
คุณภาพผิว | คะแนน |
---|---|
ชุ่มชื้น | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
กระจ่างใส | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
รูขุมขนกระชับ | ⭐️⭐️⭐️ |
ริ้วรอยจางลง | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
ลดผดผื่นคัน | ⭐️⭐️⭐️ |
ลดการเกิดสิว | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
ลดรอยดำรอยแดงสิว | ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ |
D’ Aura Bright คือ โปรแกรมทรีทเมนท์บำรุงผิวหน้า ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าขาวกระจ่างใส ลดเลือนความหมองคล้ำจากแสงแดด มลภาวะ ฝ้ากระ จุดด่างดำ ฟื้นฟูผิวให้กลับมาสดชื่นขึ้นขีดสุด
D’ Aura Bright เหมาะกับใคร
ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น
ผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองง่าย
ต้องการลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย
ผู้ที่กลัวเข็ม แต่อยากหน้าขาวใส
D’ Aura Bright ไม่เหมาะกับใคร
- ผู้ที่กำลังมีสิวอักเสบ ทรีทเมนท์นี้มีส่วนผสมที่อาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้น เช่น กรดผลไม้ (AHA) หรือวิตามินซี การทาหรือใช้ทรีตเมนท์เหล่านี้บนผิวที่มีสิวอักเสบอาจทำให้เกิดการระคายเคือง รอยแดง และอาการอักเสบที่รุนแรงขึ้น
- ผู้ที่มีผิวบอบบาง สิวสามารถทำให้ผิวบอบบางและไวต่อสารระคายเคือง การทำทรีทเมนท์ขาวใสอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง ผิวแห้ง ลอก หรือแสบร้อน
- ผู้ที่ผิวหรือสิวอุดตัน ทรีทเมนท์นี้ อาจทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดสิวใหม่
- ผู้ที่มีกาผลัดเซลล์ผิวมาก่อน ทรีทเมนท์ขาวใสบางชนิดมีกลไกการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจทำให้สิวอุดตันใต้ผิวหนังลอยขึ้นมาและกลายเป็นสิวอักเสบได้
- ผู้ที่ยังมีรอยแผลเป็นยังไม่หายดี เช่น หลังทำ Pico เลเซอร์ , Fraxtional เลเซอร์, Co2 เลเซอร์
ผิวคุณเป็นแบบไหน
- ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังจากล้างหน้า
- ผิวลอกเป็นขุย
- มีริ้วรอยและรูขุมขนเล็ก
- ผิวแพ้ง่าย
- ผิวมันวาวและมีน้ำมันส่วนเกิน
- รูขุมขนกว้าง
- ผิวมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย
- ผิวมันในบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง)
- ผิวแห้งในบริเวณอื่นๆ
- มีรูขุมขนกว้างในบริเวณ T-zone
- ผิวสมดุล ไม่มันหรือแห้งเกินไป
- ผิวเรียบเนียนและมีรูขุมขนเล็ก
- ผิวไม่แพ้ง่าย
อยากหน้าใส วิธีไหนเร็วที่สุด
- ทาครีม: 4-12 สัปดาห์
- ทำทรีทเมนท์: 2-4 สัปดาห์
- ฉีดเมโสหน้าใส: 1-2 สัปดาห์
ความแตกต่างในการเห็นผล
- ทาครีม: เห็นผลช้ากว่า แต่ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นานกว่า
- ทำทรีทเมนท์: เห็นผลเร็วกว่า แต่ผลลัพธ์อาจไม่คงอยู่ได้นานเท่า
- ฉีดเมโสหน้าใส: เห็นผลเร็วที่สุด แต่ต้องทำซ้ำเป็นระยะเพื่อคงผลลัพธ์
ปัจจัยที่ส่งผลต่อเวลาที่ใช้ในการเห็นผล
- สภาพผิว
- ความรุนแรงของปัญหาผิว
- ความสม่ำเสมอในการใช้ผลิตภัณฑ์หรือทำทรีทเมนท์
- ส่วนผสมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์หรือทรีทเมนท์
ขั้นตอนทรีทเมนท์ D’ Aura Bright
ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างหมดจด
กดสิวทั่วใบหน้าอย่างอ่อนโยน
ผลักวิตามินที่จำเป็นต่อผิว 5 ชนิด เพื่อลดเม็ดสีผิวเข้ม
นวดหน้ากดจุดเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นการไหลเวียน
ฉายลำแสง LED ช่วยฆ่าเชื้อสิว ลดการเกิดสิว หรือ Intense pulsed light (IPL) ลดรอย ดำรอยแดงจากสิว กระชับรูขุมขน
มาส์กหน้า Gold Mask ผสมเกร็ดทองคำบริสุทธิ์ 99.99% เพิ่มความขาวกระจ่างใส
ทาครีมบำรุงกันแดด Aloe, SPF 50 PA+++ ปกป้องผิวจากแสงแดด
นวดผ่อนคลาย ต้นคอ บ่าไหล่ แขน เพื่อความสบายตัว
1 ชม. 20 นาที
ทำความสะอาดผิวหน้า

กดสิวทั่วใบหน้า

ผลักวิตามิน 5 ชนิด ลดความเข้มของเม็ดสี

นวดหน้ากดจุด

ยิงลำแสง DIPL

มาส์กทองคำ

ทาครีมบำรุง

นวดผ่อนคลาย คอ บ่าไหล่

ความถี่ในการทำทรีตเมนต์
ทำบ่อยแค่ไหน แนะนำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ต้องทำกี่ครั้ง 4-10 ครั้ง อย่างต่อเนื่อง
ในโปรแกรมมีการกดสิวอักเสบ
พนักงานใส่ใจทุกขั้นตอน
นวดหน้าอย่างอ่อนโยน
มาส์กลดความมัน ผิวกระจ่างใส
ผลักวิตามินด้วยความเย็น
ลงครีมกันแดดที่ได้คุณภาพ
หลังทำผิวดูโกล มีออร่าสุดๆเลยคร้า
นวดหน้าด้วยความเย็น -7 องศาเซลเซียส ดีต่อผิวอย่างไร
เครื่องนวดหน้าที่มีความเย็นติดลบ มีประโยชน์ต่อผิวหลายประการ ดังนี้
- ลดการอักเสบและอาการบวม ความเย็นช่วยลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่ทำการนวด ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบและอาการบวมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีสิว ผิวแพ้ง่าย หรือผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด
- กระชับรูขุมขน ความเย็นช่วยกระชับรูขุมขนชั่วคราว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและละเอียดขึ้น
- ลดความมันส่วนเกิน ความเย็นช่วยลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนผิว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมันหรือผิวผสม
- ช่วยปลอบประโลมผิว การนวดหน้าด้วยความเย็นหลังทำทรีทเมนท์จะช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการแดงและบวม
- เพิ่มการไหลเวียนของเลือด ความเย็นช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งจะช่วยนำสารอาหารและออกซิเจนไปยังผิว ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี
- เพิ่มการดูดซึมของผลิตภัณฑ์ การนวดหน้าด้วยความเย็นก่อนหรือหลังใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจะช่วยเพิ่มการดูดซึมของผลิตภัณฑ์ ทำให้ผลิตภัณฑ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย การนวดหน้าด้วยความเย็นให้ความรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น ช่วยลดความเครียดและความตึงเครียดบนใบหน้า
การทำทรีทเมนท์อย่างต่อเนื่องมีความสำคัญ
เหตุผลที่ต้องทำทรีทเมนท์หน้าใสอย่างต่อเนื่อง
- รักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่ ทรีทเมนท์หน้าใสช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใสขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจะเริ่มผลิตเซลล์ผิวใหม่ที่อาจทำให้เกิดปัญหาผิวได้อีก ดังนั้น การทำทรีทเมนท์อย่างต่อเนื่องจะช่วยรักษาผลลัพธ์ให้คงอยู่
- ป้องกันปัญหาผิว ทรีทเมนท์ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ลดการเกิดสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ การทำทรีทเมนท์อย่างต่อเนื่องจะช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาผิวเหล่านี้กลับมาอีก
- ชะลอวัย ทรีทเมนท์หน้าใส ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น การทำทรีทเมนท์อย่างต่อเนื่องจะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หลังจากทำทรีทเมนท์หน้าใส ผิวจะสามารถดูดซับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น การทำทรีทเมนท์อย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คุณใช้เป็นประจำ
- ผ่อนคลายและบำรุงผิว มาสก์หน้า และนวดหน้า นอกจากจะช่วยบำรุงผิวแล้ว ยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นอีกด้วย
ส่วนผสมอะไรบ้างที่ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใส
ตัวยา เจลครีม | คุณสมบัติ |
---|---|
วิตามินซี (Vitamin C) | เพื่อผิวหน้ากระจ่างใส |
ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) | รักษาความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากสารระคายเคือง |
อาบูติน (Arbutin) | ลดฝ้าและกระ ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากการผลิตเมลานินมากเกินไป |
กรดโคจิก (Kojic Acid) | ลดความแตกต่างของสีผิวที่เกิดจากการผลิตเมลานินที่ไม่สม่ำเสมอ |
กรดแลคติก (Lactic Acid) | ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกสุดออก เผยผิวใหม่ ใส่ เรียบเนียนมากขึ้น |
กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) | ละลายน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ขจัดสิวหัวดำและสิวหัวขาว |
ทรีทเมนท์หน้า D’ Aura Bright ราคาเท่าไหร่

จำนวนครั้ง | ราคา |
---|---|
1 ครั้ง | 2,000 บาท |
5 ครั้ง | 8,000 บาท |
10 ครั้ง | ลด 30% |
ซื้อในเดือนเกิด | ลด 50% |
ข้อห้าม หลังทำทรีทเมนท์หน้า
หลังการทำทรีทเมนท์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรงหลังทำ และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินเอ ภายใน 3 วันหลังทำ
- สามารถใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติได้
- งดการขัดผิวเป็นเวลา 2 วัน หลังทำ เนื่องจากผิวจะบอบบาง
- สามารถแต่งหน้าได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือน้ำหอม
- หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำหรือแช่น้ำร้อนใน 24 ชั่วโมงแรกหลังทำเลเซอร์
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA) เรตินอยด์ หรือสารฟอกขาวเป็นเวลา 1 สัปดาห์หลังทำเคมีผลัดผิว
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ระคายเคืองเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น
หมอเข้าใจเลยนะคะ สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากจริง ๆ ค่ะ ผู้หญิงเรามีโมเมนต์ที่ต้องดูดีที่สุด มั่นใจที่สุด แต่เวลาเตรียมตัวมีไม่เยอะ เช่น พรุ่งนี้มีออกเดทสำคัญ ต้องพรีเซนต์งานต่อหน้าคนใหญ่คนโต พอเวลาน้อยแบบนี้ เราก็มักจะคิดว่า เอ๊ะ จะดูแลผิวหน้าดีขึ้นในวันเดียวได้จริงไหม คำตอบคือพอมีโปรแกรมช่วยได้
- ทรีทเมนต์ผลักวิตามินลงสู่ผิว
- เน้นส่งวิตามินเข้าสู่ชั้นผิวทันที ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู กระจ่างใส ลดความโทรม และช่วยกระชับรูขุมขน
- ไม่มีผลข้างเคียงที่ต้องระวัง (เหมาะสำหรับคนไข้ที่อยากแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำเฉพาะหน้า)
- ผิวพร้อมเจอไฟ กล้อง หรือแต่งหน้าติดง่าย
- ผลักตัวยากลุ่มเมโส หน้าใส ฟื้นฟูผิว
- ตัวยาซึมลงสู่ผิวได้รวดเร็วปลอดภัย
- ให้ผลลัพธ์ทันทีเรื่องความชุ่มชื้น
- ไม่ทิ้งรอยแดงหรือบวมที่อาจทำให้หงุดหงิด
และแน่นอนต้องเลี่ยงโปรแกรมฉีด หรือเลเซอร์ไป เพราะมีโอกาสเขียวช้ำ รอยแดงได้ ฉะนั้น จากที่ใบหน้าหมองๆ นอนน้อยมา ผิวขาดการดูแลมาหลายวัน หรืออาจะหลายสัปดาห์ น่าช่วยบูสผิวขึ้นมากอบกู้งานนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ อีกโปรแกรมนึงที่อาจจะไม่เกี่ยวกับผิวหน้า แต่เกี่ยวกับการเพิ่ม Energy ให้ร่างกาย เพื่อเตรียมพร้อมกับทุกสถานการณ์ คือกลุ่มการดริปวิตามิน IV Therapy ก็เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจค่ะ
การพักหน้าในที่นี้หมายถึง การไม่ทำอะไรเพิ่มเติมกับผิวหน้า ที่อาจกระตุ้นหรือรบกวนผิวหลังการทำ Pico Laser เช่น การแต่งหน้า การขัดผิว การใช้สกินแคร์ที่มีสารออกฤทธิ์แรง (เช่น กรด AHA, BHA, Retinol) หรือการทำหัตถการอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงเวลาที่ผิวกำลังฟื้นตัวค่ะ
พูดง่ายๆ ก็คือ ให้ผิวได้พักและฟื้นตัวตามธรรมชาติ โดยเน้นการดูแลที่เรียบง่าย เช่น การล้างหน้าเบาๆ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่อ่อนโยน และทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดดเท่านั้นค่ะ การพักหน้าแบบนี้ไม่ได้ยุ่งยากและไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันเลยค่ะ
อยู่ๆก็โผล่มาเลยใช่ไหมคะ หมอจะอธิบายให้เข้าใจแบบนี้ค่ะ
จริงๆ แล้ว ฝ้าและกระ ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืนค่ะ ทางการแพทย์เป็นแบบนั้นไม่ได้เลย แต่สิ่งที่ทำให้คนไข้รู้สึกว่ามันชัดขึ้นเร็วมาก อาจเกิดจากปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เม็ดสีใต้ผิวทำงานมากขึ้น เช่น
- แสงแดด การโดนแดดจัดโดยไม่ได้ป้องกัน ทำให้เม็ดสีเมลานินถูกกระตุ้นจนฝ้ากระดูเข้มขึ้น
- ฮอร์โมน เช่น ช่วงมีประจำเดือน หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย
- การพักผ่อนน้อย ความเครียด ส่งผลต่อการทำงานของผิว ทำให้เม็ดสีทำงานผิดปกติ
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิว เช่น สครับแรงๆ หรือครีมที่มีสารทำให้ผิวบาง
ดังนั้น ฝ้ากระที่คนไข้เพิ่งสังเกตเห็น อาจจะมีอยู่แล้วใต้ผิว แต่เพิ่งถูกกระตุ้นจนชัดขึ้น หรือไม่ก็เราเพิ่งสังเกตเห็นมากกว่าค่ะ
หน้าม้า ป้องกันแสงยูวีไม่ได้เลยค่ะ 🙂
คนไข้ไม่ต้องกังวลเรื่องเปลืองครีมกันแดดเลยนะคะ เพราะจริงๆ แล้วการทาครีมกันแดดไม่ได้เปลืองขนาดนั้นค่ะ ใช้แค่ปริมาณประมาณ 2 ข้อนิ้วมือก็เพียงพอสำหรับทั้งหน้าแล้ว หรือต่อให้ใช้เยอะแค่ไหนก็คุ้ม เพราะหน้าเราผิวเราสำคัญที่สุด มันช่วยปกป้องผิวจากปัญหาระยะยาวได้เยอะมากๆ ค่ะ
แต่หมอแอบคิดว่าคนไข้ส่วนใหญ่อาจจะไม่ได้กังวลเรื่องเปลืองหรอกค่ะ น่าจะมองว่า เสียเวลาทา มากกว่าใช่ไหมคะ? 😄 ถ้าเป็นแบบนั้น หมอแนะนำให้ลองปรับวิธีดูค่ะ เช่น ใช้กันแดดที่เป็นแบบเนื้อบางเบา ซึมไว หรือแบบที่เป็นกันแดดผสมบำรุงในตัวเดียว จะช่วยลดขั้นตอนและทำให้สะดวกขึ้นค่ะ
อย่าลืมนะคะ การทาครีมกันแดดเป็นการลงทุนกับผิวในระยะยาวค่ะ ป้องกันปัญหาผิวที่อาจต้องเสียเงินและเวลาแก้ไขทีหลังเยอะกว่าเดิมอีกค่ะ
สำหรับการทำ Pico Laser นะคะ คนไข้บางท่านอยากลองก่อน ถ้าทำแค่ 1-2 ครั้ง ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของคนไข้แต่ละคนค่ะ เช่น ถ้าคนไข้มีปัญหาเรื่องรอยดำ รอยแดง หรือจุดด่างดำจากสิว จะเริ่มเห็นว่าผิวดูใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอขึ้นหลังทำไป 1-2 ครั้งค่ะ
แต่ถ้าเป็นปัญหาผิวอื่นๆเช่น รูขุมขนเล็กลง หรือผิวเรียบเนียนขึ้น อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยนะคะ เพราะผลลัพธ์ในเรื่องนี้มักจะชัดเจนขึ้นหลังทำต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้งค่ะ เนื่องจากเลเซอร์จะไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ซึ่งต้องใช้เวลาให้ผิวฟื้นฟูและปรับตัวค่ะ ยิ่งถ้าบอกว่าอยากรักษาหลุมสิวเลย อาจจะใช้จำนวนครั้งที่มากกว่านี้อีก ตามปัญหาและประเภทหลุมสิวค่ะ
ถ้าให้หมอสรุปว่าปัญหาผิวไหนจะใช้จำนวนครั้งน้อยแต่เห็นผลลัพธ์ได้ดีคือเรื่องรอยดำ จุดด่างดำ หรือกลุ่มรอยดำรอยแผลเป็นค่ะ และอย่าลืมดูแลผิวหลังทำเลเซอร์ด้วยนะคะ เช่น ทาครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด จะช่วยให้ผลลัพธ์ดีขึ้นค่ะ