ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

วิธีแก้ปวดไมเกรน ฉีดโบท็อกซ์แก้ปวดไมเกรน ทำได้จริงไหม ฉีดตรงไหน ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

โบท็อกซ์ลดการปวดไมเกรน

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

ฉีดโบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ทำได้จริงไหม ฉีดตรงไหน ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา
เลือกอ่านเนื้อหา

ฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน ทางเลือกสำหรับอาการปวดหัวเรื้อรัง

ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของใครหลายคน การฉีดโบท็อกซ์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเรื้อรังได้ มาทำความเข้าใจกันว่าการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนคืออะไร เหมาะกับใคร และมีข้อควรรู้อะไรบ้าง

คลินิกรักษาไมเกรน ที่ไหนดี วิธีไหนดี ราคาเท่าไหร่

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปหลังฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคนที่ไม่เคยรับบริการคนที่เคยรับบริการแล้ว
ความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวคาดหวังว่าอาการปวดหัวจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากการฉีดคาดหวังว่าอาการปวดหัวจะลดลงอย่างต่อเนื่อง และอาจมีอาการปวดหัวน้อยลงกว่าเดิม
การใช้ยาแก้ปวดอาจลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดได้อาจใช้ยาแก้ปวดในปริมาณที่น้อยลง หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดเลย
คุณภาพชีวิตคาดหวังว่าคุณภาพชีวิตจะดีขึ้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้นคุณภาพชีวิตจะดียิ่งขึ้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
ความกังวลเกี่ยวกับอาการปวดหัวความกังวลเกี่ยวกับอาการปวดหัวจะลดลงความกังวลเกี่ยวกับอาการปวดหัวจะลดลงอย่างมาก และมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

โบท็อกซ์ไมเกรนคืออะไร?

การฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum toxin type A) เพื่อรักษาไมเกรน คือการฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณต่างๆ ของศีรษะและคอ เพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน โดยโบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และลดอาการปวดหัว

โบท็อกซ์ช่วยลดอาการปวดหัวได้อย่างไร?

โบท็อกซ์จะช่วยลดอาการปวดหัวโดย

  • ยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาท โบท็อกซ์จะยับยั้งการปล่อยสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมอง ทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดลดลง
  • คลายกล้ามเนื้อ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณศีรษะและคอ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหัว
  • ลดความถี่และความรุนแรง การฉีดโบท็อกซ์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดไมเกรน

ใครเหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน?

  • ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรัง (ปวดหัวอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน โดยมีอาการไมเกรนอย่างน้อย 8 วัน)
  • ผู้ที่ลองรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล หรือมีผลข้างเคียงจากยา
  • ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง และไม่มีข้อห้ามในการฉีดโบท็อกซ์
ฉีดโบท็อก ลดการทานยาแก้ปวดไมเกรน  ฉีดตรงไหน ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

ข้อควรรู้ก่อนรับบริการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

ข้อควรรู้คำอธิบาย
ปรึกษาแพทย์ปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรน เพื่อประเมินอาการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
แจ้งประวัติทางการแพทย์แจ้งประวัติทางการแพทย์ โรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และอาการแพ้ต่างๆ ให้แพทย์ทราบ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอาจมีอาการปวด บวม แดง หรือช้ำ บริเวณที่ฉีด ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายได้เองภายใน 1-2 วัน นอกจากนี้ อาจมีอาการปวดคอ อ่อนแรง
ระยะเวลาในการเห็นผลโดยทั่วไปจะเริ่มเห็นผลหลังจากฉีดประมาณ 2-4 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะคงอยู่ประมาณ 3-6 เดือน
การฉีดซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี อาจต้องฉีดโบท็อกซ์ซ้ำทุกๆ 3-6 เดือน
ค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล อาจจะใช้ 150 -160 ยูนิต ควรสอบถามค่าใช้จ่ายก่อนตัดสินใจ
การดูแลหลังฉีดหลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงความร้อน
ผลลัพธ์แตกต่างกันในแต่ละบุคคลผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความรุนแรงของอาการไมเกรน สภาพร่างกาย และการตอบสนองต่อยา
โปรโมชั่น โบนิว ราคา เริ่มต้น 1500 บาท มีราคาเหมาขวด พิเศษ

ฉีดโบท็อกซ์รักษาไมเกรน อันตรายไหม?

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนโดยทั่วไปมีความปลอดภัย หากได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ก็มีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

เช็คลิสต์ความปลอดภัยและความเสี่ยงในการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

ปัจจัยปลอดภัยมีความเสี่ยง
ผู้ให้บริการฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ หรือผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ
ผลิตภัณฑ์ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐาน มี อย. และมาจากบริษัทที่น่าเชื่อถือใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์ที่ไม่ทราบแหล่งที่มา หรือไม่ได้มาตรฐาน
สถานที่สถานพยาบาลที่สะอาด ปลอดภัย และมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครันสถานที่ที่ไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ หรือไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสม
การประเมินก่อนการรักษาแพทย์ประเมินอาการ ประวัติทางการแพทย์ และความเหมาะสมในการฉีดโบท็อกซ์อย่างละเอียดไม่มีการประเมินก่อนการรักษา หรือประเมินอย่างไม่ละเอียด
การให้ข้อมูลแพทย์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และการดูแลหลังการรักษาอย่างครบถ้วนไม่มีการให้ข้อมูล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
การติดตามผลมีการติดตามผลการรักษา และให้คำแนะนำในการดูแลตนเองหลังการรักษาไม่มีการติดตามผลการรักษา
  • ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดโบท็อกซ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นที่น่าพอใจ: การฉีดโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังและกล้ามเนื้อ
  • การติดเชื้อ: หากฉีดในสถานที่ที่ไม่สะอาด หรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่ปลอดเชื้อ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • อาการแพ้: ผู้ที่แพ้โบท็อกซ์อาจมีอาการแพ้ เช่น ผื่นคัน บวม หายใจลำบาก หรือช็อก
  • ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์: การฉีดโดยผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หนังตาตก ปากเบี้ยว กลืนลำบาก หรือหายใจลำบาก
  • การฉีดโบท็อกซ์เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาไมเกรนเรื้อรังที่ได้ผลดี แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอาการ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
You conquer every challenge at work, but each time, the migraine conquers you.

อาการปวดหัวเรื้อรัง

ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของใครหลายคน การฉีดโบท็อกซ์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณเป็นมือใหม่ที่กำลังพิจารณาการฉีดโบท็อกซ์ครั้งแรก หรือเคยฉีดแล้วและต้องการทำซ้ำ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าการฉีดโบท็อกซ์ไมเกรนภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นมีความปลอดภัย

pie title เหตุผลในการเข้ารับการรักษาไมเกรน
    "ความถี่ของการโจมตีของไมเกรน" : 83
    "ความยากลำบากในการจัดการกับอาการ" : 7
    "ค่าใช้จ่ายในการรักษา" : 5
    "ความกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียง" : 5
ข้อมูลอ้างอิง : https://thejournalofheadacheandpain.biomedcentral.com/articles/10.1186/s10194-025-02018-y
  • ด้านร่างกาย:
    • อาการปวด: อาการปวดหัวเรื้อรังทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบาย ปวดเมื่อย และอ่อนเพลีย
    • การนอนหลับ: อาการปวดหัวอาจรบกวนการนอนหลับ ทำให้หลับยาก หรือหลับไม่สนิท ส่งผลให้ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ
    • ความอยากอาหาร: อาการปวดหัวอาจทำให้เบื่ออาหาร หรือคลื่นไส้อาเจียน ส่งผลต่อการรับประทานอาหารและการได้รับสารอาหารที่จำเป็น
    • กิจกรรมทางกาย: อาการปวดหัวอาจจำกัดความสามารถในการทำกิจกรรมทางกาย เช่น การออกกำลังกาย การทำงานบ้าน หรือการเดินทาง
  • ด้านจิตใจ:
    • อารมณ์: อาการปวดหัวเรื้อรังอาจทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิด โกรธ เศร้า หรือวิตกกังวล
    • สมาธิ: อาการปวดหัวอาจทำให้เสียสมาธิ ทำงานหรือเรียนหนังสือได้ไม่เต็มที่
    • ความจำ: อาการปวดหัวอาจส่งผลต่อความจำ ทำให้หลงลืม หรือจำสิ่งต่างๆ ได้ยาก
    • ความเครียด: อาการปวดหัวเรื้อรังอาจทำให้เกิดความเครียดและความกดดัน
  • ด้านสังคม:
    • ความสัมพันธ์: อาการปวดหัวอาจทำให้ไม่อยากออกไปพบปะผู้คน หรือทำกิจกรรมทางสังคม ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนรักแย่ลง
    • การเข้าสังคม: อาการปวดหัวอาจทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ได้ เช่น งานเลี้ยง งานแต่งงาน หรือการท่องเที่ยว
    • บทบาททางสังคม: อาการปวดหัวอาจทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ต่างๆ ในสังคมได้ เช่น การเป็นพ่อแม่ การเป็นลูก หรือการเป็นเพื่อน
  • ด้านการทำงาน:
    • ประสิทธิภาพในการทำงาน: อาการปวดหัวอาจทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำงานผิดพลาด หรือทำงานได้ช้าลง
    • การขาดงาน: อาการปวดหัวอาจทำให้ต้องลางานบ่อยๆ ส่งผลต่อรายได้และความก้าวหน้าในอาชีพ
    • ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน: อาการปวดหัวอาจทำให้หงุดหงิดง่าย และมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
สาเหตุของไมเกรน มีอะไรบ้าง ฉีดโบท็อกซ์ ช่วยลดปวดได้ดีกับเคสแบบไหน

สาเหตุการเกิดไมเกรน มีอะไรบ้าง

pie title สาเหตุของการเกิดไมเกรน  
    "พันธุกรรม" : 30  
    "ปัจจัยแวดล้อม" : 25  
    "ความเครียด" : 20  
    "ฮอร์โมน" : 15  
    "อาหารและเครื่องดื่ม" : 10  

สาเหตุของการเกิดไมเกรนสามารถแบ่งออกเป็นหลายปัจจัยหลัก ได้แก่

  • พันธุกรรม (Genetics) มีส่วนสำคัญในการกำหนดความเสี่ยงต่อการเกิดไมเกรน
  • ปัจจัยแวดล้อม (Environmental Factors) เช่น สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง, แสงจ้า, เสียงดัง, กลิ่นฉุน
  • ความเครียด (Stress) ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
  • ฮอร์โมน (Hormones) การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในผู้หญิง เช่น ช่วงมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือวัยหมดประจำเดือน
  • อาหารและเครื่องดื่ม (Food and Drinks) เช่น เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน, แอลกอฮอล์, ช็อกโกแลต, ชีส

การรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกซ์ (OnabotulinumtoxinA) เป็นวิธีการที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ โดยมีจุดฉีดและปริมาณยูนิตที่กำหนดไว้ชัดเจนค่ะ ข้อมูลด้านล่างนี้อ้างอิงจากแนวทางการรักษามาตรฐาน:

โบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ต้องฉีดจุดไหนบ้าง

จุดฉีดเพื่อรักษาอาการ

  • หน้าผาก (Frontalis) บริเวณกล้ามเนื้อหน้าผาก มักใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
  • ขมับ (Temporalis) บริเวณกล้ามเนื้อขมับ มักใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
  • ท้ายทอย (Occipitalis) บริเวณกล้ามเนื้อท้ายทอย มักใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
  • คอ (Cervical Paraspinal Muscles) บริเวณกล้ามเนื้อข้างกระดูกสันหลังช่วงคอ มักใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
  • บ่า (Trapezius) บริเวณกล้ามเนื้อบ่า มักใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
  • กล้ามเนื้อ Procerus บริเวณระหว่างคิ้วเหนือจมูก ใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (1 จุด)
  • กล้ามเนื้อ Corrugator บริเวณเหนือคิ้ว ใช้ 5 ยูนิตต่อจุด (2 จุด)
โบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ต้องฉีดจุดไหนบ้าง
frontalis muscle
ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์ลดการปวดไมเกรน บริเวณใบหน้า
โบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ต้องฉีดจุดไหนบ้าง Temporalis muscle
ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์ลดการปวดไมเกรน บริเวณขมับ
โบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ต้องฉีดจุดไหนบ้าง  occipitalis muscle splenius capitis muscle trapezius muscle
ตำแหน่งฉีดโบท็อกซ์ลดการปวดไมเกรน บริเวณท้ายทอย บ่า ไหล่

ข้อควรทราบ

  • แพทย์อาจปรับเปลี่ยนจุดฉีดและปริมาณยูนิตตามความเหมาะสมในแต่ละบุคคล
  • การฉีดโบท็อกซ์เพื่อรักษาไมเกรนควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
  • ผลลัพธ์ของการรักษาอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  • การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค

วิธีการรักษาไมเกรนที่นิยม

วิธีการรักษาลดปวดอ้างอิง
โบท็อกซ์ (Botox)★★★★☆https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6842954/, https://americanmigrainefoundation.org/treatment-options/botox/
ยาแก้ปวด (Pain Relievers)★☆☆☆☆https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/diagnosis-treatment/drc-20360207
ยาป้องกัน (Preventive Medications)★★★☆☆https://www.ninds.nih.gov/Disorders/All-Disorders/Migraine-Information-Page, https://www.nice.org.uk/guidance/cg150/chapter/1-Guidance
การฝังเข็ม (Acupuncture)★★☆☆☆https://www.evidence.nhs.uk/evidence-search?q=acupuncture%20for%20migraine, https://www.cochranelibrary.com/cdsr/doi/10.1002/14651858.CD007587.pub2/full
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม★★☆☆☆https://www.migrainetrust.org/, https://headaches.org/
  1. โบท็อกซ์ (Botox) อ้างอิงจากงานวิจัยหลายชิ้น พบว่าโบท็อกซ์สามารถลดความถี่และความรุนแรงของอาการไมเกรนได้ผลดีในผู้ป่วยบางราย
  2. ยาแก้ปวด (Pain Relievers) เช่น พาราเซตามอล, ไอบูโพรเฟน ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ในระดับหนึ่ง
  3. ยาป้องกัน (Preventive Medications) เช่น ยาต้านเศร้า, ยาความดันโลหิตสูง ช่วยลดความถี่ของการเกิดไมเกรน
  4. การฝังเข็ม (Acupuncture) มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการฝังเข็มสามารถช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้
  5. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Lifestyle Modifications) เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ, การจัดการความเครียด, การออกกำลังกาย

เช็คอาการปวดหัวแต่ละแบบก่อนรักษา

เช็คอาการปวดหัวแต่ละแบบก่อนรักษา ปวดหัวไมเกรนเป็นยังไง
  • ปวดหัวไซนัส (Sinus Headache)
    • เกิดจากการอักเสบหรือการติดเชื้อในโพรงไซนัส (โพรงอากาศในกระดูกบริเวณใบหน้า)
    • อาการปวดจะรู้สึกตื้อๆ หนักๆ บริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม หรือรอบๆ ดวงตา และอาจปวดมากขึ้นเมื่อก้มศีรษะลง
    • มักมีอาการร่วมอื่นๆ เช่น คัดจมูก มีน้ำมูกไหล มีไข้ ไอ เจ็บคอ หรือมีเสมหะ
    • อาการปวดจะดีขึ้นเมื่อการอักเสบของไซนัสลดลง
  • Tension Headache (ปวดหัวจากความเครียด)
    • เป็นอาการปวดหัวที่พบได้บ่อยที่สุด
    • มักรู้สึกปวดตื้อๆ เหมือนมีอะไรรัดรอบศีรษะ อาจปวดบริเวณหน้าผาก ขมับ หรือท้ายทอย
    • ความรุนแรงของอาการปวดมักไม่มากนัก และไม่แย่ลงเมื่อทำกิจกรรมทางกายภาพ
    • มักไม่ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หรือไวต่อแสง/เสียงมากนัก
  • Migraine (ไมเกรน)
    • อาการปวดหัวรุนแรง มักปวดตุบๆ ข้างเดียวของศีรษะ (แต่ก็สามารถปวดได้ทั้งสองข้าง)
    • อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และไวต่อแสงและเสียง
    • อาการจะแย่ลงเมื่อทำกิจกรรมทางกายภาพ
    • บางคนอาจมีอาการนำ (aura) เช่น เห็นแสงวูบวาบ หรือมีปัญหาในการมองเห็นก่อนปวดหัว
  • Cluster Headache (ปวดหัวคลัสเตอร์)
    • เป็นอาการปวดหัวที่รุนแรงที่สุดประเภทหนึ่ง แต่พบน้อย
    • มักปวดอย่างรุนแรง รอบๆ ดวงตาข้างเดียว และมักเกิดขึ้นเป็นชุด (cluster) ในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น วันละหลายครั้ง เป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน) แล้วอาจหายไปนาน
    • มักมีอาการร่วม เช่น น้ำตาไหล ตาแดง คัดจมูก หรือเหงื่อออกบริเวณหน้าข้างที่ปวด
    • อาการปวดอาจทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายหรือไม่สามารถอยู่นิ่งได้
หมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว แพทย์ประจำ

นวดคลายกล้ามเนื้อ VS โบท็อกซ์คลายกล้ามเนื้อ

คุณสมบัติการฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin)การนวด (Massage Therapy)
กลไกการออกฤทธิ์ออกฤทธิ์โดยตรง โดยการยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาท (Acetylcholine) ที่กล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว หรือลดการทำงานลงชั่วคราวเป็นการใช้แรงกด การลูบคลึง เพื่อคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดอาการปวด
ความแม่นยำ/ตรงจุดสูงมากและเฉพาะเจาะจง แพทย์สามารถฉีดสารโบท็อกซ์เข้าสู่กล้ามเนื้อเป้าหมายที่ต้องการคลายตัวได้อย่างตรงจุดทั่วไปและกว้างกว่า คลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อในบริเวณกว้าง อาจไม่สามารถคลายกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกๆ หรือเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำเท่า
ผลลัพธ์แน่นอน ชัดเจน และคาดการณ์ได้สูง กล้ามเนื้อเป้าหมายจะคลายตัวหรือลดการทำงานลงอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณที่ฉีดแปรผันได้ ขึ้นอยู่กับทักษะของผู้นวด สภาพกล้ามเนื้อ และความรุนแรงของปัญหา อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ตรงจุดตามที่ต้องการ
ระยะเวลาคงผลลัพธ์ยาวนานกว่า ประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณที่ฉีด และการตอบสนองของแต่ละบุคคลสั้นกว่าและชั่วคราว มักรู้สึกสบายตัวหลังนวดเพียงไม่กี่วันหรือสัปดาห์ หากสาเหตุของความตึงเครียดยังอยู่ อาการจะกลับมาได้เร็ว
วัตถุประสงค์หลักลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่น ลดริ้วรอยจากการขยับใบหน้า, ลดขนาดกราม, คลายกล้ามเนื้อที่หดเกร็งเรื้อรัง เช่น ไมเกรนจากกล้ามเนื้อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียดทั่วไป เพิ่มการไหลเวียน บรรเทาอาการปวดเมื่อย
การใช้ในทางการแพทย์/ความงามใช้เป็นหัตถการทางการแพทย์และความงามที่ได้รับการรับรอง เพื่อผลลัพธ์เฉพาะเจาะจงเป็นการบำบัดเสริม เพื่อสุขภาพและผ่อนคลาย อาจช่วยบรรเทาอาการบางอย่างได้ แต่ไม่ใช่การรักษาเฉพาะเจาะจง
การควบคุมผลลัพธ์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามารถควบคุมปริมาณและตำแหน่งการฉีดเพื่อปรับแต่งผลลัพธ์ได้ตามต้องการผู้นวด ใช้เทคนิคและแรงกดตามประสบการณ์และความรู้สึก ไม่สามารถควบคุมการคลายตัวของกล้ามเนื้อแต่ละมัดได้โดยตรง
ความรู้สึกระหว่าง/หลังทำอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างฉีด ผลจะเริ่มเห็นภายใน 3-7 วัน อาจมีรอยช้ำเล็กน้อยรู้สึกผ่อนคลายระหว่างนวด อาจมีอาการระบมเล็กน้อยหลังนวด

ลองนึกภาพดูนะคะ เวลาเราปวดเมื่อย หรือกล้ามเนื้อตึงจากการใช้งานทั่วไป การนวดจะช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนบน กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวขึ้นมาได้ค่ะ แต่ถ้ากล้ามเนื้อที่เรามีปัญหา เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกๆ หรือเป็นกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักและเกร็งตัวผิดปกติอย่างต่อเนื่อง เช่น กล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อกรามที่ใหญ่ หรือกล้ามเนื้อบางมัดที่ทำให้ปวดไมเกรน การนวดอาจจะเข้าไปไม่ถึง หรือไม่สามารถ ‘ปิดสวิตช์’ การทำงานที่มากเกินไปของกล้ามเนื้อนั้นๆ ได้อย่างตรงจุดและถาวรพอค่ะ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

  • ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินอาการและวางแผนการรักษา
  • แจ้งประวัติทางการแพทย์ โรคประจำตัว ยาที่กำลังรับประทาน และอาการแพ้ต่างๆ ให้แพทย์ทราบ
  • งดยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs และยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก่อนฉีดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ (ปรึกษาแพทย์ก่อนหยุดยา)
  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีด 24 ชั่วโมง

การดูแลหลังฉีดโบท็อกซ์ไมเกรน

  • หลีกเลี่ยงการนวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีด
  • งดออกกำลังกายหนัก และหลีกเลี่ยงความร้อน เช่น การอบไอน้ำ ซาวน่า หรือการทำเลเซอร์
  • หากมีอาการปวด บวม แดง หรือช้ำ บริเวณที่ฉีด สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการ
  • ติดตามอาการกับแพทย์ตามนัดหมาย

โบท็อกซ์ลดปวดไมเกรน ราคาเท่าไหร่

botox เกาหลี มียี่ห้อไหนบ้าง อัพเดท 2025 ราคาเท่าไหร่
ราคาโบท็อกซ์ อเมริกา เยอรมัน อังกฤษ แตกต่างกันยังไง เลือกแบบไหนดี
Allergan Dysport Xeomin
โปรแกรมราคา
NEURONOX 50 UNIT4,999.-
NEURONOX 100 UNIT7,999.-
AESTOX 50 UNIT4,999.-
AESTOX 100 UNIT7,999.-
HUGEL 50 UNIT5,999.-
HUGEL 100 UNIT9,999.-
XEOMIN 50 UNIT9,000.-
XEOMIN 100 UNIT17,000.-
DYSPORT 120 UNIT12,000.-
DYSPORT 300 UNIT19,000.-
BOTOX 50 UNIT12,900.-
BOTOX 100 UNIT19,999.-

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic

  • เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
  • สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
  • จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
  • ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
  • รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
  • แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้ แพทย์ทุกท่านมีใบอนุญาตและประสบการณ์ด้านโบท็อกซ์ลดกล้ามเนื้อ
  • คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
  • โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้
  • แสดงขั้นตอนการผสมยา ให้เห็นการผสมโบท็อกซ์กับน้ำเกลือ โปร่งใสทุกขั้นตอน
ดีเลิฟเวอรี่คลินิก รับชำระด้วย Shopee SPayLater

รีวิว Botulinum Toxin บริเวณอื่นๆ

  • สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
  • สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546

การดูแลผิวหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบและอ่อนเยาว์นั้น ไม่ใช่แค่การดูแลผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากชั้นผิวไหน เพื่อให้หมอเลือกโปรแกรมที่ ตรงจุด เช่น โปรแกรม Sculptra, Profhilo, Radiesse, Thermage FLX, Potenza, Oligio เหมาะกับการปรับปรุงคุณภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและไขมันตื้น, โปรแกรม Botox ใช้กับริ้วรอยจากการทำงานของกล้ามเนื้อ, โปรแกรม Ulthera ยกกระชับโครงสร้างลึกถึงชั้น SMAS, และ โปรแกรม Filler ช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มโครงสร้างกระดูกและไขมันชั้นลึก การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาในแต่ละชั้นผิวอย่างละเอียด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงามและยั่งยืนค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง

อ่านเพิ่มเติม

การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ

ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง

กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น

ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ

เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคนไข้ที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น สามารถเลือกทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหาค่ะ หาก กรามใหญ่ จากกล้ามเนื้อ การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กรามเล็กลง, ถ้ามี ไขมันที่แก้มและเหนียง เยอะ การฉีด เมโสแฟต เพื่อสลายไขมันเป็นทางเลือกที่ดี, หรือหากใบหน้า หย่อนคล้อย ไม่กระชับ การทำเครื่องยกกระชับอย่าง HIFU หรือ Ulthera ก็จะช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดและดูเรียวขึ้นได้ ซึ่งในคนไข้บางรายอาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนตัดสินใจค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกซ์หลายยี่ห้อในปีเดียวจะเป็นอะไรไหม หมอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การสลับยี่ห้อ แต่อยู่ที่ ความบริสุทธิ์ของตัวยา, การเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย., และการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ โบทูลินัมท็อกซินแต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกา เกาหลี หรือเยอรมัน จะมีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เช่น ความแน่นของการจับกับกล้ามเนื้อ หรือการกระจายตัวของยา แต่หัวใจหลักของมันคือการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน ตราบใดที่เรามั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานและฉีดในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ผลลัพธ์ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ

ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะหากปีก่อนเคยฉีดอีกยี่ห้อ แล้วปีนี้จะมาฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ร่างกายเราไม่ได้จดจำยี่ห้อค่ะ สิ่งที่ร่างกายสนใจคือตัวยาที่เข้าไปทำงาน การสลับยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นยาแท้ 100% และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันตามมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ นี่คือหัวใจของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น

ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก

พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

30

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

For those who've never known its grip, an hour is but a fleeting moment. But for the one battling the unseen war within their skull, that single hour stretches into an eternity of agony. Don't let your moments be stolen by pain; reclaim them through healing.

★★ ความประทับใจ ★★

google
보크
보크
06/09/2025
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
24/12/2024
google
วิภัทร พงศ์ทิพากร
วิภัทร พงศ์ทิพากร
21/07/2024
facebook
Wipat Pongtipagorn
Wipat Pongtipagorn
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Peter Nick
Peter Nick
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Tay Pattara
Tay Pattara
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
วสิทธิ์ ทองโผ
วสิทธิ์ ทองโผ
แนะนำเลย
12/05/2024