ฟิลเลอร์ คืออะไร สำคัญกับผิวอย่างไร?

- ช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย ฟิลเลอร์ HA เป็นสารเติมเต็มชนิดหนึ่ง มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำได้ดี เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิวจะช่วยเติมเต็มร่องลึกและริ้วรอย ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับขึ้น
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ฟิลเลอร์ HA มีคุณสมบัติในการดึงดูดน้ำเข้าสู่เซลล์ผิว ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ สดใส เต่งตึง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟิลเลอร์ HA ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น การมีคอลลาเจนในปริมาณที่เพียงพอจึงมีส่วนสำคัญในการลดริ้วรอยและชะลอวัย
- นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ HA ยังสามารถใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เช่น การเลเซอร์ การร้อยไหม เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดอายุผิวได้อีกด้วย
สรุปฟิลเลอร์สำหรับมือใหม่
การฉีดฟิลเลอร์ให้ดูเป็นธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับ เทคนิค ความชำนาญ
ของแพทย์ และการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับคนไข้ แพทย์ต้องมีใบอนุญาต ตรวจสอบชื่อในเว็บแพทยสภาได้
ฟิลเลอร์ช่วยแก้ปัญหาของใบหน้าได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และช่วยย้อนวัย เติมเต็มให้หน้าดูอ่อนเยาว์ลง ทางเลือกเริ่มแรกของคนที่อยากลดอายุใบหน้า
ฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์รวดเร็วโดยไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบทันใจ ใช้ผิวหน้าแบบเร่งด่วน เป็นโปรแกรมที่ไม่ต้องมีการเตรียมตัว ก่อน-หลัง มากเหมือนการศัลยกรรม
ฟิลเลอร์ถูกจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ ปลอดภัยต่อผิว ผ่านการรับรองแล้ว ว่าสามารถนำมาปรับรูปหน้าได้อย่างปลอดภัย และสลายตัวได้เองเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับรุ่น ยี่ห้อ ควรสอบถามแพทย์ให้แน่ใจก่อนรับบริการทุกครั้ง ว่าอยู่ได้นานแค่ไหน
ฟิลเลอร์แท้ มีราคามาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ราคาถูกเกินจริงอาจจะไม่ใช่ของแท้ หรือให้บริการโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ อาจจะเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น เป็นก้อนแข็ง ไม่สลาย ไหลย้อย เคลื่อนตำแหน่ง อักเสบ หรือร้ายแรงสุดส่งผลให้ใบหน้าผิดรูปได้
แพทย์แจ้งรุ่น ราคาก่อนรับบริการทุกเคส ก่อนรักษาคนไข้จะสามารถเช็ค สแกน QR-Code หน้ากล่องฟิลเลอร์ Restylane เพื่อตรวจฟิลเลอร์ของแท้ด้วยตัวเองทางแอปพลิเคชั่น eZTracker อ่านเพิ่มเติม
พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว (หมอต้าร์)


แพทย์ผู้ทำการรักษา ควรเป็นคนเดียวกันกับใบอนุญาตที่ประกาศไว้ที่หน้าคลินิก
ฟิลเลอร์ช่วยปรับรูปหน้า
- ความไม่สมส่วน เช่น หน้าบาน หน้าเหลี่ยม หน้ายาว
- ความไม่สมมาตร เช่น คางสั้น ขมับตอบ แก้มตอบ
- ความไม่ละมุน เช่น หน้าผากแบน หน้าแบนไม่มีมิติ
ฟิลเลอร์ช่วยลดริ้วรอย

- ความลึก เช่น ใต้ตาลึก ร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก
- ความหย่อนคล้อย เช่น แก้มคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น หางตาตก
- ริ้วรอย เช่น ริมฝีปากเล็ก แห้ง เป็นร่อง ริ้วรอยลำคอ ริ้วรอยหลังมือ
รีวิวฟิลเลอร์


















ฟิลเลอร์กับโบท็อกซ์ไม่เหมือนกัน!
| คุณสมบัติ | โบท็อกซ์ | ฟิลเลอร์ |
|---|---|---|
| ประเภทของสาร | สารยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทแอคตินิน | สารเติมเต็ม |
| กลไกการออกฤทธิ์ | ยับยั้งการหลั่งสารสื่อประสาทแอคตินิน ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว | เติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้า |
| บริเวณที่ฉีด | บริเวณที่มีกล้ามเนื้อกระตุก เช่น หน้าผาก หางตา รอยย่นระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม | บริเวณที่มีร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา ร่องน้ำหมาก ขมับ คาง |
| ผลลัพธ์ | ลดริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ | เติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้าให้ดูเต็มอิ่ม อ่อนเยาว์ขึ้น |
| ระยะเวลาของผลลัพธ์ | 4-6 เดือน | 6-24 เดือน |
| ภาวะแทรกซ้อน | อาการบวม แดง เขียวช้ำ บริเวณที่ฉีด | อาการแพ้ การติดเชื้อ ก้อนแข็งบริเวณที่ฉีด |
| ราคา (ของแท้ ผ่าน อย.) และให้บริการโดยแพทย์เท่านั้น | ไม่ควรต่ำกว่า 5,000 บาท/50 ยูนิต | ไม่ควรต่ำกว่า 5,000 บาท/1CC |
- ต้องรักษากับแพทย์ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญในกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า
- แพทย์ต้องมีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์
- แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนได้
- แพทย์สามารถให้คำแนะนำหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์จะต้องเป็นแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะเหตุผลต่อไปนี้
- แพทย์มีความเชี่ยวชาญในกายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า
แพทย์มีความเชี่ยวชาญในโครงสร้างและกล้ามเนื้อของใบหน้า จึงสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ ตรงจุดที่ต้องการ และไม่ทำให้ใบหน้าผิดรูป
- แพทย์มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์
แพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์จะมีความชำนาญในการเลือกตำแหน่งและปริมาณฟิลเลอร์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจและดูเป็นธรรมชาติ
- แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนได้
แพทย์สามารถประเมินความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ได้ และสามารถแก้ไขได้หากเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้น
- แพทย์สามารถให้คำแนะนำหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม
แพทย์สามารถให้คำแนะนำหลังการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม เช่น การดูแลรักษาบริเวณที่ฉีด อาการที่อาจเกิดขึ้น และระยะเวลาในการเห็นผลลัพธ์
ฟิลเลอร์ดียังไง?
| คุณสมบัติเด่น | การปรับรูปหน้า | ลดอายุผิวหน้า |
|---|---|---|
| เป็นสารเติมเต็มธรรมชาติ | ช่วยให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม เต่งตึง อ่อนเยาว์ขึ้น ใบหน้าได้สัดส่วน สมส่วนเท่ากันได้ดีขึ้น | ช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอย ร่องน้ำหมาก ขมับ คาง ช่วยให้ใบหน้าดูเรียบเนียน สดใสขึ้น |
| สามารถคงอยู่ได้นาน | ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 6-24 เดือน | ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยใหม่ และเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว |
| ปลอดภัย | ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) | ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้และผลข้างเคียง |
ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
- ใต้ตา : เติมเต็มร่องใต้ตา ทำให้ดวงตาดูสดใส กระชับ ไม่ลึกหมอง ปริมาณที่ใช้ประมาณ 0.5-1 ซีซี ต่อข้าง
- ร่องแก้ม : เติมเต็มร่องแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น แก้มไม่ตอบ ปริมาณที่ใช้ประมาณ 0.5-1 ซีซี ต่อข้าง
- ปาก : เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม ปากดูเซ็กซี่ ปริมาณที่ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี
- ขมับ : เติมเต็มขมับ ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง รอยต่อไปหาหน้าผากเต็ม ปริมาณที่ใช้ประมาณ 1-2 ซีซี ต่อข้าง
- *ปัญหาของแต่ละคนแตกต่างกัน ปริมาณขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์

ฟิลเลอร์ ปลอดภัยไหม?
- ลดความเสี่ยงในการฉีดโดนเส้นเลือด เนื่องจากปลายเข็มที่กลมมน ไม่มีคม จึงช่วยลดโอกาสที่เข็มจะแทงทะลุเข้าไปในเส้นเลือด
- ลดอาการบวมช้ำหลังฉีด เนื่องจากปลายเข็มที่กลมมน จะช่วยกระจายแรงจากการฉีดได้ดีกว่าเข็มแหลม ทำให้เนื้อเยื่อที่อยู่รอบ ๆ ไม่ฉีกขาดมากนัก
- ลดรอยแผลเปิด เนื่องจากปลายเข็มที่กลมมน ช่วยลดโอกาสที่เข็มจะฉีกขาดผิวบริเวณที่ฉีด
- เหมาะกับบริเวณที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง เช่น บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ เนื่องจากปลายเข็มที่กลมมน ช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมทิศทางการฉีดได้อย่างแม่นยำ
- *แพทย์ที่มีประสบการณ์จึงจะสามารถใช้เทคนิคเข็มทู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี?
| แบรนด์ | ประเทศที่ผลิต |
|---|---|
| Juvederm | สหรัฐอเมริกา |
| Restylane | สวีเดน |
| Belotero, Teoxane | สวิตเซอร์แลนด์ |
| Variofill, Hyabell | เยอรมนี |
| Revanesse | แคนาดา |
| Perfectha, Art Filler | ฝรั่งเศส |
| MesoFiller | สเปน |
| Saypha | ออสเตรีย |
| Neuramis, Yvoire, e.p.t.q. , Flore, HYAFILIA, Ultra V HYAL FILLER, Neobelle | เกาหลีใต้ |
| Definisse, Neauvia | อิตาลี |
| Biohyalux | จีน |
ฟิลเลอร์ที่ผ่าน อย. ไทย
อยากเห็นไหม ฟิลเลอร์ 1 CC เยอะแค่ไหน?
คำถามที่ว่า “ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด” อาจจะไม่มีใครตอบได้ชัดเจน ปัญหาของแต่ละคนจะเหมาะสมกับเนื้อฟิลเลอร์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นแพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องเลือกฟิลเลอร์ที่สามารถแก้ปัญหาได้เหมาะสม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและเป็นธรรมชาติ

ทำไมบางคนกลัวฟิลเลอร์
1. ความกังวลเรื่องความปลอดภัย
คนอายุ 40 ขึ้นไป มักมีประสบการณ์ชีวิตที่มากกว่าคนอายุน้อย จึงมีความรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องความงามที่อาจส่งผลกระทบต่อร่างกายในระยะยาว ด้วยเหตุนี้ จึงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของฟิลเลอร์มากขึ้น โดยเฉพาะข่าวคราวเกี่ยวกับการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรง เช่น หน้าเบี้ยว ตาบอด ติดเชื้อ เป็นต้น
2. ความกังวลเรื่องผลลัพธ์
คนอายุ 40 ขึ้นไป มักมีประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น จึงมีความต้องการที่ชัดเจนและซับซ้อนกว่าคนอายุน้อย ต้องการผลลัพธ์ที่สวยเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องการผลลัพธ์ที่มากเกินไปจนดูไม่เป็นตัวของตัวเอง ด้วยเหตุนี้ จึงมีความกังวลว่าหากฉีดฟิลเลอร์แล้วอาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติหรือดูหลอกตา
นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับฟิลเลอร์ เช่น คิดว่าฟิลเลอร์เป็นสารอันตราย มีผลข้างเคียงสูง
- ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับฟิลเลอร์ เช่น ไม่ทราบว่าฟิลเลอร์มีประเภทและยี่ห้อที่แตกต่างกัน แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียอย่างไร
- กลัวเข็ม
สำหรับปัญหาการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน เคยเกิดขึ้นจริงในอดีต และทำให้เกิดข่าวคราวมากมาย จนสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชน ส่งผลให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความกลัวและลังเลที่จะฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวได้ลดลงไปมาก เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาตรการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวดมากขึ้น เช่น มีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์อย่างถูกต้อง มีการกำกับดูแลคลินิกความงามที่ให้บริการฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น
ดังนั้น หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรเลือกคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ และเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ตรงใจ
| ช่องทาง | รายละเอียด |
|---|---|
| เว็บไซต์ขององค์การอาหารและยา (อย.) | ตรวจสอบเลขทะเบียนผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ ตรวจสอบใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล ตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาตให้ฉีดฟิลเลอร์ |
| สายด่วน อย. 1556 | สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์และคลินิกที่ฉีดฟิลเลอร์ |
| เว็บไซต์ของแพทยสภา | ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาเวชศาสตร์ตกแต่ง |
| เว็บไซต์ของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย | ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรศัลยแพทย์ตกแต่ง |
| เว็บไซต์ของสมาคมเวชกรรมศาสตร์ผิวหนังแห่งประเทศไทย | ตรวจสอบรายชื่อแพทย์ที่ได้รับวุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง |
วิธีสังเกตฟิลเลอร์ปลอม หรืออาจจะได้มาตรฐาน หรือร้ายแรงสุด ไม่ได้ฉีดโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์คือ ราคาถูกเกินจริง และมีขายตามเว็บไซต์ที่ไม่ใช่เว็บคลินิกหรือสถานพยาบาล

ฉีดฟิลเลอร์ คลินิกไหนดี

- คลินิกควรมีเลขใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง (สังเกตที่ป้ายตัวเลขสีเขียวๆที่หน้าคลินิก)
- แจ้งชื่อแพทย์ผู้ทำการรักษาได้ ทั้งชื่อจริง นามสกุลจริง ตรวจสอบในเว็บแพทยสภาได้
- คลินิกมีหลักฐานยืนยันว่าใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์แท้ จากตัวแทนจำหน่ายอย่างถูกต้อง
- คลินิกอยู่ในสถานที่ที่น่าเชื่อถือ สะอาด ได้มาตรฐาน
- รีวิวผลลัพธ์การรักษา ทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอ ที่เห็นแพทย์ บรรยากาศการรักษา ความประทับใจของผู้มารับบริการ
- แจ้งราคา หรือโปรโมชั่นที่ชัดเจน ตั้งแต่ก่อนเข้ารับบริการ
ฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่
ตารางราคาฟิลเลอร์ที่มีการค้นหาเยอะในประเทศไทย
| ยี่ห้อ | หน่วย | ราคา (บาท) |
|---|---|---|
| Juvederm | 1.0 | 18,000 – 25,000 |
| Restylane | 1.0 | 12,000 – 18,000 |
| Belotero | 1.0 | 10,000 – 15,000 |
| Neuramis | 1.0 | 7,000 – 10,000 |
| Flore | 1.0 | 7,000 – 10,000 |
| E.P.T.Q. | 1.0 | 7,000 – 10,000 |
หมายเหตุ:
- ราคาข้างต้นเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิก
- ราคาฟิลเลอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาด ยี่ห้อ และเทคนิคการฉีด
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

- งดยาบางชนิดก่อนฉีดฟิลเลอร์ ยาบางชนิด เช่น ยาแก้อักเสบ ยาละลายลิ่มเลือด และวิตามินบางชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดยาเหล่านี้อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แอลกอฮอล์อาจทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้เกิดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ได้ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดการทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดก่อนฉีดฟิลเลอร์ การทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การยกของหนัก การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา อาจทำให้เลือดไหลเวียนช้าลง ส่งผลให้เกิดอาการบวมช้ำหลังฉีดฟิลเลอร์ได้ ควรงดทำกิจกรรมเหล่านี้อย่างน้อย 1 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- แจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัว หากมีประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัว ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนฉีดฟิลเลอร์ เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
ดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงการกด บีบ นวดแรงๆ บริเวณที่ฉีดอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวได้ เป็นเวลา 7-14 วัน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ฟิลเลอร์คงตัวได้นานขึ้น ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว
- รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ แพทย์อาจให้ยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะ เพื่อลดอาการบวมช้ำและป้องกันการติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เข้าติดตามการรักษา หลังทำฉีดฟิลเลอร์ตามที่แพทย์แนะนำ
- หลังฉีดฟิลเลอร์อาจรู้สึกชาบริเวณที่ฉีด เป็นปกติ เพราะตัวฟิลเลอร์มียาชา หรือแพทย์อาจจะมีการฉีดยาชา แต่จะหายได้เองใน 40-60 นาที

ยังมีคนไข้อีกมากที่ยังเข้าใจเรื่องนี้ผิดอยู่นะคะ หมออธิบายรวบเลย ทั้งคนยังไม่เคยฉีดฟิลเลอร์ หรืออยากจะฉีดครั้งแรก
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่ทำให้เกิดแผลเป็นถาวรค่ะ เพราะใช้เข็มขนาดเล็กมาก รอยที่เกิดขึ้นจะเป็นเพียง จุดแดงเล็กๆ (Needle marks) ซึ่งจะปิดสนิทและจางหายไปเองภายใน 2-3 วัน สนิทแบบเหมือนไม่เคยทำอะไรกับผิวบริเวณนั้นๆเลย หรือหากมีรอยเขียวช้ำบ้างก็จะหายสนิทใน 7-14 วัน สิ่งสำคัญคือการเลือกใช้เทคนิค เข็มทู่ (Cannula) เพื่อลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ และหากคนไข้มีประวัติเป็น คีลอยด์ (Keloid) ง่าย ต้องแจ้งแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดแผลในจุดเสี่ยง เพียงเท่านี้คนไข้ก็จะมีผิวสวยอิ่มฟูโดยไร้รอยแผลกวนใจค่ะ
จากการศึกษาทางการแพทย์ ผิวหนังชั้นบน (Epidermis) จะสมานตัวปิดรูเข็มอย่างสมบูรณ์ภายใน 24-48 ชั่วโมง หลังทำหัตถการ ทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือเกิดแผลเป็นลดลงเกือบ 0%
สำหรับคนไข้ที่มี ผิวบาง หมอสรุปให้ฟังง่ายๆ ว่า ไม่ได้ห้ามทำ 100% เลยนะคะ แต่อาจจะไม่ใช่วิธีแรกที่แนะนำ ค่ะ เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิด ผิวเป็นคลื่น (Dimpling) หรือ เห็นรางไหม ได้ชัดเจนกว่าคนทั่วไป เนื่องจากชั้นไขมันใต้ผิวหนังมีน้อย เปรียบเหมือนผ้าบางๆ ที่ปิดโครงสร้างด้านล่างไม่มิด หากต้องการทำจริงๆ ต้องใช้ เทคนิคการวางไหมชั้นลึก หรือเลือกใช้ ไหมเส้นเล็ก เพื่อเน้นงานผิวแทน แต่ในมุมมองของหมอ การเลือกใช้กลุ่ม เครื่องยกกระชับ (Energy-based devices) หรือการเติม Filler เพื่อเสริมฐานผิว จะเป็นทางเลือกที่ ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า สำหรับคนไข้กลุ่มนี้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การนำผิวมาให้หมอประเมินแบบรายบุคคลจะตอบได้เคลียร์กว่า เพราะบางเคสเข้าใจว่าตัวเองผิวบางไปเอง หรืออาจจะรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อนมาก็เป็นได้ค่ะ
ตอบแบบเอาความจริงมาพูดกันคือ เปลี่ยน แต่ต้องเป็น 2 จุดนี้เท่านั้นถึงจะดูเปลี่ยนแปลงแบบเห็นได้ชัด คือ คาง หรือปากค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ปริมาณ 1cc (เท่ากับลูกบลูเบอร์รี่ 1 ลูก) สามารถ สร้างความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนได้เฉพาะจุดเล็กๆ เช่น การปรับทรงปากให้ดูอวบอิ่ม การเติมคางให้หน้าดูเรียวขึ้น ถ้าเอาไปเติมจุดอื่นหมอบอกเลยว่าจะดูไม่ค่อยเปลี่ยน ใต้ตาก็ต้องมีสักข้างละ 1cc ขมับ ร่องแก้มก็เช่นกัน ปัญหาแต่ละจุดมันมี Minimum ของเขาอยู่ว่าใช้เท่าไหร่ถึงจะเห็นผลได้ชัดเจน ไม่ว่าจะฉีดด้วยเทคนิคไหนก็ตาม จำนวนคือตัวแปรสำคัญของผลลัพธ์ ดังนั้นการปรึกษาแพทย์ที่ผ่านเคสผ่านปัญหาใบหน้ามาเยอะ มีรีวิวชัดเจน มีประสบการณ์สูง เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมกับปัญหาจริงจึงสำคัญที่สุดค่ะ
ตามทฤษฎี ไหมน้ำ ที่เติมใต้ตาได้นั้น อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์จริงค่ะ แต่คนไข้ต้องเข้าใจธรรมชาติของเขาด้วย คือหลังทำจะเห็นผลทันทีก็จริง แต่ ผ่านไป 1 สัปดาห์จะยุบตัวลงก่อน แล้วจึงค่อย ๆ อิ่มฟูขึ้นมาใหม่จากการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คนไข้แปลกใจได้ ต่างจากฟิลเลอร์ที่ ฉีดเท่าไหร่ได้เท่านั้น (Immediate Result) แล้วค่อย ๆ ยุบตัวลง ตามกาลเวลาค่ะ เวลาหมอแนะนำจึงต้องดูความสบายใจของคนไข้เป็นหลัก ถ้าใครกังวลเรื่องก้อนหรือไม่สบายใจกับฟิลเลอร์ ไหมน้ำก็ถือว่าตอบโจทย์ใต้ตาได้ดี แต่ถ้าใครต้องการ ความเรียบเนียนทันที และรับได้กับการมาเติมปีละครั้ง ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม มากกว่าค่ะ
โดยเฉลี่ยของเคสคนไข้หมออยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ในขณะที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน สาเหตุเพราะไหมน้ำทำหน้าที่เป็น Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ของคนไข้เอง ซึ่งมีความคงทนกว่าสารเติมเต็ม และเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการปรับสภาพผิวใต้ตาให้แน่นกระชับ มากกว่าคนที่ต้องการเติมถมร่องลึกมาก ๆ ซึ่งฟิลเลอร์ยังคงเป็นมาตรฐานหลัก (Gold Standard) ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึกค่ะ
หมอจะบอกว่าผิวหนังรอบดวงตามีความหนาเพียง 0.5 มิลลิเมตร ซึ่งบางกว่าผิวหน้าบริเวณอื่นถึง 4 เท่า ทำให้ไวต่อแรงเสียดสีและการมองเห็นเส้นเลือดคั่งได้ง่ายที่สุดเลยค่ะ
สาเหตุของขอบตาดำคล้ำในกรณีนี้เกิดจาก ปัจจัยผสมผสาน (Multifactorial) ค่ะ โดยมี โรคภูมิแพ้เป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดดำคั่ง (Venous Congestion) จนเห็นเป็นเงาคล้ำใต้ผิวหนัง และกระตุ้นให้เกิดอาการระคายเคือง จนนำไปสู่พฤติกรรม การขยี้ตา ซึ่งเป็นการซ้ำเติมผิวที่บอบบางที่สุด ให้เกิดการอักเสบ เส้นเลือดฝอยแตก และกระตุ้นการสร้างเม็ดสีเข้มขึ้น (Hyperpigmentation) สะสมถาวร ดังนั้นการรักษาให้ได้ผลดีที่สุด จึงต้อง แก้ที่ต้นเหตุคือคุมอาการภูมิแพ้ ควบคู่ไปกับ การหยุดพฤติกรรมการขยี้ตา และบำรุงผิวรอบดวงตาให้แข็งแรงค่ะ ส่วนเคสอื่นๆที่ใต้ตาคล้ำ แต่ไม่ได้เกิดจากการมีอาการภูมิแพ้ อาจจะเป็นใต้ตาลึก เกิดเป็นเงา เป็นหลุมลึกลงไป แบบนี้จะเป็นการแก้ไขด้วยการเติมสารเติมเต็มเข้าไปทำทำให้ผิวเรียบเนียนแทนค่ะ
หมอเข้าใจความกังวลของคนไข้ดีนะคะ หลายเคสที่ทำจากที่อื่นแล้วไม่ประทับใจ อยากเอาออกเดี๋ยวนี้เพราะร้อนใจ สามารถฉีดสลายออกได้ทันที ด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase เพื่อความสบายใจและเริ่มต้นใหม่ค่ะ แต่ถ้าคนไข้ยังพอรอไหว หมอยากให้ลองสังเกตอาการสัก 2 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าที่เห็นว่าไม่สวยนั้นไม่ใช่แค่ “อาการบวมเข็ม” จะได้ไม่เจ็บตัวฟรี แต่ถ้ารอไม่ไหวจริงๆ เรามาคุยกันค่ะ ทั้งนี้ยาจะสลายได้เฉพาะ ฟิลเลอร์แท้ชนิด Hyaluronic Acid (HA) เท่านั้น หลังฉีดคนไข้จะรู้สึกโล่งใจขึ้นเพราะก้อนจะยุบตัวชัดเจนภายใน 24-48 ชั่วโมง ค่ะ
ริ้วรอยจากการนอนหลับ (Sleep Lines) คือ รอยเส้นแนวตั้งหรือแนวทแยงบนใบหน้า ที่เกิดจากการที่ ผิวถูกกดทับและเสียดสีกับหมอนเป็นเวลานาน โดยเฉพาะท่านอนตะแคง ซึ่งแตกต่างจากริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าทั่วไป โดย Botox และ Filler ช่วยได้ แต่อาจไม่ใช่วิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากริ้วรอยประเภทนี้ไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง ดังนั้น การป้องกันจึงสำคัญกว่า ด้วยการ ปรับท่านอนเป็นนอนหงาย เลือกใช้หมอนที่เหมาะสม และบำรุงผิวให้แข็งแรงสม่ำเสมอ เพื่อคงความอ่อนเยาว์ของผิวหน้าค่ะ
แพทย์ทั่วโลกเป็นที่ทราบกันดีว่า ริ้วรอยแนวตั้งหรือแนวทแยงจากการนอนหลับนั้นรักษายากกว่าด้วย Botox หรือ Filler เนื่องจากไม่ใช่ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้าโดยตรง ใครที่กังวลเรื่องนี้หรือชอบแนนตะแคง ลองเลือกหาหมอนที่เหมาะสมกับการนอนดูนะคะ
ฟิลเลอร์เกาหลีที่นำเข้าถูกต้องและผ่าน อย. ไทย มีคุณภาพดีพอและความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน เหมือนแบรนด์ยุโรปเลยค่ะ กระบวนการ สิทธิบัตรเทคโนโลยีอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่เหตุผลด้านราคานั้นเป็นเรื่องของ กลยุทธ์ทางการตลาด ล้วนๆ ค่ะ ต้องเข้าใจว่าแบรนด์จากยุโรปหรืออเมริกาคือ “เจ้าตลาด” ที่อยู่มานานและมีต้นทุนแบรนด์ดิ้งกับการวิจัยที่ลงทุนไปมหาศาล ในขณะที่แบรนด์เกาหลีถือเป็น “ผู้เล่นหน้าใหม่” ที่เข้ามาในตลาดทีหลัง การตั้งราคาให้เข้าถึงง่ายจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และเข้ามาแข่งขันในตลาดค่ะ ดังนั้น ราคาที่เป็นมิตรกว่าจึงไม่ได้หมายความว่าคุณภาพด้อยกว่า แต่เป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนไข้ยังคงเป็นการ เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอ เชื่อถือได้ ประเมินผิวตามปัญหา วางแผนการรักษาให้คนไข้เห็นภาพตั้งแต่ยังไม่ลงมือรักษา และใช้ผลิตภัณฑ์ของแท้ที่ตรวจสอบได้ ตรงนี้ที่เป็นหัวใจสำคัญค่ะ




























