ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

Radiesse คืออะไร

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

Biostimulator

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

Radiesse คืออะไร ช่วยอะไร ราคาเท่าไหร่ เหมือนฟิลเลอร์ไหม คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา

จุดเด่นสำคัญของ Radiesse

  • เพิ่มคอลลาเจน TYPE 1
  • เพิ่มคอลลาเจน TYPE 3
  • เพิ่มความยืดหยุ่นด้วย Elastin
  • เพิ่มความชุ่มชื้นด้วย Proteoglycan
  • เติมอาหารผิวด้วย Angiogenesis

ผิวของเรามีคอลลาเจนและอีลาสตินที่ร่างกายผลิตขึ้นมาจำนวนมาก ซึ่งทำหน้าที่ช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง เรียบเนียน และกระจ่างใส อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอายุมากขึ้น ปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินจะลดลง รวมถึงสารน้ำหล่อเลี้ยงผิวและความสามารถในการนำสารอาหารมาบำรุงเซลล์ผิวก็ลดลงด้วย ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ผิวดูหมองคล้ำ แห้งกร้าน และไม่สดใส ดังนั้น เราจึงควรตรวจสอบสภาพผิวของตนเองอยู่เสมอ เพื่อดูแลและบำรุงผิวให้คงความอ่อนเยาว์และสุขภาพดีอยู่เสมอ

Radiesse คืออะไร

Radiesse คืออะไร

Radiesse (เรเดียส) เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ประกอบด้วย CaHA หรือ Calcium Hydroxylapatite ซึ่งช่วยเติมเต็มวอลุ่มให้ผิวได้ทันทีและฟื้นฟูผิวได้ถึง 5 องค์ประกอบในระยะยาว จึงเหมาะสำหรับการแก้ปัญหาผิวเสื่อมสภาพระดับปานกลางถึงสูง เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก คอ และหลังมือ Radiesse กระตุ้นการสร้างผิวใหม่จากภายในโดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวถึง 5 องค์ประกอบ ช่วยให้ผิวฟื้นฟูจากภายในสู่ภายนอก

Radiesse เหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวที่มีริ้วรอยและหย่อนคล้อย เช่น

  • ร่องแก้ม
  • ร่องน้ำหมาก
  • บริเวณคอ
  • หลังมือ

CaHA คืออะไร

การสร้างคอลลาเจนของ Radiesse แตกต่างจากสารกระตุ้นคอลลาเจนอื่นๆ ตรงที่ Radiesse ไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เนื่องจากส่วนประกอบหลักของ Radiesse คือ CaHA หรือแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายอยู่แล้ว จึงไม่ใช่สารแปลกปลอมที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ

CaHA มีการใช้ในทางการแพทย์มานานกว่า 25 ปี และมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากเข้ากันได้กับร่างกายและสามารถสลายไปตามธรรมชาติได้โดยกลไกปกติของร่างกาย

CaHA ใน Radiesse เป็น Biostimulator ที่มีคุณสมบัติพิเศษในการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนด้วยตัวเอง ปัจจุบันมี Biostimulator หลายประเภทที่ได้รับความนิยม เช่น PLLA (SculptraⓇ), PDO (UltracolⓇ), PDLLA (JuvelookⓇ), PCL (GouriⓇ) และ Calcium Hydroxyapatite (RadiesseⓇ) แต่ละประเภทมีข้อดี ข้อเสีย และวิธีการฉีดที่แตกต่างกัน

ข้อดีของ Radiesse

  • ปลอดภัยสูง: CaHA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูงและเข้ากันได้ดี
  • ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ: Radiesse ไม่กระตุ้นการอักเสบเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น อาการบวมแดงหรือปวด
  • เห็นผลลัพธ์ทันทีและยาวนาน: Radiesse ช่วยเติมเต็มวอลุ่มให้ผิวได้ทันที และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเปล่งประกายยิ่งขึ้น ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี

ข้อเสียของ Radiesse

  • ราคาสูงกว่า: Radiesse มีราคาสูงกว่า Biostimulator บางประเภท
  • อาจต้องฉีดซ้ำ: เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจจำเป็นต้องฉีด Radiesse ซ้ำหลายครั้ง

Radiesse ช่วยอะไรบ้าง

Radiesse filler มีคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องต่างๆ ได้แก่

  • เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก
  • ปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงมากขึ้น
  • ช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและเปล่งประกาย

การทำงานของ Radiesse

Radiesse filler ทำงานโดยการเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึกบนใบหน้า นอกจากนี้ Radiesse filler ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงมากขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนตามลำดับนี้

1. ก่อนการรักษา: ผิวที่มีปัญหา ผิวขาดวอลุ่ม เป็นร่องลึก

2. ระหว่างการรักษา: ฉีด Radiesse เข้าไปเติมเต็มวอลุ่มได้ทันที

3. หลังการรักษาในระยะยาว: CaHA ใน Radiesse กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนรอบๆ ฟิลเลอร์

4. ผลลัพธ์: เกิดโครงสร้างคอลลาเจนช่วยเพิ่มวอลุ่ม เข้ามาแทนที่ฟิลเลอร์ และเกิดการสร้างคอลลาเจนต่อเนื่องไปจนครบกำหนดความเสื่อมของผิว

Radiesse มีกี่รุ่น

Radiesse Filler มี 2 รุ่น ได้แก่

Radiesse Filler

  • ใช้ฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  • ลดปัญหาการสูญเสียไขมันบนใบหน้า
  • นิยมใช้ฉีดบริเวณรอยพับ ร่องลึก มือ หรือเนินอก เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความหนาแน่นของผิว
Radiesse-มีกี่รุ่น

Radiesse Filler +

  • ใช้เก็บรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้า
  • มีส่วนผสมของยาชาเพื่อบรรเทาความเจ็บขณะฉีด
  • ออกแบบมาเพื่อป้องกันการบาดเจ็บใต้ผิวหนัง

Radiesse เหมาะกับใคร

Radiesse filler เหมาะสำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับริ้วรอยและต้องการปรับรูปหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

  • ผิวหน้าขาดคอลลาเจน ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ไม่มีวอลลุ่ม
  • มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องมุมปาก
  • ผิวหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
  • ผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น มีรูขุมขนกว้าง
  • มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบริเวณหลังมือ ลำคอ
  • ผิวหนังยุบลง มีรอยแผลเป็น รอยบุ๋ม หรือหลุมสิวที่ไม่ลึกมาก
  • มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มีริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัย ต้องการมีผิวเด็กและเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว โดยต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์และเพิ่มคอลลาเจนให้ผิว

Radiesse ไม่เหมาะกับใคร

  • อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
  • มีประวัติแพ้แบบรุนแรงหรือประวัติภาวะช็อกจากการแพ้ยาอย่างรุนแรง
  • มีประวัติแพ้ยาชา หรือแพ้สารที่เป็นองค์ประกอบใน Radiesse
  • มีผิวหนังที่มีแนวโน้มเกิดแผลเป็นนูนหรือคีลอยด์สูง
  • มีการอักเสบของผิวหนังหรือการติดเชื้อใกล้บริเวณที่ทำการรักษา
  • มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
Radiesse ฉีดตรงไหนได้บ้าง

Radiesse ฉีดจุดไหนได้บ้าง

Radiesse filler สามารถฉีดได้กับบริเวณต่างๆ บนใบหน้า ได้แก่

  • ร่องแก้ม: เส้นข้างแก้มที่อาจมีร่องลึกเพิ่มขึ้นตามอายุ การเติม Radiesse ช่วยทำให้หน้าดูเด็กลงและร่องตื้นขึ้น
  • ร่องน้ำหมาก: เส้นที่ลากจากมุมปากลงมาถึงบริเวณคาง การเติม Radiesse ช่วยลดอายุและปรับร่องน้ำหมากให้ดูเยิ่ง
  • หน้าแก้ม: บริเวณที่ขาดวอลุ่มเมื่ออายุมากขึ้น การเติม Radiesse ช่วยยกกระชับหน้าเด็กลงและปรับผิวให้ดีขึ้น
  • กรอบหน้า: ช่วยทำให้กรอบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น และช่วยกระชับหน้า
  • ขมับ: ช่วยแก้ปัญหาขมับที่ทำให้ดูมีอายุ
  • หลังมือ: ช่วยลดอายุและเติมวอลุ่มให้ผิวหนังดูธรรมชาติบนหลังมือ
  • เนินอก: ช่วยแก้ปัญหาผิวย่นบริเวณเนินอกที่ทำให้ดูมีอายุ
Radiesse ช่วยอะไร

Radiesse ราคาเท่าไหร่

ราคาของ Radiesse filler จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ บริเวณที่ฉีด และแพทย์ที่ทำการรักษา โดยทั่วไปแล้ว ราคาควรจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 บาท

ไม่ว่าหัตถการใดๆ ก็ตาม ที่มีราคาถูกเกินจริง มักมีอะไรแอบแฝง ซ่อนเร้น โดยที่เราไม่รู้อยู่เสมอๆ

ตัวอย่างผลลัพธ์หลังทำ

Radiesse-ร่องแก้ม มุมปาก ร่องน้ำหมาก
*ผลลัพธ์หลังทำขึ้นอยู่กับจำนวน ตำแหน่ง คุณภาพผิวเดิม ของแต่ละบุคคล
*ผลลัพธ์หลังทำขึ้นอยู่กับจำนวน ตำแหน่ง คุณภาพผิวเดิม ของแต่ละบุคคล
*ผลลัพธ์หลังทำขึ้นอยู่กับจำนวน ตำแหน่ง คุณภาพผิวเดิม ของแต่ละบุคคล

เปรียบเทียบ Radiesse กับโปรแกรมอื่น

ฟิลเลอร์ Radiesse มีความแตกต่างจากหัตถการงานผิวอื่นๆ ดังนี้

  • โบท็อกซ์: โบท็อกซ์เป็นสารที่ใช้เพื่อลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น ริ้วรอยบริเวณหน้าผากและริ้วรอยร่องปาก ในขณะที่ Radiesse filler เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก
  • ไฮยาลูโรนิกแอซิด (HA): HA เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นและเต่งตึง ฟิลเลอร์ HA มีความนุ่มและยืดหยุ่นกว่า Radiesse filler แต่มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่า

เปรียบเทียบ Radiesse กับฟิลเลอร์ HA

คุณสมบัติRadiesseฟิลเลอร์ HA
การเติมเต็มปริมาตร★★★★★★★★★
อยู่ได้นาน2 ปี12 ถึง 18 เดือน
การคงตัวของปริมาตรคงอยู่ลดลงทีละน้อย
การฉีดสลายเมื่อไม่ต้องการไม่ได้ได้ ด้วยไฮยาลูโรนิเดส
อาการแพ้ยังไม่มีรายงานมีรายงานแต่น้อยมากในต่างประเทศ
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

การเตรียมตัวก่อนทำ Radiesse

ก่อนเข้ารับการฉีด Radiesse ควรปฏิบัติดังนี้

  • งดวิตามิน อาหารเสริม และยาที่ทำให้เลือดแข็งตัว เช่น แปะก๊วย กระเทียม และวิตามินอี ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดสครับผิว รวมถึงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการอักเสบหลังฉีด Radiesse
  • แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนรับบริการ
  • วางแผนการใช้หน้า เพราะหลังทำ อาจจะมีรอยแดงได้บ้างในบางราย

ขั้นตอนการรับบริการ

การฉีด Radiesse โดยทั่วไปมีขั้นตอนดังนี้

  • การปรึกษาและประเมินสภาพผิว: แพทย์จะประเมินสภาพผิวของคุณและตรวจสุขภาพผิวโดยละเอียด
  • การทายาชา: แพทย์จะทายาชาบริเวณที่ต้องการฉีด ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์
  • การฉีด Radiesse: เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว แพทย์จะฉีด Radiesse เข้าใต้ชั้นผิว ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริเวณ
  • การนวดหลังฉีด: หลังจากฉีดเสร็จ แพทย์จะนวดบริเวณที่ฉีดเบาๆ เพื่อให้ Radiesse กระจายตัวอย่างทั่วถึง
  • รับยา: หากแพทย์ประเมินว่าต้องมีการทานยาเพิ่มเติม
  • รับฟังคำแนะนำ การดูแลตัวเองจากเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดก่อนออกจากคลินิก

Radiesse ต้องทำกี่กล่อง กี่หลอด

จำนวนกล่อง Radiesse ที่ต้องการสำหรับแต่ละบริเวณ

บริเวณจำนวนกล่อง
ร่องแก้ม1-2 กล่อง
ร่องน้ำหมาก1 กล่อง
ขมับ1-2 กล่อง
หลังมือ1-2 กล่อง
เนินหน้าอก2-3 กล่อง
ลำคอ1 กล่อง

หมายเหตุ: จำนวนกล่องที่แท้จริงที่จำเป็นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความรุนแรงของริ้วรอย ปริมาณการสูญเสียปริมาตร และผลลัพธ์ที่ต้องการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อกำหนดจำนวนกล่องที่เหมาะสมสำหรับคุณปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

การดูแลหลังทำ Radiesse

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ Radiesse ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วย

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและช้ำ
  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อน
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือซาวน่า

ข้อควรระวังหลังทำ Radiesse

หลังจากฉีดฟิลเลอร์ Radiesse ผู้ป่วยควรสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการบวมแดงมาก อาการปวดหรือคันบริเวณที่ฉีด หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

  • อาการบวมแดง
  • อาการปวดหรือคันบริเวณที่ฉีด
  • อาการฟกช้ำ
  • อาการแพ้
  • การติดเชื้อ

ผลข้างเคียงเหล่านี้มักจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ หากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

SCULPTRA-vs-RADIESSE เลือกอะไรดี

Radiesse vs Sculptra

คุณสมบัติRadiesseSculptra
ส่วนประกอบหลักCalcium Hydroxyapatite (CaHA)Poly-L-Lactic Acid (PLLA)
กลไกการออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 5 ประเภทกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type 1
เหมาะสำหรับเพิ่มวอลลุ่มใบหน้า เติมเต็มริ้วรอยฟื้นฟูโครงสร้างผิวเดิม ชะลอริ้วรอย
เห็นผลทันที2-3 สัปดาห์
ผลลัพธ์ที่ชัดเจน3-6 เดือน3 เดือน
ระยะเวลาคงอยู่2 ปี2 ปี
ความปลอดภัยปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบปลอดภัยสูง ไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ
ข้อเสียราคาสูงกว่า , อาจต้องฉีดซ้ำอาจต้องฉีดซ้ำหลายครั้ง, ต้องรอผลลัพธ์นานกว่า
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Radiesse vs Gouri

คุณสมบัติRadiesseGouri
ประเภทสารกระตุ้นคอลลาเจนสารกระตุ้นคอลลาเจน
เน้นเพิ่มวอลลุ่มใบหน้าฟื้นฟูและแก้ไขผิวเสื่อมสภาพ
ส่วนประกอบหลักCaHAPCL
วิธีการทำงานกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 5 ประเภทกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน
เหมาะสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวขาดคอลลาเจน มีริ้วรอยอายุ 18 ปีขึ้นไป ผิวเสื่อมสภาพ หย่อนคล้อย
ผลลัพธ์หลังฉีดเห็นผลทันที ผลชัดเจนเต็มที่ใน 3-6 เดือนเห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์
ระยะเวลาคงอยู่2 ปี6-12 เดือน
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Radiesse vs Rejuran

คุณสมบัติRadiesseRejuran
ประเภทสารกระตุ้นคอลลาเจนSkin Booster
เน้นเพิ่มวอลลุ่มใบหน้าฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มน้ำ
ส่วนประกอบหลักCaHAPolyneucleotide (PN)
วิธีการทำงานกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 5 ประเภทกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน และเส้นใย fibroblast
เหมาะสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวขาดคอลลาเจน มีริ้วรอยอายุ 18 ปีขึ้นไป ผิวแห้งกร้าน เสื่อมโทรม
ผลลัพธ์หลังฉีดเห็นผลทันที ผลชัดเจนเต็มที่ใน 3-6 เดือนเริ่มเห็นผลใน 2-5 วัน ผลชัดเจนใน 4 สัปดาห์
ระยะเวลาคงอยู่2 ปี3-6 เดือน
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Radiesse vs Exosome

คุณสมบัติRadiesseExosome
ประเภทสารกระตุ้นคอลลาเจนSkin Booster
เน้นเพิ่มวอลลุ่มใบหน้าฟื้นฟูผิวจากภายใน
ส่วนประกอบหลักCaHAสารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิด
วิธีการทำงานกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 5 ประเภทกระตุ้นและฟื้นฟูเซลล์ผิว
เหมาะสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป ผิวขาดคอลลาเจน มีริ้วรอยเป็นสิว มีหลุมสิวตื้น ๆ รอยสิว ผิวไม่เรียบเนียน แห้งขาดความชุ่มชื้น
ผลลัพธ์หลังฉีดเห็นผลทันที ผลชัดเจนเต็มที่ใน 3-6 เดือนเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-7 วัน ผลชัดเจนหลังทำต่อเนื่อง 5 ครั้ง
ระยะเวลาคงอยู่2 ปี1 ปี
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

Radiesse vs AestheFill

คุณสมบัติRadiesseAesthefill
ส่วนประกอบหลักCAHA (แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์)PDLLA (โพลี-D, L-แลคติกแอซิด)
กลไกการทำงานเติมเต็มปริมาตรทันที + กระตุ้นคอลลาเจนกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว
ผลข้างเคียงอาการแดง บวม ช้ำอาการแดง บวม ช้ำ
การมองเห็นผลลัพธ์7-10 วัน1-2 สัปดาห์
ระยะเวลาคงอยู่2 ปี2 ปี
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

ใช้เวลารับบริการ:

60

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

Reset ผิว ให้ Young ยาวนาน ดูแลก่อน เห็นผลลัพธ์ก่อน

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Hana Mizu
แนะนำเลย
facebook
Nicha Nichapa
แนะนำเลย
google
facebook
google
Chuttanun Thirawadee
Chuttanun Thirawadee
google