สรุปให้สั้นๆ สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลการลดน้ำหนัก หรือคุมน้ำหนักให้ตนเองอยู่
ปากกาลดน้ำหนักมีมานานแค่ไหน
ปากกาลดน้ำหนักเริ่มมีอยู่ในตลาดยาประมาณทศวรรษที่ผ่านมา โดยเริ่มที่ต่างประเทศ ทางอเมริกา ยุโรปจะเป็นที่รู้จักและมีการใช้กันแพร่หลาย แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมากในช่วง 5-10 ปีหลัง เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนา ที่มุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีน้ำหนักเกิน
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร?
ปากกาลดน้ำหนัก (Weight Loss Pen) เป็นอุปกรณ์ที่บรรจุยาในรูปแบบปากกา ใช้งานง่าย โดยทั่วไปแล้วมันเป็นฮอร์โมนกลุ่ม GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ที่จำเพาะเจาะจง เช่น Semaglutide หรือ Liraglutide ซึ่งใช้ในการรักษาภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
ปากกาลดน้ำหนักทำงานอย่างไร
ปากกาลดน้ำหนักทำงานโดยการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง ยากลุ่มนี้นี้มักทำงานโดยการ:
- การลดความอยากอาหาร: GLP-1 มีผลทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและกินน้อยลง โดยผลลัพธ์นี้เกิดจากการที่ฮอร์โมนกระตุ้นสมองทำให้รู้สึกอิ่ม
- ชะลอการเริ่มย่อยอาหารในท้อง: ยาจะชะลอการเคลื่อนไหวของอาหารจากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้, ทำให้รู้สึกอิ่มยาวนานกว่า
- ควบคุมการผลิตกลูโคสของตับ: ยาช่วยลดระดับกลูโคสในเลือดโดยการเพิ่มความไวของเนื้อเยื่อต่างๆ ต่ออินซูลินและลดการผลิตกลูโคสของตับ
- เสริมสร้างการใช้พลังงาน: GLP-1 ยังสามารถเพิ่มการใช้พลังงานในร่างกาย ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก
การใช้ปากกาลดน้ำหนักจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและควบคุมดูแลจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยสูงสุด
ปากกาลดน้ำหนัก หรือปากกาคุมหิว เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน: หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30 ซึ่งถือว่ามีภาวะน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่างๆ: เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วย: เพื่อประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่ต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ: ช่วยควบคุมความอยากอาหารและพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล: เช่น การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ผู้ที่ต้องการวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย: ที่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่กลับมาโยโย่
เช็คเบื้องต้น ว่าปากกาคุมหิว เหมาะกับเราไหม
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน:
- ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน:
- ดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 27-29
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น:
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ
- ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีนิสัยชอบกินจุกจิก กินไม่หยุด หิวบ่อย:
- และต้องการลดพฤติกรรมการกินเหล่านี้ให้น้อยลง
ปากกาลดความอ้วน Wegovy


Ozempic™ | Wegovy™ | |
---|---|---|
สารออกฤทธิ์: | Semaglutide | Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: | ฉีดใต้ผิวหนัง | ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: | 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม | 1 ปากกา (ขนาด 2.4 mg/1.5 ml) ต่อสัปดาห์ |
ขนาดยาที่ปรับได้: | 0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 2 mg | 0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 1.7 mg, 2.4 mg |
ความถี่ในการฉีด: | อาทิตย์ละ 1 ครั้ง | อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: | – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าแบบปกติ – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่รบกวนการใช้ชีวิต หรืออ่อนเพลียง่าย – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้น้ำหนักกลับมาเหมือนเดิม – ผ่าน อย. | – ลดน้ำหนักได้ดีมากด้วยขนาดยา 2.4 mg – ใช้ขนาดยาสูงสุดต่อสัปดาห์ได้ – ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงด้านการลดน้ำหนัก – คุมหิว ลดภาวะอยากอาหาร – ผ่าน อย. มีงานวิจัย – ผลข้างเคียงคล้าย Ozempic (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน) |

ปากกาคุมหิว Saxenda VS Ozempic
Saxenda® | Ozempic™ |
---|---|
สารออกฤทธิ์: Liraglutide | สารออกฤทธิ์: Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง | รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: 5 ปากกา (แต่ละด้ามบรรจุ 3 ml) | ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม |
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.6mg, 1.2mg, 1.8mg, 2.4mg, 3.0mg | ขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg |
ความถี่ในการฉีด: ทุกวัน | ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็ว ปลอดภัย – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ | ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ |


ปากกาคุมผิว Trulicity VS Ozempic
Trulicity | Ozempic |
---|---|
สารออกฤทธิ์: Dulaglutide | สารออกฤทธิ์: Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง | รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: 4 ด้าม (แต่ละด้ามบรรจุ 0.5 ml) | ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม |
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.75mg, 1.5mg | ขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg |
ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง | ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: – ควบคุมความอยากอาหาร – ลดน้ำหนัก (โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง – ผลข้างเคียงน้อย – ผ่าน อย. ไทย | ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. ไทย |
ปากกาลดความอ้วน Mounjaro VS Wegovy
Mounjaro (tirzepatide) | Wegovy (semaglutide) | |
---|---|---|
ปีที่ได้รับอนุมัติ Thai FDA | 31 กรกฎาคม 2567 | 3 สิงหาคม 2566 |
วิธีการใช้ | ฉีดสัปดาห์ละครั้ง | ฉีดสัปดาห์ละครั้ง |
ช่วงขนาดยา | 2.5 – 15.0 มก. | 0.25 – 2.4 มก. |
เป้าหมายของการออกฤทธิ์ | GLP-1 และ GIP | GLP-1 |
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย | คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก อาเจียน | คลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ท้องผูก |
ผลลดน้ำหนักเฉลี่ย (*แล้วแต่บุคคล) | ลดน้ำหนักเฉลี่ย 22.5% หลัง 72 สัปดาห์ (ขนาด 15 มก.) | ลดน้ำหนักเฉลี่ย 14.9% หลัง 68 สัปดาห์ (ขนาด 2.4 มก.) |
ข้อควรระวัง ปากกาคุมหิว
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
- ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักสำหรับทุกคน และควรใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
- อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
Dulaglutide, Semaglutide, Liraglutide เป็นยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists เป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวานและลดน้ำหนัก แต่ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับยาอื่นๆ โดยสรุปได้ดังนี้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด แต่อาจบรรเทาลงได้เมื่อร่างกายปรับตัว
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ: โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดน้ำตาลชนิดอื่นร่วมด้วย ควรสังเกตอาการ เช่น เหงื่อออก ใจสั่น หน้ามืด
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้น้อย):
- ตับอ่อนอักเสบ: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ลิ้นปี่ร้าวไปหลัง
- มะเร็งไทรอยด์: ห้ามใช้หากมีประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้
- นิ่วในถุงน้ำดี: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงขวาร้าวไปสะบักขวา
- ชีพจรเต้นเร็ว
- ไตวายเฉียบพลัน: พบได้น้อย มักเกิดในผู้ที่ขาดน้ำร่วมด้วย
- ภาวะเบาหวานขึ้นตาเลวลง: อาจทำให้ตาพร่ามัวหรือตาบอดได้
ข้อควรระวัง:
- ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
- แจ้งแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ
- ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์หรือเภสัชกร
ปากกาคุมหิว ราคาเท่าไหร่
ชื่อปากกาคุมหิว | ราคา (บาท) |
---|---|
Mounjaro | 25,000 |
Wegovy | 17,000 |
Ozempic | 17,000 |
Trulicity | 14,000 |



ตำแหน่งการฉีดปากกาคุมน้ำหนัก
ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดได้แก่
- หน้าท้อง (Abdomen):
- บริเวณรอบ ๆ สะดือแต่ควรห่างจากสะดือประมาณ 2 นิ้ว
- หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีแผลหรือแผลเป็น
- ต้นขาด้านหน้า (Front of the Thighs):
- บริเวณกลาง ๆ ด้านหน้าและด้านข้างของต้นขา
- ควรเปลี่ยนจุดฉีดทุกครั้งเพื่อลดการด้านของเนื้อเยื่อ
- ต้นแขน (Upper Arm):
- ด้านหลังของต้นแขนเหนือข้อศอกถึงไหล่
- ต้องมีคนช่วยฉีดถ้าฉีดเองทำไม่ได้
ข้อห้าม
- ห้ามฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous):
- การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำไม่เหมาะสำหรับยาที่ออกแบบมาให้ใช้แบบ subcutaneous และอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- ห้ามฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular):
- การฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจทำให้ยาไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและอาจเกิดการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บได้
การปฏิบัติที่ถูกต้อง
- ล้างมือก่อนและหลังการฉีดยา
- ใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่ต้องการฉีด
- ใช้เข็มที่สะอาดและปลอดเชื้อ (จำเป็นต้องใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง)
- ฉีดยาในมุมที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์


ขั้นตอนการใช้ปากกาคุมหิว Ozempic
เตรียมปากกา
- อ่านฉลากเพื่อยืนยันว่าปากกาของคุณบรรจุ Ozempic®
- ตรวจสอบว่ายาในปากกามีลักษณะใสและไม่มีสี
ติดเข็มใหม่
- ฉีกกระดาษที่ปิดออก
- กดและหมุนเข็มจนแน่น
- ดึงฝาครอบเข็มทั้งสองฝาออก
ตรวจสอบว่ามีตัวยาไหลออกมา
- หมุนตัวเลือกปริมาณจนกว่าตัวนับปริมาณจะแสดงสัญลักษณ์ตรวจสอบการไหล
- กดปุ่มปริมาณค้างไว้จนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดง 0
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีหยดปรากฏที่ปลายเข็ม
เลือกปริมาณการปล่อยยา
- หมุนตัวเลือกปริมาณจนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดงปริมาณที่คุณต้องฉีด (0.25 มก. หรือ 0.5 มก. สำหรับปากกาฉลากแดง, 1 มก. สำหรับปากกาฉลากน้ำเงิน และ 2 มก. สำหรับปากกาฉลากเหลือง)
ฉีดตัวยาเข้าร่างกาย
- สอดเข็มเข้าไปในผิวหนังของคุณ
- กดปุ่มปริมาณค้างไว้
- หลังจากตัวนับปริมาณแสดง 0 ให้ค่อยๆ นับถึง 6
- ถอนเข็มออกจากผิวหนังของคุณ
คำแนะนำหลังฉีด
- ถอนเข็มออกอย่างระมัดระวังและใส่ในภาชนะทิ้งของมีคม
- ใส่ฝาปิดปากกากลับที่ปากกา
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของยา นี่คือวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง
- เก็บตัวยาฉีดที่ยังไม่ได้เปิดใช้:
- เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
- ห้ามเก็บตัวยาในช่องแช่แข็ง
- หลังจากเปิดใช้แล้ว:
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง โดยควรเป็นอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส
- ตัวยาจะมีอายุการใช้งาน 1 เดือนหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- คำแนะนำเพิ่มเติมในการเก็บรักษา:
- เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
- ห้ามใช้ยานี้หากสารละลายขุ่นไม่ใสหรือมีสีปนเปื้อน
- สวมปลอกยาทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- ปากกาสำหรับฉีดแต่ละด้ามให้ใช้กับคนไข้บุคคลเดียวเท่านั้น ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น แม้จะมีการเปลี่ยนหัวเข็มก็ตาม
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักตามคำแนะนำนี้จะช่วยให้ตัวยาสามารถคงคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาได้มากที่สุด
คนไข้หลายคนที่ใช้ ปากกาลดน้ำหนัก กังวลว่าจะต้องออกกำลังกายยังไงให้เหมาะสม ไม่ทำให้ตัวเองหักโหม หรือใช้พลังงานมากไป หรือให้สัมพันธ์กับอาหารที่ทาน อย่างทีแรกที่ต้องตระหนักเลย คือ “อย่าหักโหมในทุกอย่างที่กำลังทำ” เช่น ไม่ทานน้อยไปจนอ่อนแรงหน้ามือ ไม่ออกกำลังกายหนักไป จนกล้ามเนื้อบอบช้ำ ยาก็ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ ไม่ต้องมากไปกว่านั้น ใช้ชีวิตให้สมดุลในแบบที่ลดปริมาณ จำนวน เวลาลง ปรับให้เข้ากับจังหวะชีวิตของคนไข้เองให้ได้ก่อน
หมอลงรายละเอียดอื่นๆให้อีกหน่อยนะคะ ติดตามด้านล่างเลย
ตามหลัก “อ้วนง่าย น้ำหนักขึ้นง่าย” ยังไม่ถือว่าเป็น “โรค” โดยตรงค่ะ แต่ถือว่าเป็นกลุ่มอาการที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหรือความเสี่ยงบางอย่าง เช่น ความผิดปกติของฮอร์โมน (อย่างไทรอยด์ต่ำ), พฤติกรรมการกิน, หรือปัจจัยกรรมพันธุ์ค่ะ
คนไข้ที่รู้สึกว่าน้ำหนักตัวขึ้นง่าย หมอขอแนะนำให้สังเกตปัจจัยต่างๆ เช่น
- การรับประทานอาหารแต่ละวัน
- การออกกำลังกาย
- การนอนหลับ
- ความเครียด
- ประวัติครอบครัวหรือกรรมพันธุ์
- อาการร่วมอื่นๆ เช่น เหนื่อยง่าย ผมร่วง ประจำเดือนผิดปกติ ฯลฯ
หากอ้วนง่ายหรือควบคุมน้ำหนักยาก แต่ไม่มีโรคร่วมใดๆก็ยังไม่ถือว่าเป็นโรคค่ะ แต่ถ้ามีอาการผิดปกติร่วม เช่น เหนื่อย อ่อนเพลีย หรือมีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง หมอขอแนะนำให้ตรวจสุขภาพหรือพบแพทย์เพื่อตรวจละเอียดนะคะ เพราะบางครั้งอาจเกี่ยวข้องกับโรคทางฮอร์โมน หรือกลุ่มโรคเมตาบอลิกได้ค่ะ
ถ้ามีอะไรสงสัยเพิ่มเติม หรืออยากให้หมอช่วยประเมินสุขภาพ สามารถสอบถามหมอได้เลยนะคะ
หมอขออนุญาตสรุปคำถามที่หลายคน โดยเฉพาะคนไข้ที่เพิ่งเริ่มใช้ Ozempic ครั้งแรก ถามกันเข้ามาเยอะมากนะคะ หมอเข้าใจเลยค่ะว่าหลายคนอาจจะกังวลหรืออยากรู้ว่าขนาดยาแต่ละแบบแตกต่างกันยังไง หมอเลยทำตารางเปรียบเทียบแบบเข้าใจง่ายมาให้ค่ะ จะได้ช่วยให้ทุกคนตัดสินใจและเข้าใจการใช้ยามากขึ้นนะคะ
การใช้ปากกา Mounjaro นั้นมีขั้นตอนทั้งหมด 17 ขั้นตอน ซึ่งออกแบบมาให้ผู้ใช้มือใหม่สามารถทำตามได้ง่าย โดยแต่ละขั้นตอนจะมีรูปภาพประกอบอธิบายอย่างชัดเจนเพื่อความเข้าใจและปลอดภัย ตั้งแต่การเตรียมอุปกรณ์ การเตรียมยา การเลือกตำแหน่งฉีด ไปจนถึงการเก็บและทิ้งเข็มอย่างถูกวิธี ผู้ใช้งานสามารถดูรูปภาพและทำตามทีละขั้นตอน ทำให้การฉีดปากกา Mounjaro ด้วยตนเองเป็นเรื่องง่าย ไม่ซับซ้อน และสามารถเริ่มใช้งานได้อย่างมั่นใจค่ะ
หลายคนที่เริ่มฉีดปากกาลดน้ำหนัก อาจจะรู้สึกง่วงหรืออ่อนเพลียกว่าปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วอาการนี้ไม่ใช่ผลข้างเคียงหลักที่พบได้บ่อยค่ะ ปกติยาประเภทนี้มักจะทำให้รู้สึกคลื่นไส้ เบื่ออาหาร หรือแน่นท้องมากกว่า ส่วนอาการง่วงนั้น บางคนอาจเจอได้เพราะร่างกายกำลังปรับตัว กินอาหารน้อยลง หรือพลังงานในแต่ละวันได้รับไม่พอ
ถ้าง่วงมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนศีรษะ ใจสั่น หรือมือสั่น แนะนำให้แจ้งแพทย์ที่ดูแลทันทีนะคะ อย่าปรับยาเองหรือหยุดยาโดยไม่ได้ปรึกษาทีมแพทย์ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์การลดน้ำหนักที่เหมาะสมกับร่างกายคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ หมอขอสรุปเรื่องการใช้ Ozempic 1 ด้ามให้ฟังนะคะ
Ozempic 1 ด้าม หรือ 1 ปากกาฉีด จะใช้ได้ประมาณ 1 เดือน หรือ 4 สัปดาห์ค่ะ
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดยาที่หมอสั่งให้คุณใช้ด้วยนะคะ ถ้าขนาดยาต่างไป ระยะเวลาการใช้ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
สำคัญที่สุดคือ ให้ใช้ยาตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัดนะคะ และถ้ามีข้อสงสัยอะไรเพิ่มเติม สามารถทักถามหมอได้ค่ะ
ถ้าจะทำจริง หมอขอชื่นชมในความแน่วแน่ของคนไข้มากๆเลยค่ะ! หมอเจอคนไข้เรื่องลดน้ำตาลมาเยอะมาก ส่วนใหญ่จะไม่รอด
ช่วง 2 สัปดาห์แรกๆ นี่ปัญหาหลักเลยไม่ใช่แค่ความอยากหรือความหิว แต่เป็น “ร่างกายต่อต้าน” แบบครบวงจรเลยค่ะ คนไข้มักเล่าเหมือนกันหมด—อารมณ์นี่มาเป็นชุด ทั้งหงุดหงิด หัวร้อน บางทีก็ซึมเศร้า หรืออยู่ดีๆ ก็ดูเพลีย หมอชอบเรียกว่า “โหมดร่างนางยักษ์–นางฟ้า–ร่างทรง” เพราะจะอยู่กับอารมณ์แปรปรวนวนเป็นลูปตลอดสัปดาห์แรกๆ ลองไปถามคนใกล้ตัวได้! แต่หลังจากนั้นจะดีค่ะ หมอสรุปให้ด้านล่างนะคะ