน้า ผิวหนัง กายวิภาค เป็นอย่างดี
- แพทย์ที่มีประสบการณ์ จะสามารถวิเคราะห์ปัญหาของคนไข้ได้เคลียร์ วางแผนการรักษาได้ถูกต้อง ว่าจะต้องใช้ฟิลเลอร์ตัวไหน โมเลกุลอ่อน ปานกลาง หรือแข็ง เน้นเติมเต็ม หรือเน้นคุณภาพผิว
- ต้องรับการฉีดในสถานพยาบาล ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น เพราะมีการรับรองความปลอดภัย เชื่อถือได้
- ฟิลเลอร์ บนโลกนี้ มีทั้งฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม จงเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ สามารถตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนรับบริการได้ทุกครั้ง
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหากไม่ได้รับบริการจากแพทย์หรือสถานพยาบาลที่มาตรฐานมีอะไรบ้าง? ฟิลเลอร์ไม่สลายเองตามธรรมชาติ เกิดเป็นก้อนแข็ง หน้าผิดรูป บวมแดง ผิดปกติ เกิดการติดเชื้อเหมือนที่เคยเป็นข่าวได้ค่ะ
Belotero Revive ราคาเท่าไหร่
- Belotero Revive 1CC 12,900.-
- Belotero Revive 2CC 22,999.-
ขั้นตอนรับบริการ Belotero Revive
- ส่งรูปหน้า ปัญหาผิวประเมินกับหมอต้าร์โดยตรงได้ที่ช่องแชท หรือมาปรึกษาที่คลินิกดีที่สุด
- นัดวัน เวลา รับบริการ
- หมอให้ตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ก่อนฉีดทุกครั้ง (สำคัญคนไข้ต้องดูแกะกล่องไปพร้อมๆหมอ)
- Belotero Revive ยังไม่มีรุ่นผสมยาชา ถ้าอยากสบายหน้าต้องเผื่อเวลามาแปะยาชา 40 นาทีก่อนรับบริการค่ะ
- 1 กล่อง มี 1CC เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน หรือปัญหาผิวหน้าค่อนข้างเยอะ หมอแนะนำ 2CC/การฉีด 1 ครั้ง
- รู้สึกถึงการอิ่มฟูหลังทำทันที และเช้าวันถัดไป จะรู้สึกถึงความฉ่ำของผิวหน้า ตั้งแต่ตอนล้างหน้าตอนเช้า
- ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 9 เดือน ต่อการรักษา 1 ครั้ง

สรุป Belotero Revive
- 💚Belotero Revive เป็น 𝐇𝐀 𝐅𝐢𝐥𝐥𝐞𝐫 นำเข้าจาก Switzerland ผ่าน อย. ปลอดภัย
- 💚เป็นฟิลเลอร์ตัวแรกและตัวเดียวของโลก มีส่วนประกอบเฉพาะถึง 2 ชนิด ทำงานผสมผสานกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ผิวสุขภาพดีขั้นสุด 4 ประการ อิ่มฟู – เนียน – เด้ง – ชุ่มชื้นฉ่ำวาว
- 💚 Belotero Revive สามารถส่งมอบผิวคุณภาพดีกว่าแบบเดิมๆ เพราะ Belotero Revive ที่มีส่วนประกอบพิเศษถึง 2 ชนิด นั่นคือไฮยาลูรอนิค แอซิด (HA) และ กลีเซอรอล (Glycerol) ที่ทำงานผสมผสานกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด
- 💚 Belotero Revive ประกอบไปด้วยไฮยาลูรอนิค แอซิด 20 มิลลิกรัม และ กลีเซอรอล 17.5 มิลลิกรัม ทำให้ใน Belotero Revive 1cc ประกอบด้วยสารอุ้มน้ำ สูงถึง 37.5 มิลลิกรัม หมายถึงฉ่ำนานกว่า ฉ่ำวาวได้
โปรแกรมอื่นๆที่อาจจะเหมาะกับปัญหาผิวของคุณ
ปัญหา | การรักษา |
---|---|
ลดเหนียง, ลดแก้ม | Meso Fat |
เก็บหน้าเรียว | Botox |
ผิวฉ่ำ, ผิวใส แบบสาวเกาหลี | Rejuran HB Plus, Belotero Revive |
ใต้ตาคล้ำ, มีร่องลึกใต้ตา, แต่งหน้าตกร่อง | HA Filler, AesThefill, Ultracol |
ผิวโทรม, แพ้ง่าย | ExoHealer, Exoxe, Rejuran |
ลดริ้วรอย, ฟื้นฟูผิวเด็ก | Sculptra, Radiesse, Botox |
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่
มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
- มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย
คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์
- ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
- มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
- มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ


การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น
- เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
- เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc
การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ
หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำเลยคือ ฟิลเลอร์แท้ต้องสลายได้เอง 100% ค่ะ จะไม่มีคำว่า “ถาวร” เด็ดขาด ถ้าเราไปฉีดที่ไหนแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ตลอดไป ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าอาจเป็นสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งอันตรายและแก้ไขได้ยากในอนาคต ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ที่เป็นกล่องๆที่เรามักคุ้นเคยกันนั้น จะมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามรุ่นและตำแหน่งที่ฉีดค่ะ สั้นที่สุดคือประมาณ 6-12 เดือน สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ใช้เติมบริเวณใต้ตาหรือริมฝีปาก และ นานที่สุดอาจอยู่ได้ถึง 1.5 – 2 ปี สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างคางหรือกรอบหน้าค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะฉีดที่สถานพยาบาลไหน ก่อนฉีดอย่าลืมสอบถามคุณหมอถึงชนิดของฟิลเลอร์เพื่อความมั่นใจนะคะ
ปัญหาขอบตาคล้ำและใต้ตาลึกถือเป็นหนึ่งในปัญหายอดฮิตของคนวัยทำงานและสาว ๆ หลาย ๆ คน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกรรมพันธุ์ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่โครงสร้างผิวที่เริ่มบางลงเมื่ออายุมากขึ้น ปัจจุบันทางการแพทย์มีทางเลือกในการแก้ไขอยู่มากมาย ทั้งแบบแก้ด่วนและฟื้นฟูระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์และความรวดเร็วที่ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน กลุ่มฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีหลังฉีด เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนลุคในเวลาอันสั้น รองลงมาคือเมโสใต้ตาที่ช่วยให้ผิวใต้ตาสว่างกระจ่างใสในไม่กี่วัน ขณะที่เลเซอร์และ กลุ่มไหมน้ำ จะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและชัดเจนในระยะยาว ดังนั้นการเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงควรขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนและความต้องการที่ชัดเจนค่ะ หมอทำข้อมูลเพิ่มเติมให้ด้านล่างนะคะ
การฉีด ฟิลเลอร์เปิดหางตา เหมาะกับสาวๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา หางตาตก ตาดูเศร้า หรือดวงตาดูเล็กไม่สดใส โปรแกรมนี้ช่วยยกหางตาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดวงตาดูเฉี่ยว สดใส และมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักฟื้นนานและเห็นผลทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง หรืออยากให้ตาดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างปลอดภัย
หากเติม ฟิลเลอร์เบ้าตาบน ควบคู่กับฟิลเลอร์เปิดหางตา จะช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล ตาหมอง ให้ดูเต็มขึ้น ตาดูกลมโต สดใส ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสองเทคนิคนี้ทำพร้อมกัน จะช่วย ปรับสมดุลรูปตาให้สวยละมุน และดูเป็นธรรมชาติแบบ Personalized case by case เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการ ความสวย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมใหญ่
ช่วง 5 ปีหลังมานี้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า “สายฉีด” ออกมาจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวนี้แบรนด์ใหม่ทยอยเปิดตัว แค่เฉพาะ Skin Boosters+Biostimulator ก็นับได้เกือบ 20 แบรนด์ บางแบรนด์เคลมว่าผิวอิ่มน้ำทันที บางแบรนด์บอกกระตุ้นคอลลาเจนลึก ๆ จะเลือกตัวไหนดี
จริง ๆ แล้วหลัก ๆ ขอให้มองแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ “Skin Boosters” เน้นเติมน้ำ เติมความชุ่มชื้นทันที เหมาะกับสายต้องการผิวใสฉ่ำวาวไว ๆ หมอเรียกว่าใช้หน้าด่วน อะไรแบบนั้น กับ “Biostimulators” ที่ไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างคอลลาเจนเอง ผลลัพธ์จะค่อย ๆ มาแต่ชัดในแง่ฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยระยะยาว เลือกตามความต้องการของผิวเราดีที่สุดค่ะ
รีจูรันมี 4 รุ่นย่อยให้เลือกตามปัญหาผิว ถ้าต้องการฟื้นฟูใบหน้าและลำคอแบบทั่วถึง เลือกกล่องดำหรือกล่องแดง ราคากล่องดำ-กล่องแดงเท่ากันที่ 11,990 บาท ส่วนกล่องน้ำเงินรุ่น S ราคา 12,999 บาทค่ะ
- REJURAN Healer (กล่องดำ)
- เหมาะสำหรับ: ฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวดูเด็กขึ้น สำหรับใบหน้าและลำคอ
- ปริมาณ: 2 cc/ไซริงค์
- ราคา: 11,990 บาท
- REJURAN HB Plus (กล่องแดง)
- เหมาะสำหรับ: ผิวอิ่มน้ำ ฉ่ำวาว ชุ่มชื้นมากขึ้น เจ็บน้อยลง เน้นฟื้นฟูใบหน้าและลำคอเช่นกัน
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 11,990 บาท
- REJURAN i (กล่องขาว)
- เหมาะสำหรับ: เติมความชุ่มชื้นใต้ตา ลดความคล้ำ ใต้ตาดูสดใสขึ้น
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 12,999 บาท
- REJURAN S (กล่องน้ำเงิน)
- เหมาะสำหรับ: เติมหลุมสิวให้ตื้น รอยแผลเป็น ผิวเรียบเนียน
- ปริมาณ: 1 cc/ไซริงค์
- ราคา: 12,999 บาท
ถ้าเราฉีดฟิลเลอร์ตอนอายุมากๆ ซึ่งคำว่ามากของหมอในที่นี้คือ เกิน 60 ขึ้นไป จะมีความเสี่ยงบางประการที่เราต้องระวังค่ะ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นบอบบางมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบวม ช้ำมากกว่าปกติ เพราะโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มสาว
อีกอย่างหนึ่งที่คนไข้มักจะสงสัย คือเรื่องปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้จะมากขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มรูปหน้าและแก้ไขริ้วรอยที่ลึกขึ้นตามวัย เพราะโครงสร้างกระดูกและผิวที่เปลี่ยนไปนี่เองค่ะ อย่างไรก็ตาม หมอจะประเมินละเอียด ใช้เทคนิคพิเศษและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
ถ้าคนไข้มีปัญหาใต้ตาคล้ำแต่ไม่ลึก จริง ๆ แล้วเราเริ่มดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น มาส์กใต้ตาเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกใช้ครีมหรือเซรั่มที่เหมาะกับผิวรอบดวงตา ถ้ายังรู้สึกว่ารอยคล้ำไม่ดีขึ้น หรืออยากเห็นผลไวขึ้น หมอแนะนำให้ลองทรีทเมนท์ในคลินิก เลเซอร์ลดเม็ดสี ฉีดไหมน้ำ หรือฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งแต่ละวิธีเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาที่ต่างกัน และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ
แต่ปัญหาใต้ตาของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ หมอแนะนำให้คนไข้ เข้ามาประเมินกับหมอ เพื่อหาสาเหตุจริง ๆ และเลือกวิธีแก้ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด จะได้สวยแบบปลอดภัย ได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดค่ะ