การฉีดฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในโปรแกรมความงามยอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยและปรับปรุงรูปหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม หลังจากทำแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติคือการดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
ทำไมต้องดื่มน้ำมากขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ในช่วง 1 สัปดาห์แรก
เหตุผลหลักที่ต้องดื่มน้ำมากขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ มีดังนี้
1. ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและมีสุขภาพดี:
- การดื่มน้ำเพียงพอจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เต่งตึง และมีสุขภาพดี
- ซึ่งจะช่วยให้ฟิลเลอร์เข้ากับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น และช่วยฟื้นฟูผิวหลังจากทำทรีตเมนต์
2. ช่วยกำจัดสารส่วนเกินในกระบวนการฉีดฟิลเลอร์:
- การดื่มน้ำปริมาณมากจะช่วยกระตุ้นการขับสารส่วนเกิน เช่นยาชาที่อาจเกิดขึ้นจากกระบวนการฉีดฟิลเลอร์ออกจากร่างกาย
- ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมและอักเสบได้
3. ช่วยป้องกันผลข้างเคียง:
- การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการฉีดฟิลเลอร์ เช่น อาการบวม รอยช้ำ หรือการติดเชื้อ
- เนื่องจากร่างกายที่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอจะมีความสามารถในการซ่อมแซมและฟื้นฟูได้ดีกว่า
4. ช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวนานขึ้น:
- การดื่มน้ำปริมาณมากจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- และช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวอยู่ได้นานขึ้น ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ยาวนานและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2-2.5 ลิตร ในช่วง 1 สัปดาห์แรกหลังจากฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่แนะนำอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น เพศ น้ำหนัก และสภาพแวดล้อม จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ฟิลเลอร์ถือเป็นสารอุ้มน้ำ (hydrophilic substance) เนื่องจากในเนื้อฟิลเลอร์มีส่วนประกอบของกรดไฮยาลูโรนิก (hyaluronic acid) ซึ่งเป็นสารที่สามารถดูดซับและกักเก็บน้ำไว้ได้เป็นจำนวนมาก คุณสมบัตินี้ทำให้ฟิลเลอร์สามารถเพิ่มปริมาตรให้กับผิวหนัง เติมเต็มร่องลึก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวได้เป็นอย่างดี
การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ วิธีที่ช่วยให้การฟื้นตัวหลังการฉีดฟิลเลอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลหลังรับบริการอย่างเคร่งครัด และหากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติใดๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด