ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ipl รักษารอยสิว ราคา

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

รักษารอยสิว

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

พบแพทย์ก่อนทุกเคส ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง ติดตามผลการรักษา
โปรโมชั่น ส่วนลด

ราคาลองรับบริการครั้งแรก ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

500

บาท

ปกติราคา : 1500.-/ครั้ง

หมดเขต:

29/12/2024

การรักษารอยสิวด้วย IPL

IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษารอยสิว โดยการส่งคลื่นแสงความเข้มข้นสูงไปยังบริเวณที่มีรอยสิว คลื่นแสงจะเข้าไปทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้รอยสิวจางลงและผิวดูเรียบเนียนขึ้น

ทำไมต้องรีบรักษารอยสิวแต่เนิ่นๆ

เพราะถ้าปล่อยให้รอยหายเอง อาจจะใช้เวลาเป็นปี หรือทิ้งรอยถาวร ดังนั้นจึงควรรีบรักษารอยสิวตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้รอยสิวมีเวลาลุกลามไปในวงกว้าง ป้องกันไม่ให้รอยสิวกลายเป็นรอยแผลเป็นถาวร

ข้อดีของ IPL

  • IPL เป็นเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
  • IPL สามารถใช้รักษารอยสิวทุกประเภท รวมถึงรอยแดง รอยดำ และรอยหลุมสิว
  • IPL ใช้เวลาในการรักษาที่รวดเร็ว
  • IPL ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิว
  • IPL ผ่านการรักษาทั่วโลกมายาวนานกว่า 20 ปี

IPL ราคาประหยัดกว่าหลายเท่า

IPL เป็นเทคโนโลยีที่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยเลเซอร์ชนิดอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายในการรักษารอยสิวด้วย IPL ซึ่งปลายทางของการทำเลเซอร์ คือทำให้ผิวหน้ากลับมาใส ลดรอยดำ รอยแดงสิว ปรับสีผิวไม่สม่ำเสมอ IPL สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ “ประหยัดกว่า” 5-10 เท่า ของการทำเลเซอร์ตัวอื่นๆ ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน เพียงแต่ต้องทำในจำนวนครั้งที่มากกว่า

โปรแกรมราคาต่อครั้งราคาต่อคอร์ส
IPL1,500-3,00015,000-30,000
Q-Switch3,000-5,00030,000-50,000
Pico Laser5,000-10,00050,000-100,000
IPL (Intense Pulsed Light) เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสงความเข้มสูงในการเม็ดสีเข้ม รอยดำรอยแดงจากสิว กำจัดขน และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆทั่วใบหน้า เหมาะกับผิวทุกประเภท
Q-Switch เป็นเลเซอร์ที่ใช้พลังงานแสงความเข้มสูงในการกำจัดรอยสักสีดำและสีเข้ม เหมาะกับผิวที่มีปัญหารอยสักสีดำหรือสีเข้ม กระชับรูขุมขน
Pico Laser เป็นเลเซอร์รุ่นใหม่ที่มีพลังงานแสงสูงกว่า IPL และ Q-Switch จึงสามารถกำจัดรอยสักได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผิวที่มีปัญหารอยสักทุกสี

IPL รักษารอยสิวที่เกิดใหม่

รอยแผลเป็นสิวที่เกิดใหม่ มีลักษณะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบของสิว รอยแผลเป็นสิวที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

  • รอยแดง (Post-inflammatory erythema) เกิดจากการที่หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังขยายตัว รอยแดงมักมีลักษณะเป็นจุดสีแดงหรือสีชมพู
  • รอยดำ (Post-inflammatory hyperpigmentation) เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินมากเกินไป เพื่อซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากสิว รอยดำมักมีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลหรือสีดำ
  • รอยหลุมสิว (Acne scars) เกิดจากการที่ผิวหนังถูกทำลายอย่างรุนแรงจากสิว รอยหลุมสิวมี 3 ประเภท ได้แก่
    • รอยหลุมสิวเว้า (Atrophic scars) เกิดจากการที่ผิวหนังยุบตัวลง
    • รอยหลุมสิวนูน (Hypertrophic scars) เกิดจากการที่ผิวหนังสร้างเนื้อเยื่อใหม่มากเกินไป
    • รอยหลุมสิวคีลอยด์ (Keloid scars) เกิดจากการที่ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อใหม่มากเกินไป และลุกลามไปเกินขอบเขตของรอยแผล

รอยแผลเป็นสิวที่เกิดใหม่อาจจางลงหรือหายไปได้เองตามกาลเวลา แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี รอยแผลเป็นสิวบางประเภทอาจไม่สามารถรักษาให้หายได้ และอาจต้องใช้การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น เลเซอร์ ฉีดฟิลเลอร์ หรือผ่าตัด

สาเหตุการเกิดรอยสิว อันดับ 1

การกดสิวเป็นวิธีหนึ่งที่หลายคนนิยมทำเพื่อกำจัดสิว แต่การกดสิวเองอาจทำให้เกิดรอยสิวได้ รอยสิวที่เกิดจากการกดสิวเองมีหลายประเภท และการกดสิวเองอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ดังนี้

  • รอยสิว: การกดสิวเองอาจทำให้เกิดรอยสิวได้หลายประเภท ได้แก่ รอยดำ รอยแดง และรอยหลุมสิว รอยสิวเหล่านี้อาจจางลงหรือหายไปได้เองตามกาลเวลา แต่อาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี และบางประเภทอาจไม่สามารถรักษาให้หายได้
  • การติดเชื้อ: การกดสิวเองอาจทำให้สิวติดเชื้อได้ การติดเชื้ออาจทำให้สิวอักเสบมากขึ้น และอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
  • รอยแผลเป็น: การกดสิวเองอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้ รอยแผลเป็นจากสิวมีหลายประเภท ได้แก่ รอยหลุมสิว รอยนูน และรอยแผลเป็นคีลอยด์ รอยแผลเป็นจากสิวเหล่านี้อาจไม่สามารถรักษาให้หายได้
  • ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ: การกดสิวเองอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ เช่น อาการบวม อาการแดง และอาการระคายเคืองผิว

การกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญ สามารถลดโอกาสการเกิดรอยสิวได้เกือบ 100% เทคนิคการใช้ยา หรือเครื่องมือที่เหมาะสมมากกว่าการกดด้วยมือ หรือไม้กดสิวทั่วๆไป จึงทำให้ไม่เป็นรอยสิวหลังการกดสิวนั่นเองค่ะ

เรื่องเล็กๆที่คนไข้มักชะล่าใจ คิดว่ารักษาตอนไหนก็ได้ สุดท้ายกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ใช้เวลานานขึ้น รักษารอยสิวที่ดีที่สุดคือการรักษาตั้งแต่ตอนเป็นสิวใหม่ๆ และหาทางป้องกันสิว ลดการเกิดสิวตั้งแต่เนิ่นๆ

หมอต้าร์ แพทย์ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

IPL ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

รีวิวรักษาสิว รอยสิว

วิธีลดรอยสิว ที่เห็นผลเร็ว ราคาไม่แพง ปล่อยให้รอยสิวจางเอง อาจจะใช้เวลาเกินครึ่งปีได้เลยนะคะ

IPL ราคาเท่าไหร่

รอยสิวหลัง 1 ครั้ง

ให้บริการโดยแพทย์ประจำคลินิก

รอยสิวหลัง 5 ครั้ง

ให้บริการโดยแพทย์ประจำคลินิก

IPL รอยสิว ต้องทำกี่ครั้ง

จำนวนครั้งในการทำ IPL ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยสิว โดยปกติแล้ว ถ้าเป็นรอยสิวใหม่ จะสามารถฟื้นฟูผิวหน้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ คนไข้จะต้องทำ IPL ประมาณ 3-6 ครั้ง แต่ถ้าเป็นรอยสิวที่ถูกทิ้งไว้นาน เม็ดสีค่อนข้างเข็ม อาจจะต้อง 5-10 ครั้ง ต่อเนื่องทุกสัปดาห์ จะเห็นผลชัดเจนที่สุด

IPL มีข้อห้ามอะไรบ้าง

หลังทำไม่มีข้อห้ามรุนแรง สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะหลังทำจะไม่มีอาการบวม แดง หรือมีเลือดออกเหมือนกับการทำเลเซอร์ชนิดอื่นๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดๆ

  • คนไข้ควรเลี่ยงแดดจัด เช่นช่วงเวลา 11.00-15.00 น.
  • คนไข้ที่มีสิวอยู่ อยากจะลดรอยสิว จำเป็นต้องเคลียร์สิวให้ดีขึ้นก่อน
  • คนไข้ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

สิ่งที่ควรรู้ หลังทำ IPL ลดรอยสิว

หลอดละ 390.-

ขั้นตอนรักษารอยสิวที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พบแพทย์ ประเมินปัญหา หมอจะต้องประเมินรอยสิว จุดด่างดำ ฝ้ากระของคนไข้ก่อนรักษาทุกเคส

ทำความสะอาดผิวหน้า ทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง ลบเครื่องสำอาง ก่อนเริ่มทำการยิง IPL

แพทย์เริ่มทำการรักษา คุณหมอจะทำการรักษาบริเวณที่คนไข้กังวล ทั่วหน้า หรือแผ่นหลัง ใช้เวลา 10-15 นาที

IPL ใช้รักษารอยสิว จุดด่างดำมาแล้ว 2 ทศวรรษ

IPL ผ่านการพิสูจน์ทางการแพทย์มาแล้วกว่า 20 ปี และได้รับการยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกว่า เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการรักษารอยสิว

สรุป IPL

หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษารอยสิวที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนในราคาที่สูง IPL เป็นตัวเลือกที่ดี และเพียงพอแล้วกับการจัดการรอยสิว จุดด่างดำในทุกบริเวณ

ได้ค่ะ แต่ถ้าคนไข้เป็นคนผิวบาง หมอต้องมีการปรับพลังงานเครื่อง Pico Laser ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคนไข้เป็นพิเศษนะคะ โดยเฉพาะผิวที่ไวต่อการระคายเคือง เพื่อป้องกันการอักเสบหลังทำ

หรือถ้ากังวลจริงๆ เข้ามาประเมินผิวก่อนได้ว่าผิวเราหนา หรือบางระดับไหน เพราะก่อนเริ่มทำทุกเคส หมอจะตรวจสภาพผิวอย่างละเอียด และอาจแนะนำให้เตรียมผิวก่อน เช่น การเพิ่มความชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่อาจระคายเคือง อย่างกรดแรงๆ เช่น AHA หรือ Retinol ช่วงประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อนทำค่ะ

หลังทำก็ต้องดูแลพิเศษเหมือนกันนะคะ งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่รบกวนผิว งดโดนแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญคือ บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ได้ค่ะ! ฝ้าที่เกิดจากการใช้ครีมทาหน้าส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ผิวระคายเคือง หรือสารที่ทำให้ผิวบางลง เช่น สเตียรอยด์ ไฮโดรควิโนน หรือสารปรอทค่ะ ครีมเหล่านี้หากใช้ต่อเนื่องหรือไม่มีการควบคุม อาจไปกระทบกระบวนการสร้างเม็ดสีในผิว ทำให้เกิดฝ้าหรือรอยดำขึ้นได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสแสงแดดค่ะ

ถ้าสงสัยว่าฝ้าของเราเกิดจากการใช้ครีม หมอแนะนำให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยทันที และมาให้หมอตรวจดูนะคะ เพื่อประเมินว่าฝ้าที่เกิดขึ้นต้องรักษาด้วยวิธีไหน เช่น การใช้ยาแต้ม ยาฉีดเฉพาะจุด ทาครีมลดเม็ดสี หรือทำเลเซอร์ร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องทำควบคู่ไปกับการป้องกันแสงแดดอย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ เพราะแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่ทำให้ฝ้าชัดขึ้นค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

คนไข้ถามได้โดนใจหมอเหมือนกัน เพราะพอพูดถึงเรื่องน้ำตาล เชื่อว่าหลายคนคงปวดหัวไม่น้อย เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่คำเตือนเต็มไปหมด ตั้งแต่หมอ พยาบาล ไปจนถึงบล็อกเกอร์สายสุขภาพต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ควรลดหวานนะคะ” ซึ่งความจริงแล้ว การรับประทานน้ำตาลไม่ใช่สิ่งผิด แต่ควรควบคุมปริมาณให้เหมาะสมกับร่างกายของเราเอง เพราะหากมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงทำให้น้ำหนักขึ้น ระบบเผาผลาญรวน ร่างกายอักเสบนุ่นนี่นั่น หรืออาจกระทบต่อสุขภาพผิวและรูปร่างในระยะยาวได้ค่ะ

หมอคิดว่าข้อเสียของน้ำตาล ทุกคนพอทราบกันแล้ว ทีนี้ถ้าอยากสวยสุขภาพดีแบบองค์รวม แนะนำให้ได้รับปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 24-25 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา (อ้างอิงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเลยนะ) ซึ่งตัวเลขนี้เป็นค่าเฉลี่ยทั่วไป เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และอื่น ๆ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ต่างกันค่ะ แต่อยู่ในโปรแกรมการดูแล รักษาสิวให้ดีขึ้นเหมือนกัน

IPL (Intense Pulsed Light)

  • แสงเข้มข้นสูง พลังงานแรงกว่า ลงลึกถึงชั้นผิวกลาง
  • ลดแบคทีเรียสิว ลดการอักเสบ และรอยแดงรอยดำได้ดี
  • เห็นผลเร็วกว่า ทำน้อยครั้ง ตอนทำจะรู้สึกอุ่นๆเล็กน้อย
  • เหมาะมากกับเคสสิวอักเสบที่มีรอยแดง

LED (Light Emitting Diode)

  • แสงพลังงานต่ำ มีหลายสี (น้ำเงินฆ่าเชื้อ แดงลดอักเสบ)
  • นุ่มนวลกว่า ไม่เจ็บ ไม่มี downtime
  • ต้องทำต่อเนื่องเพื่อเห็นผลชัดเจน
  • เหมาะกับสิวทุกประเภทและผิวบอบบาง

บางรายอาจทำร่วมกันเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้นค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

สิวบางเม็ดที่เราดูเหมือนเป็นแค่เม็ดเดียว เวลาเรากดออกไปเราอาจจะพบว่าภายในเม็ดสิวนั้นจริง ๆ แล้วเค้ามี 2 หัวซ้อนกันอยู่ หรือบางครั้งก็เป็นหัวสิว 2 ตำแหน่งที่ใช้รูขุมขนเดียวกันค่ะ จะเจอได้เวลาเราลงมือกดสิวแล้วเห็นว่ามีหัวสิวหรือไขมันดันออกมา 2 รู หรือแท่งสิวแตกเป็น 2 เส้นเล็ก ๆ ออกจากช่องเดียว การมีสิวแบบนี้ไม่ได้อันตรายนะคะ แค่พี่พนักงานเขาอาจสังเกตแล้วเล่าให้ฟังค่ะ สิวแบบนี้ดูแลได้ง่าย ขอแค่เราทำความสะอาดให้ดีและใช้ยา ทาครีมบำรุงที่เหมาะสมตามที่หมอแนะนำ โอกาสเกิดสิวก็จะน้อยลงเรื่อยๆค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ใช้เวลารับบริการ:

20

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

รอยสิวสามารถหายได้เองก็จริง แต่จะใช้เวลานานหลายเดือน บางคนเป็นปี โปรแกรมนี้ช่วยร่นระยะเวลาให้รอยสิวจางได้เร็วขึ้น

★★ ความประทับใจ ★★

K W
05/07/2024
กัลยา แอ๊ต พรเจริญ
แนะนำเลย
08/04/2024
Melody Dy
แนะนำเลย
27/08/2022
Tinkerbel Supaudpanich
แนะนำเลย
25/08/2024
Pam Patcharaporn
แนะนำเลย
29/12/2024
Pipimwila Wongprathed
แนะนำเลย
12/07/2024