ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ฟิลเลอร์ปาก ฉีดรุ่นไหนดี ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ฟิลเลอร์

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

ฟิลเลอร์ปาก ฉีดยังไง ฉีดยี่ห้อไหน ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ติดตามผลการรักษา

ฉีดฟิลเลอร์ปากวันนี้ รับ Voucher ส่วนลด ฟิลเลอร์ตำแหน่งอื่นๆ

1,000

บาท

ใช้เป็นส่วนลดกับฟิลเลอร์ Restylane, Juvederm, Belotero ได้ทุกรุ่น

หมดเขต:

29/12/2025

เลือกอ่านเนื้อหา

รีวิวฟิลเลอร์ปาก

ฟิลเลอร์ปาก คืออะไร สำคัญยังไง?

การเติมฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้สารไฮยาลูโรนิก แอซิด (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบในร่างกาย ฉีดเข้าไปในริมฝีปากเพื่อเพิ่มวอลลุ่ม ปรับรูปทรง และแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ปากบาง ปากแห้ง หรือริมฝีปากไม่สมมาตร ข้อดีคือเห็นผลทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้น นอกจากจะช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มสวยงามตามต้องการแล้ว ยังช่วยบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นและสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย

เดิมทีการเติมฟิลเลอร์ปากอาจถูกมองว่าเป็นการศัลยกรรม แต่ปัจจุบันได้รับการยอมรับมากขึ้นในฐานะเทรนด์ความงามและการดูแลสุขภาพ ฟิลเลอร์ปากยังใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพ เช่น ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากเบี้ยวจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือปรับปรุงสุขภาพริมฝีปากที่ได้รับผลกระทบจากยาบางชนิด และล่าสุดฟิลเลอร์ปาก คือทางเลือกแรกของคนไข้ที่ทำศัลยกรรมตัดปากมา แล้วปากบางเกินไป หรือเกิดความผิดพลาดบางประการ การเติมฟิลเลอร์ปากช่วยแก้ปัญหาได้ การเปลี่ยนแปลงมุมมองนี้ตอกย้ำว่าฟิลเลอร์ปากไม่ได้เป็นเพียงแค่หัตถการเพื่อความงามเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีดูแลสุขภาพและเสริมสร้างความมั่นใจอีกด้วย

ฉีดฟิลเลอร์ปากช่วยแก้ปัญหารูปปากแบบไหนได้บ้าง

การแก้ปัญหาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ปัญหาวิธีการแก้ไขด้วยฟิลเลอร์
1. รูปทรงปากไม่เท่ากัน– ฉีดเติมเต็มส่วนที่ไม่เท่ากัน
– ปรับแต่งให้สมมาตร
– แก้ไขความไม่สมดุล
2. ริมฝีปากแห้ง– เพิ่มความชุ่มชื้น
– ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น
– ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี
3. มุมปากตก– ยกมุมปากให้ดูสดใส
– แก้ไขรอยย่นบริเวณมุมปาก
– ปรับรูปทรงให้ดูอ่อนเยาว์
4. ริมฝีปากบาง– เพิ่มปริมาตรให้ริมฝีปาก
– ปรับรูปทรงให้อวบอิ่ม
– สร้างขอบปากให้ชัดเจน
หมายเหตุ: ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา

ฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะกับใครอีกบ้าง?

  1. ผู้ที่มีปัญหาด้านรูปทรงปาก
    • ริมฝีปากบางจากอายุที่มากขึ้น: ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มปริมาตรให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ
    • ปากไม่สมมาตร: แก้ไขความไม่สมดุลระหว่างริมฝีปากบนและล่าง
    • ปากคว่ำหรือมุมปากตก: ช่วยยกมุมปากให้ดูสดใส ไม่หม่นหมอง
    • ต้องการปรับรูปทรงปากให้เข้ากับสัดส่วนใบหน้า: สร้างความสมดุลให้กับองค์ประกอบใบหน้าโดยรวม
  2. ผู้ที่มีปัญหาด้านผิวและริ้วรอย
    • ริมฝีปากแห้ง แตก ลอก: ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากนุ่มขึ้น
    • มีริ้วรอยรอบปาก: ช่วยลดเลือนริ้วรอยบริเวณขอบปาก
    • ปากไม่เรียบ มีร่องลึก: แก้ไขพื้นผิวให้เรียบเนียน ทำให้ทาลิปสติกติดทนขึ้น
  3. ผู้ที่ต้องการเสริมความงาม
    • ต้องการริมฝีปากอิ่มฟู: สร้างความอวบอิ่มแบบธรรมชาติ
    • อยากปรับรูปทรงปากเฉพาะจุด: สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เช่น เพิ่มความชัดของขอบปาก หรือปรับมุมปาก
    • ต้องการริมฝีปากที่ดูชุ่มชื้น: ให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี มีน้ำมีนวล
  4. ผู้ที่ต้องการเสริมบุคลิกภาพ
    • เสริมความมั่นใจ: ริมฝีปากที่สวยงามช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิ้มและพูดคุย
    • ปรับโหงวเฮ้ง: ตามความเชื่อ ริมฝีปากอิ่มสวยช่วยเสริมดวงด้านความรัก การเงิน และการงาน
    • เสริมเสน่ห์: ริมฝีปากที่ได้รูปทรงสวยช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้า

รูปทรงฟิลเลอร์ปาก ที่มักนิยมกันในคนไทย

ริมฝีปากสวย ต้องมีสัดส่วนเป็นอย่างไร

สัดส่วนปากที่สวยงาม เปรียบเทียบระหว่างชาวไทยและชาวตะวันตก

รายละเอียดชาวไทย/เอเชียชาวตะวันตก
อัตราส่วนริมฝีปากบน:ล่าง1:1.61:1.8 (ริมฝีปากล่างอวบอิ่มกว่า)
ระยะห่างจมูก-ริมฝีปากบน18-20 มม.19-22 มม.
ระยะห่างริมฝีปากล่าง-คาง36-40 มม.38-42 มม.
ความหนาของริมฝีปากบางกว่า เน้นความนุ่มนวลหนากว่า เน้นความอวบอิ่ม
ลักษณะที่นิยม• ปากบางเรียวสวย
• รูปกระจับ
• ดูนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ
• ปากอวบอิ่ม
• เน้นความเซ็กซี่
• ริมฝีปากล่างหนากว่าบน

ข้อสังเกตเพิ่มเติม:

ความแตกต่างทางวัฒนธรรม:

  • ชาวไทย/เอเชีย นิยมความสวยแบบธรรมชาติ ไม่โดดเด่นจนเกินไป
  • ชาวตะวันตก นิยมริมฝีปากที่เต็มอิ่ม แสดงความมั่นใจและเซ็กซี่

แนวโน้มการทำศัลยกรรม

  • ชาวไทย: มักเน้นการแก้ไขความไม่สมมาตร และเพิ่มความชัดของรูปปาก
  • ชาวตะวันตก: นิยมเพิ่มปริมาตรให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มมากขึ้น

การปรับให้เหมาะกับใบหน้า

  • ชาวไทย: ต้องคำนึงถึงโครงหน้าที่เล็กกว่า
  • ชาวตะวันตก: โครงหน้าใหญ่กว่า รับกับริมฝีปากที่หนากว่าได้

ฟิลเลอร์ปากกระจับ Vs ศัลยกรรมปากกระจับ เลือกแบบไหนดี?

ปากกระจับ หรือปากปีกนก เป็นรูปทรงปากที่มีลักษณะโค้งขึ้นที่มุมปากคล้ายดอกกระจับหรือปีกนก ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ น่ารัก และยิ้มแล้วสวยงาม จากประสบการณ์ทางการแพทย์ พบว่าผู้ที่ต้องการทำปากกระจับส่วนใหญ่มักมีปากที่หนา ใหญ่ ไม่เป็นทรง อาจมีมุมปากตกร่วมด้วยในบางเคส

ปัจจุบันมี 2 วิธีหลักๆในการทำปากกระจับ

รายละเอียดฟิลเลอร์ปากกระจับศัลยกรรมปากกระจับ
วิธีการฉีด HA FILLERS เพื่อเพิ่มปริมาตรและยกมุมปากผ่าตัดสลีฟเนื้อเยื่อปากเพื่อยกมุมปาก
ระยะเวลาทำ15-30 นาที ไม่ต้องผ่าตัด1-2 ชั่วโมง มีการผ่าตัด
การพักฟื้นพักฟื้น 1-2 วัน อาจมีรอยช้ำเล็กน้อยพักฟื้น 7-14 วัน มีแผลและอาการบวม
ความคงทนอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ละลายเองตามธรรมชาติถาวร เนื่องจากใช้การเย็บแผล
ความเสี่ยงต่ำ สามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจสูงกว่า เนื่องจากเป็นการผ่าตัด
ราคาค่าใช้จ่ายต่ำกว่า แต่ต้องทำซ้ำค่าใช้จ่ายสูงกว่า แต่ทำครั้งเดียว
ทั้งนี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพปากและเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เนื่องจากโครงสร้างใบหน้าและปากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

ฟิลเลอร์ปากกระจับ เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่ต้องการทดลองรูปทรงปากก่อน
  • ไม่ต้องการการผ่าตัด
  • ต้องการการพักฟื้นที่สั้น
  • ยอมรับได้กับการทำซ้ำทุกปี

ศัลยกรรมปากกระจับ เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่แน่ใจในรูปทรงที่ต้องการ
  • ต้องการผลลัพธ์ถาวร
  • ยอมรับการผ่าตัดและระยะพักฟื้นที่นานขึ้นได้
  • ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ฟิลเลอร์ปาก มีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไร?

หัวข้อรายละเอียดคุ้มค่า?
ข้อดี
ความรวดเร็วใช้เวลาทำเพียง 15-30 นาที⭐⭐⭐⭐
การพักฟื้นใช้เวลาพักฟื้นน้อย 1-2 วัน⭐⭐⭐⭐⭐
ความปลอดภัยใช้สาร HA ที่ละลายได้เองตามธรรมชาติ⭐⭐⭐⭐⭐
ความยืดหยุ่นสามารถแก้ไขหรือเพิ่มเติมได้ตามต้องการ⭐⭐⭐⭐
การแก้ไขหากไม่พอใจสามารถรอให้สารละลายเองได้⭐⭐⭐⭐
ข้อเสีย
ความคงทนอยู่ได้เพียง 6-12 เดือน ต้องทำซ้ำ🟢
ค่าใช้จ่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายซ้ำทุกปี🟡
การบวมอาจมีอาการบวมหรือช้ำ 1-2 วัน🟠
ข้อจำกัดปรับแต่งได้ในระดับหนึ่ง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมากเกินไป🔵
ความเสี่ยงอาจเกิดการติดเชื้อหรือการอุดตันหลอดเลือดได้ (น้อยมาก)🔴

ศัลยกรรมปากบางมาแล้ว สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากได้ไหม?

กรณีที่พบบ่อยคือ ตัดปากมาแล้วรู้สึกบางเกินไป บางคนแทบจะไม่เหลือเนื้อเลย หรือบางเคสก็ไม่เท่ากัน เกิดเป็นรู เป็นช่อง ปิดริมฝีปากไม่สนิทก็เยอะ โดยหลักการแล้ว สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากได้แม้จะเคยทำศัลยกรรมปากมาก่อน แต่มีข้อควรพิจารณาสำคัญ และต้องดูเป็นรายบุคคลไปค่ะ

ระยะเวลา

  • ควรรอให้แผลจากการทำศัลยกรรมหายสนิทก่อน (โดยทั่วไปประมาณ 4-6 เดือน)
  • การรอให้เนื้อเยื่อฟื้นตัวเต็มที่จะช่วยลดความเสี่ยงและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

ระมัดระวังเป็นพิเศษ

  • อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเนื่องจากเคยผ่านการผ่าตัดมาแล้ว
  • เนื้อเยื่อบริเวณปากอาจมีความอ่อนไหวมากกว่าปกติ
  • อาจมีพังผืดจากการผ่าตัดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

คำแนะนำ

  • ควรส่งภาพ หรือเข้ามาปรึกษาให้แน่ใจก่อนว่าสามารถรักษา แก้ไขให้ดีขึ้นได้
  • แจ้งประวัติการทำศัลยกรรมให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
  • พกรูปก่อน-หลังทำศัลยกรรมไปด้วยจะช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้ดีขึ้น
  • อาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

ฉีดฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้นานแค่ไหน?

ระยะเวลาโดยเฉลี่ย ฟิลเลอร์ปาก จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา

  • ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้
  • ไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล
  • การเผาผลาญของร่างกาย

ในบางกรณีผลลัพธ์อาจอยู่ได้นานถึง 18-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ แต่เนื่องจากบริเวณริมฝีปากเป็นผิวที่บอบบาง อาจทำให้ระยะเวลาการอยู่ตัวสั้นกว่าที่ระบุไว้บนกล่องผลิตภัณฑ์ ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้นถึงจะเลือกใช้ได้เหมาะสม

ปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์ปากสลายเร็วปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์อยู่นาน
1. การออกกำลังกายหนัก/บ่อย เพราะเพิ่มการเผาผลาญ1. การออกกำลังกายพอประมาณ ไม่หักโหม
2. พูดมาก/แสดงออกทางสีหน้าบ่อย ทำให้กล้ามเนื้อเคลื่อนไหวมาก2. การแสดงออกทางสีหน้าพอประมาณ
3. สูบบุหรี่ เพราะทำให้เลือดไหลเวียนแย่ลง3. ไม่สูบบุหรี่
4. ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ทำให้ร่างกายขาดน้ำ4. ดื่มน้ำเพียงพอ (8-10 แก้วต่อวัน)
5. อยู่กลางแดดบ่อย/ไม่ทาครีมกันแดด5. ดูแลผิวและทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
6. มีการเผาผลาญเร็ว/น้ำหนักขึ้นลงบ่อย6. น้ำหนักคงที่ การเผาผลาญปกติ
7. นอนคว่ำ กดทับบริเวณริมฝีปาก7. นอนหงาย ไม่กดทับริมฝีปาก
8. ทานอาหารร้อนจัด/เผ็ดจัดบ่อย8. ทานอาหารอุณหภูมิปกติ
9. ความเครียดสูง ส่งผลต่อฮอร์โมน9. จัดการความเครียดได้ดี
10. ใช้ลิปสติกที่มีสารระคายเคือง10. ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยนกับริมฝีปาก

หมายเหตุ: แม้จะฉีดฟิลเลอร์พร้อมกันและใช้รุ่นเดียวกัน แต่พฤติกรรมและสภาพร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน จึงส่งผลต่อระยะเวลาการอยู่ตัวของฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันได้

ฉีดฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม?

การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน FDA ในปัจจุบัน ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ผลิตจากสาร Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว ทำให้มีความเข้ากันได้ดีกับเนื้อเยื่อของเรา

อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์ทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ปากอาจมีความเสี่ยงเรื่องบวมช้ำบ้าง ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถป้องกันได้ด้วยการเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี เหมาะกับใช้ฉีดปากที่สุด?

สำหรับฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดปาก สามารถแบ่งตามความต้องการและการใช้งานได้ดังนี้

ต้องการปากอวบอิ่มมาก

  • Juvederm Ultra Plus: เนื้อนิ่ม ฟูมาก เหมาะกับลุคแบบฝรั่ง (อยู่ได้ 12 เดือน)
  • Juvederm Voluma: เนื้อแข็งแน่น ฟูปานกลาง อยู่ได้นานถึง 18 เดือน

สำหรับลุคธรรมชาติ

  • Restylane Refyne: เจลยืดหยุ่น ดูเป็นธรรมชาติ (12 เดือน)
  • Restylane Volyme: เนื้อนิ่มปานกลาง ไม่เป็นก้อน (18 เดือน)
  • Belotero Soft: เนื้อเหลว ให้ลุคธรรมชาติ (6-12 เดือน)

สำหรับเน้นขอบปากชัด

  • Restylane Kysse: สร้างขอบปากชัด พร้อมความอวบอิ่ม (12 เดือน)
  • Belotero Lips Contour: ปรับความคมชัดขอบปาก (9-12 เดือน)

สำหรับเพิ่มความชุ่มชื้น

  • Juvederm Volite: เน้นความชุ่มชื่นพร้อมความอวบอิ่ม (8-12 เดือน)
  • Restylane Vital Light: แก้ปากแห้ง เพิ่มความชุ่มชื้น (6-12 เดือน)

อย่างไรก็ตาม การเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น

  • สภาพริมฝีปากปัจจุบัน
  • ผลลัพธ์ที่ต้องการ
  • ระยะเวลาที่ต้องการให้อยู่
  • ความเหมาะสมกับสรีระใบหน้าโดยรวม

ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำการผสมผสานฟิลเลอร์หลายชนิดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดตามความต้องการของแต่ละบุคคล ดีเลิฟเวอรี่คลินิกไม่ได้แนะนำแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งโดยเฉพาะ คุณหมอแนะนำตามปัญหา และผลลัพธ์ที่ต้องการเป็นหลัก

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  1. ปรึกษาและประเมิน: คุณหมอต้าร์จะซักประวัติ ประเมินสภาพริมฝีปาก รูปทรง ปัญหา และความต้องการ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
  2. ทำความสะอาด: ทำความสะอาดริมฝีปากและบริเวณโดยรอบอย่างละเอียดด้วยคลีนซิ่ง เพื่อกำจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก
  3. แปะยาชา: ทายาชาบริเวณริมฝีปาก ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด
  4. ฉีดฟิลเลอร์: คุณหมอต้าร์จะฉีดฟิลเลอร์โดยใช้เทคนิคเฉพาะ เจ้าหน้าที่จะแจ้งชื่อยี่ห้อ รุ่น และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ให้ทราบ สามารถตรวจสอบได้ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที
  5. ประคบเย็น: หลังฉีดเสร็จ จะประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและรอยช้ำ
  6. รับคำแนะนำและติดตามผล: คุณหมอต้าร์จะให้คำแนะนำในการดูแลหลังการฉีด รวมถึงนัดหมายเพื่อติดตามผลและประเมินผลลัพธ์

ฉีดฟิลเลอร์ปากต้องเตรียมตัวอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นคล้ายคลึงกับการเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ ดังนี้

  • งดวิตามินและอาหารเสริมบางชนิด: อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด ควรงดวิตามิน อาหารเสริม หรือยาสมุนไพรบางชนิดที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา โสม กระเทียม ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาและอาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ
  • งดยาแอสไพรินและ ibuprofen: อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการฉีด ควรงดยาแอสไพริน ibuprofen และยาต้านการอักเสบ NSAIDs อื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดรอยช้ำ
  • แจ้งประวัติแพ้ยา/สารต่างๆ: แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการแพ้ยา แพ้อาหาร หรือการแพ้สารอื่นๆ รวมถึงโรคประจำตัวที่เป็นอยู่
  • งดแต่งหน้าบริเวณริมฝีปาก: ในวันที่เข้ารับการฉีด ควรงดทาลิปสติก ลิปกลอส หรือเครื่องสำอางอื่นๆ บริเวณริมฝีปาก
  • เตรียมคำถาม: เตรียมคำถามที่ต้องการสอบถามแพทย์เกี่ยวกับขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียง และการดูแลหลังการฉีด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ: พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันนัดหมาย เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพที่พร้อมสำหรับการรักษา

หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก-มีข้อห้าม หรือควรดูแลตัวเองอย่างไร

การดูแลตัวเองหลังเติมฟิลเลอร์ปาก 24 ชั่วโมงแรก

ห้ามสัมผัสริมฝีปาก

  • เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่
  • ปากอาจเบี้ยวหรือผิดรูปได้

งดกิจกรรมที่ต้องขยับปากมาก

  • ลดการพูดคุย
  • หลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้าง
  • ไม่ควรเคี้ยวอาหารชิ้นใหญ่

ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ

  • ช่วยให้ฟิลเลอร์ดูดซึมน้ำได้ดี
  • ทำให้ริมฝีปากดูอิ่มฟู
  • ช่วยให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน

งดแอลกอฮอล์และบุหรี่

  • ป้องกันการอักเสบ
  • ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน

งดอาหารเสริมและวิตามิน

  • ลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกลับมาทานอีกครั้ง

ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนถึงจะดี ปลอดภัย

เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่

มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์

  • ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
  • มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
  • มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย

คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์

  • ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
  • มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
  • ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้

วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์

  • สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
  • สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
  • มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ
หมอปลอม หมอเถื่อน ตรวจสอบ แพทยสภาพ
รีวิวฟิลเลอร์ ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี หมอต้าร์

ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาเท่าไหร่?

โดยราคาการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ โดยทั่วไป ราคาการฉีดฟิลเลอร์เริ่มต้นประมาณ 8,000-15,000 บาทต่อ 1 ซีซี/กล่อง ทั้งนี้ ราคาจะแตกต่างกันตามปัจจัยต่างๆ เช่น

  • ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้
  • แบรนด์และคุณภาพของฟิลเลอร์
  • ความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • ความยากง่ายของแต่ละเคส เพราะบางครั้งเป็นเคสแก้ไขความผิดพลาดจากที่อื่นหรือผิดพลาดจากการทำศัลยกรรมมา

สำหรับผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มากกว่าการพิจารณาเรื่องราคาเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยสูงสุด

การฉีดฟิลเลอร์สามารถปรับทรงปากได้จริงค่ะ แต่สำหรับกรณีริมฝีปากที่หนา ไม่ว่าจะบนหรือล่าง หมออยากให้คุณทราบถึงทางเลือกทั้งสองแบบนะคะ

การฉีดฟิลเลอร์

  • เหมาะกับการปรับรูปทรง เพิ่มความชัดของขอบปาก
  • ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน
  • ไม่ต้องพักฟื้นนาน แค่ระวังการช้ำเล็กน้อย
  • แต่ไม่สามารถลดขนาดความหนาของปากได้

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ต้องบอกว่าการใช้ฟิลเลอร์รุ่นทั่วไปมาฉีดปากไม่ใช่เรื่องผิด และสามารถทำได้ หากแพทย์ประเมินแล้วว่าเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคนไข้ ขึ้นอยู่การวิเคราะห์ ควบคุมปริมาณและตำแหน่งในการแก้ไขปัญหาได้ไหม ควบคุมได้ก็สามารถทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ สวยงามได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ฟิลเลอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับริมฝีปากจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกว่า เช่น

  • มีความยืดหยุ่นที่เหมาะกับการเคลื่อนไหวของริมฝีปาก
  • ความเข้มข้นและความหนืดที่ออกแบบมาเฉพาะ
  • การกระจายตัวของสารที่เหมาะสมกับเนื้อเยื่อริมฝีปาก

ฉะนั้นจะฉีดฟิลเลอร์ปาก หรือตำแหน่งไหน ต้องได้พบแพทย์ ได้ซักประวัติ ได้คุยถึงความต้องการที่ชัดเจน และค่อยตัดสินใจรับบริการจึงเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

การเติมฟิลเลอร์ปาก อาจไม่เหมาะกับทุกคนนะคะ โดยเฉพาะในกรณีที่มีปากแหว่งเพดานโหว่ ปากที่หนาเกินไป ปากที่บางมากจากการผ่าตัด หรือมีการติดเชื้อ รวมถึงคนที่เคยฉีดสารเติมเต็มถาวร เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกอื่นที่ปลอดภัยกว่า เช่น การผ่าตัด หรือกอื่นๆค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

หลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ปากเสร็จแล้ว มีข้อควรระวังนิดหน่อยนะคะ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัยที่สุด เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างนะคะ:

  1. ห้ามทานอาหารหรือเครื่องดื่มร้อนจัด ประมาณ 24-48 ชั่วโมงแรกค่ะ เพราะความร้อนอาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายเร็วกว่าปกติได้
  2. งดจูบก่อนน๊า หนักหน่วงไปเดี๋ยวฟิลเลอร์เคลื่อน เพราะน้องยังไม่เซ็ตตัวดีที่สุด สัก 24-48 ชม.
  3. ห้ามนวดหรือกดบริเวณริมฝีปากแรงๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ
  4. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือเข้าซาวน่าในวันแรกค่ะ อันที่จริงก็ไม่ใช่ข้อห้ามร้ายแรงอะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงค่ะ
  5. ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงแรกนะคะ เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย
  6. ถ้าเป็นไปได้ ให้นอนหงายและยกหัวสูงนิดหน่อยในคืนแรกค่ะ เพื่อลดอาการบวม
  7. ถ้ามีอาการบวมนิดหน่อย ไม่ต้องตกใจนะคะ เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าบวมมากหรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบติดต่อคลินิกนะคะ
  8. สุดท้าย อย่าลืมทาลิปบาล์มบ่อยๆ เพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นค่ะ

โดยทั่วไป อาการบวมหรือรอยช้ำควรหายได้เองใน 1-3 วันหลังฉีดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

การใช้ฟิลเลอร์ปาก 1 cc จะพอหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ ทั้งรูปทรงปากเดิม และผลลัพธ์ที่คุณต้องการ เราต้องดูเป็นรายกรณีไป เพราะแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน

ลองมาดูกันนะคะว่าแต่ละกรณีควรใช้ฟิลเลอร์ประมาณเท่าไหร่

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ใช้เวลารับบริการ:

40

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

ปลดล็อกความสวย สะกด ด้วยริมฝีปากอวบอิ่ม ที่จะทำให้ทุกรอยยิ้มของคุณน่าจดจำ

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Rose Anytime
แนะนำเลย
facebook
facebook
Nipha Psy
แนะนำเลย
facebook
Ning BarbieGrils
แนะนำเลย
facebook
Dolly Dollar
แนะนำเลย
google
facebook
Pupae Panisara
แนะนำเลย