ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม คืออะไร เหมาะกับใคร ยี่ห้อไหนดี ต้องรู้อะไรก่อนฉีด คำถามที่พบบ่อย

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ฟิลเลอร์

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

ฟิลเลอร์ขมับ เติมขมับดียังไง ข้อดี ข้อเสีย เติมยี่ห้อไหน ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ติดตามผลการรักษา
โปรโมชั่น ส่วนลด

ฉีดฟิลเลอร์ขมับครั้งแรก รับส่วนลด 1,000

7,999

บาท

ปกติราคา : 8,999

หมดเขต:

29/12/2025

เลือกอ่านเนื้อหา

รีวิวฟิลเลอร์ขมับ มีเคสไหนคล้ายปัญหาคุณบ้าง


ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฟิลเลอร์ขมับ

  1. ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร?
    • เป็นสารเติมเต็มที่ปลอดภัย ฉีดเข้าบริเวณขมับ
    • ช่วยเติมเต็มส่วนที่เว้าให้ดูอิ่มเต็ม
    • ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส
    • การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ไม่ใช่การทำศัลยกรรม ไม่มีเปิดแผล ไม่มีผ่าตัด มีเพียงรอยเข็ม เหมือนฉีดยาทั่วๆไป
  2. เหมาะสำหรับใคร?
    • ผู้ที่มีขมับเว้าแต่กำเนิด
    • ผู้สูงวัยที่มีปัญหาไขมันหรือกระดูกยุบ
    • ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
  3. ข้อดีของฟิลเลอร์ขมับ
    • ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัย
    • เห็นผลทันที
    • กลับบ้านได้ทันที ไม่มีพักฟื้น ดมยาสลับ ฉีดยาชาแต่อย่างใด
    • ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ (หลังจากเข้าที่)
  4. การดูแลเมื่อฉีดฟิลเลอร์ขมับ
    • ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 1-2 วัน
    • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ 1-2 วัน
    • งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วัน ได้จะดี
    • งดอาบน้ำร้อน หรือเข้าซาวน่า 1 วัน ได้จะดี
    • ทานยาตามที่แพทย์สั่ง (ถ้ามี)
  5. ข้อควรรู้เพิ่มเติม
    • ผลอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ตามรุ่นที่เลือก ตามที่แพทย์แนะนำว่าเหมาะสม
    • ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ มีรีวิวคล้ายกับปัญหาของเรา
    • สามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลังถ้าต้องการ ค่อยๆเติมเพื่อความเป็นธรรมชาติได้

ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

สาเหตุของขมับตอบ

  1. ความเสื่อมตามวัย
    • การลดลงของชั้นไขมัน
    • การยุบตัวของกล้ามเนื้อ
    • การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูก
  2. พันธุกรรม
    • โครงสร้างใบหน้าที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ
    • ลักษณะเฉพาะของเชื้อชาติ
  3. พฤติกรรมและการใช้ชีวิต
    • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
    • ความเครียด
    • การขาดสารอาหาร

ความแตกต่างระหว่างคนไทยกับชาติอื่น

  1. โครงสร้างใบหน้า
    • คนไทยและชาวเอเชียมักมีโครงหน้าที่เล็กกว่าชาวตะวันตก
    • มีแนวโน้มที่จะมีโหนกแก้มสูงตามธรรมชาติ
  2. ความแตกต่างทางกายวิภาค
    • ชั้นไขมันที่บางกว่าในบริเวณขมับ
    • การกระจายตัวของไขมันใบหน้าที่แตกต่างจากชาวตะวันตก
  3. ปัจจัยทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
    • อาหารการกินที่แตกต่าง
    • สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียไขมัน
    • ความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งที่มีผลต่อการให้ความสำคัญกับลักษณะขมับ

การแก้ไขปัญหาขมับตอบ ต้องอาศัยการเติมเต็มเป็นหลัก เช่น การฉีดฟิลเลอร์ก็ถือเป็นทางเลือกอันดับต้นๆที่แพทย์แนะนำ การดูแลสุขภาพ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เหล่านี้เป็นวิธีชะลอให้ผิวของเราเสื่อมช้าลง แต่มิใช่วิธีที่จะทำให้ขมับเต็ม หรือผิวกลับมาเต่งตึงเหมือนวัยหนุ่มสาว

ข้อดี ข้อจำกัด ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ข้อดีข้อจำกัด
1. ประสิทธิภาพการรักษา
– เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการรักษา– ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 8-24 เดือน
– สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ– อาจต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
– ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า– ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์
2. ความปลอดภัยและการรักษา
– เป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด– อาจเกิดการอุดตันของหลอดเลือด (หากฉีดผิดตำแหน่ง)
– ใช้เวลารักษาสั้น (15-30 นาที)– เสี่ยงต่อการติดเชื้อหากรับบริการกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า
– แทบจะไม่มีการพักฟื้นหลังทำ– อาจเกิดรอยเข็มหรือตุ่มนูน ผิวนูนหลังฉีด แต่จะหายไปเอง
3. ความสะดวกและการดูแล
– กลับไปทำงานได้ทันที– ต้องหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 1-2 สัปดาห์
– ไม่ต้องการการเตรียมตัวมาก– ต้องระวังการสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก
– สามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจผลลัพธ์– ต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมง
4. ค่าใช้จ่าย
– ราคาถูกกว่าการผ่าตัด– มีค่าใช้จ่ายในระยะยาวเนื่องจากต้องฉีดซ้ำ
– สามารถทยอยฉีดได้ตามงบประมาณ– ราคาแตกต่างกันตามแบรนด์และปริมาณที่ใช้
คำแนะนำเพิ่มเติม:
  1. ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
  2. ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำ
  3. ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการรักษา
  4. ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา

ขมับไม่ได้ยุบตัว แต่เพราะโหนกแก้มสูง

ในฐานะแพทย์ด้านความงามที่ดูแลคนไข้มากว่า 10 ปี หมอเจอเคสแบบนี้บ่อยมากค่ะ ประมาณ 20% ของคนไข้ที่มาปรึกษาเรื่องขมับตอบ แท้จริงแล้วไม่ได้มีปัญหาขมับยุบจริงๆ แต่เป็นเพราะโครงสร้างใบหน้าที่มีโหนกแก้มสูง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยและจีน

เวลาที่โหนกแก้มสูง มันจะสร้างภาพลวงตาให้บริเวณขมับดูตอบลงไป เหมือนเป็นร่องลึก ทั้งที่จริงๆ แล้วปริมาณไขมันและเนื้อเยื่อในบริเวณขมับอยู่ในเกณฑ์ปกติ หมอมักจะแนะนำคนไข้ให้ถ่ายรูปด้านข้างและดูกระจกในมุมต่างๆ จะเห็นว่าเป็นเพราะโหนกแก้มที่นูนขึ้นมา ทำให้เกิดเงาและความรู้สึกว่าขมับตอบ

ในกรณีแบบนี้ การแก้ไขอาจจะต้องมองภาพรวมของใบหน้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่การเติมเต็มขมับอย่างเดียว บางครั้งอาจต้องปรับสมดุลของโหนกแก้มด้วย เพื่อให้ใบหน้าดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น

📋 ตารางเปรียบเทียบ ขมับเว้า ขมับยุบ VS ขมับดูเว้าจากโหนกแก้มสูง

หัวข้อขมับยุบ/เว้าโหนกแก้มสูง
สาเหตุ– ไขมันขมับลดลงตามวัย
– พันธุกรรม
– น้ำหนักลดมาก
– กระดูกยุบ
– โครงสร้างกระดูกแก้มสูงตามธรรมชาติ
– พันธุกรรม
ลักษณะที่เห็น– ขมับเว้าลึกชัดเจน
– ผิวอาจหย่อนคล้อย
– มองเห็นเส้นเลือด
– ขมับดูเว้าเมื่อเทียบกับแก้ม
– โหนกแก้มเด่นชัด
– ใบหน้าดูมีมิติมาก
การวินิจฉัย– คลำพบการยุบตัวของเนื้อเยื่อ
– เห็นความเว้าชัดทุกมุมมอง
– เห็นความเว้าชัดเฉพาะบางมุม
– คลำพบโหนกแก้มชัดเจน
วิธีการรักษา– ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มโดยตรง
– อาจต้องฉีดหลายชั้น
– อาจต้องทำซ้ำบ่อย
– ฉีดฟิลเลอร์แบบ Temple balancing
– เน้นการสร้างสมดุล
– อาจรักษาร่วมกับการปรับแก้ม
ปริมาณฟิลเลอร์มักใช้ปริมาณมากกว่าใช้ปริมาณน้อยกว่า เน้นการปรับสมดุล
เป้าหมายเพิ่มปริมาตรให้เต็มปรับสมดุลให้กลมกลืน
ผลลัพธ์– ขมับเต็มขึ้นทันที
– ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
– ใบหน้าดูนุ่มนวล
– ลดความแตกต่างของระดับ
ข้อควรระวัง– ระวังการฉีดลึกเกินไป
– อาจต้องทำซ้ำบ่อยกว่า
– ระวังไม่ให้ขมับนูนเกินโหนกแก้ม
– ต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งใบหน้า

– ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
– ผลลัพธ์ที่ดีต้องคำนึงถึงความสมดุลของใบหน้าโดยรวม

ฉีดขมับให้สวย ต้องให้รับกับหน้าผาก

เคยสังเกตไหมคะว่า ใบหน้าที่สวยงามนั้น ส่วนบนจะต้องมีความกลมกลืนกัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ขมับ และโหนกแก้ม ซึ่งเปรียบเสมือนกรอบรูปที่ล้อมรอบดวงตาของเรา มันคือเรื่องของ กายวิภาคและความสมดุล แพทย์ที่มีประสบการณ์ และใส่ใจเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เพราะการเติมฟิลเลอร์ มิใช่การเติมให้เต็ม หรือถมร่องลึกให้ตื้นขึ้นเพียงอย่างเดียว

  1. ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง
    • หน้าผากและขมับเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน
    • ระนาบความลึกควรมีความต่อเนื่อง
    • แนวโค้งต้องดูเป็นธรรมชาติ
  2. สัดส่วนที่เหมาะสม
    เราเรียกว่า Temple-Forehead Continuity
    • หน้าผากควรโค้งมนเล็กน้อย
    • ขมับไม่ควรเว้าลึกเกินไป
    • แนวต่อระหว่างขมับและหน้าผากต้องกลมกลืน

ปริมาณฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสม

การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการประเมินและเลือกปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความรุนแรงของขมับตอบ อายุ เพศ โครงสร้างใบหน้า และความต้องการของผู้รับการรักษา

สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การฉีดฟิลเลอร์ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย

ระดับความรุนแรงปริมาณฟิลเลอร์ต่อข้างลักษณะที่พบข้อแนะนำราคาโดยประมาณ (บาท)
เล็กน้อย (Grade 1)0.5-1 cc– ขมับเริ่มตอบเล็กน้อย
– เห็นชัดในมุม 45 องศา
– อาจแบ่งฉีด 1-2 ครั้ง
– เหมาะกับการป้องกัน
15,000 – 20,000
ปานกลาง (Grade 2)1-2 cc– ขมับตอบชัดเจน
– รูปหน้ามีความเว้าทั้งหน้าตรงด้านข้าง
– ควรแบ่งฉีด 2 ครั้ง
– ห่างกัน 2-4 สัปดาห์
15,000 – 35,000
รุนแรง (Grade 3)2-3 cc– ขมับตอบลึก เห็นชัดทุกองศา
– มองเห็นเส้นเลือด
– ดูแก่กว่าอายุ
– แนะนำแบ่งฉีด 2-3 ครั้ง
– อาจต้องรักษาร่วมกับวิธีอื่น
30,000 – 45,000
หมายเหตุสำคัญ:
  1. ปริมาณที่ระบุเป็นเพียงค่าเฉลี่ย อาจปรับเพิ่มหรือลดตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
  2. ราคาอาจแตกต่างกันตามแบรนด์ฟิลเลอร์และสถานพยาบาล
  3. ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน FDA และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เท่านั้น
  4. ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล

ขมับ 2 ข้างไม่เท่ากัน ผิดปกติไหม

ความไม่สมมาตรของใบหน้าเป็นเรื่องธรรมชาติที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะบริเวณขมับที่ไม่เท่ากันนั้น พบได้ถึง 70-80% ของผู้ที่มาปรึกษาปัญหาเรื่องขมับ เปรียบเหมือนกับคิ้วสองข้างที่เรามักได้ยินว่า ‘คิ้วไม่ใช่พี่น้องกัน’ ขมับก็เช่นกันค่ะ ความไม่เท่ากันนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

  • พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูกที่ไม่สมมาตรตั้งแต่กำเนิด
  • พฤติกรรมการนอนทับด้านใดด้านหนึ่งเป็นประจำ
  • การเคี้ยวอาหารด้านเดียวเป็นนิสัย ทำให้กล้ามเนื้อพัฒนาไม่เท่ากัน
  • การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนังที่ไม่เท่ากันตามวัย

กล้ามเนื้อขมับ (Temporalis Muscle)

  • เป็นกล้ามเนื้อรูปพัด กว้างและแบนอยู่ด้านข้างศีรษะ
  • หน้าที่หลัก: ช่วยในการเคี้ยวและขยับขากรรไกร
  • เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้ฝ่อลงหรือพัฒนาไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดขมับตอบไม่เท่ากันได้

สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ปัจจุบันเราสามารถแก้ไขความไม่สมมาตรนี้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะประเมินความแตกต่างของทั้งสองข้าง และวางแผนการฉีดแบบ Customized เฉพาะบุคคล บางรายอาจต้องฉีดข้างที่ตอบมากกว่าในปริมาณที่มากกว่า หรือบางรายอาจต้องฉีดทั้งสองข้างในปริมาณที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ความสมดุลที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด

ทั้งนี้ ความสมบูรณ์แบบที่เท่ากัน 100% อาจไม่ใช่เป้าหมายที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะใบหน้าที่มีความไม่สมมาตรเล็กน้อยจะดูเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์มากกว่า ดังนั้น การปรับแต่งจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างความกลมกลืนและความสมดุลที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคนมากกว่าค่ะ

เลือกอะไรดี ระหว่างฉีดฟิลเลอร์และฉีดไขมันขมับ

ในการแก้ไขปัญหาขมับตอบให้กลับมาดูเต็มและอ่อนเยาว์ขึ้นนั้น วิธีการเติมเต็มเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยเฉพาะสองวิธีหลักที่แพทย์และคนไข้มักเลือกรับบริการ คือ การฉีดฟิลเลอร์และการฉีดไขมันตัวเอง ทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสภาพผิว อายุ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของแต่ละบุคคล

หัวข้อเปรียบเทียบการฉีดฟิลเลอร์การฉีดไขมันตัวเอง
สิ่งที่ใช้เติมสารเติมเต็มสังเคราะห์ (HA)ไขมันจากร่างกายตัวเอง
ระยะเวลาการรักษา15-30 นาที1-2 ชั่วโมง (รวมการดูดไขมัน)
การเตรียมตัว– งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด
– งดแอลกอฮอล์ 24 ชม.
– ต้องมีไขมันพอให้ดูด
– งดอาหาร 6-8 ชม.
– ต้องตรวจเลือดก่อนทำ
ความรู้สึกตอนทำน้อยมาก ไม่ต้องฉีดหรือแปะยาชาได้ปานกลาง-มาก เพราะมีการดูดไขมันร่วมด้วย
การฟื้นตัว– กลับบ้านได้ทันที
– อาจมีรอยเข็ม บวมได้บ้าง
– พักฟื้น 1-2 วัน
– บวมช้ำบริเวณดูดไขมัน 1-3 สัปดาห์ อาจมีการใช้ผ้าพันแผลตลอด
ความคงอยู่8-24 เดือนถาวร (50-70% ของไขมันที่ติด)
ผลลัพธ์– เห็นผลทันที
– ปรับแต่งได้ง่าย
– เห็นผลชัดเจนหลังยุบบวม ไขมันยุบตัว หลัง 2-6 เดือน
– ธรรมชาติกว่า
ข้อดี– ไม่ต้องผ่าตัด
– ควบคุมปริมาณได้แม่นยำ
– แก้ไขได้ถ้าไม่พอใจ
– ผลลัพธ์ถาวร
– ไม่มีการแพ้
– ได้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวลกว่า
ข้อจำกัด– ต้องทำซ้ำ
– ราคาในระยะยาว จะดูเยอะกว่า
– ต้องมีไขมันพอ ดูดมาจากคนอื่นไม่ได้
– ยากในการคาดเดาผลลัพธ์
– เมื่อมีการลดน้ำหนัก ความอ้วน ไขมันยุบตามได้
ราคา (โดยประมาณ)15,000-45,000 บาท/ครั้ง50,000-100,000 บาท
เหมาะสำหรับ– ผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว
– ผู้ที่กลัวการผ่าตัด
– ผู้ที่ต้องการลองผลลัพธ์ก่อน
– ผู้ที่ต้องการผลระยะยาว
– ผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน
– ผู้ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง– การอุดตันของหลอดเลือด
– การเกิดก้อน
– การติดเชื้อ
– การอักเสบ
– ความไม่สม่ำเสมอ
– การยุบตัวมากเกินไป ทำให้ดูเหมือนไม่มีการเติมเต็มได้
การดูแลหลังทำ– หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์
– งดออกกำลังกายหนัก 24-48 ชม.
– สวมชุดรัดบริเวณดูดไขมัน 1 เดือน
– งดออกกำลังกายหนัก 2-4 สัปดาห์
คำแนะนำเพิ่มเติม:
  1. ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
  2. พิจารณาทั้งด้านงบประมาณและเวลาในการฟื้นตัว
  3. ตัดสินใจจากข้อมูลที่ครบถ้วนและความพร้อมของตนเอง
  4. เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ขมับ

พบแพทย์ ประเมินปัญหา หมอ/ทีมแพทย์จะต้องสอบถามประวัติ และประเมินปัญหาผิวหน้า ก่อนรับบริการทุกเคส

ทำความสะอาดผิวหน้า ทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง ลบเครื่องสำอาง ก่อนเริ่มทำการรักษา

แพทย์เริ่มทำการรักษา คุณหมอจะทำการรักษาบริเวณที่คนไข้กังวล โดยโปรแกรม ฟิลเลอร์ขมับ ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน 10-30 นาที

รับยาตามแพทย์สั่ง แพทย์จ่ายยา (ถ้ามี) และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง

ติดตามผล ควรเข้ามาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์การรักษาให้ออกมาอย่างที่คาดหวัง

ฟิลเลอร์ขมับปลอดภัยไหม มีผลข้างเคียงอะไร

ฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบันมีประวัติการใช้งานทางการแพทย์มายาวนานกว่า 25 ปี โดยได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับโลก เช่น

  • FDA สหรัฐอเมริกา
  • CE Mark จากสหภาพยุโรป
  • อย. ประเทศไทย”

ความปลอดภัยของฟิลเลอร์ขมับ

  • ใช้สาร HA (Hyaluronic Acid) ที่เข้ากันได้กับร่างกาย
  • ผ่านการทดสอบความปลอดภัยระดับสากล
  • คลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรอง อย. เท่านั้น
  • ประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคการใช้เข็ม ให้เหมาะสมกับความลึกของชั้นผิวของคนไข้แต่ละเคส

 เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย

แพทย์ที่มีประสบการณ์จะประเมินผิวคนไข้อย่างละเอียด และเลือกใช้เทคนิค ชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละเคส

  • ป้องกันการฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง
  • ทดสอบด้วยการกดผิวหนัง
  • สังเกตการไหลกลับของเลือดภายใน 2 วินาที
  • ประเมินสีผิวและการตอบสนอง
  • ฉีดแบบค่อยเป็นค่อยไป
  • นัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
  • ให้คำแนะนำการดูแลตัวเอง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางเคส

  • ปวดขมับ เนื่องจากมีฟิลเลอร์ทำให้ผิวตึงกว่าปกติ แต่จะหายไปได้เอง
  • ผิวบริเวณขมับ 1-2 วันอาจจะมีการแห้งได้ ทาครีมบำรุงได้ และจะหายไปได้เอง
  • รอยเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ หายได้เองใน 1-2 ชม.
  • ผลข้างเคียงเหล่านี้เป็นแค่ผลชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอันตราย

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ

เตรียมตัวล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
    • ยาแอสไพริน
    • วิตามินอี
    • น้ำมันตับปลา
  2. งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ
    • เรตินอล
    • กรดวิตามินเอ
    • AHA/BHA
    • เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์

เตรียมตัวล่วงหน้า 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม
    • แอลกอฮอล์ทุกชนิด
    • เครื่องดื่มชูกำลัง
    • ชา/กาแฟปริมาณมาก
  2. งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดบาดแผล
    • ขัดหน้า
    • นวดหน้า

1 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • นอนให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำมากๆ
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

วันรับบริการฟิลเลอร์

  1. การแต่งหน้า
    • มาด้วยหน้าสะอาด
    • ไม่แต่งหน้า
    • ไม่ทาครีมบำรุง
    • ไม่ควรมีสิวอักเสบบริเวณที่ฉีด
  2. การแต่งกาย
    • สวมเสื้อผ้าสบายๆ
    • หลีกเลี่ยงเครื่องประดับบริเวณใบหน้า
    • รวบผมให้เรียบร้อย
  3. การเตรียมตัวอื่นๆ
    • มาถึงคลินิกก่อนเวลานัด 15-30 นาที
    • ทานอาหารมาพอประมาณ
    • พักผ่อนให้เพียงพอ
    • ปล่อยใจให้ว่าง ไม่ต้องเครียม ฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด

เอกสารที่ต้องเตรียม

  1. บัตรประชาชน/พาสปอร์ต
  2. ประวัติการแพ้ยา (ถ้ามี)
  3. ประวัติการรักษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

⚠️ ข้อควรแจ้งแพทย์

  1. มีประวัติแพ้ยา/แพ้อาหาร
  2. กำลังตั้งครรภ์/ให้นมบุตร
  3. มีโรคประจำตัว
  4. มีแผลหรือการอักเสบบริเวณที่จะฉีด
  5. เคยฉีดฟิลเลอร์ หรือทำศัลยกรรม ผ่าตัด บริเวณนั้นๆมาก่อน

การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

ข้อสำคัญในการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ

  1. การประคบและการนอน (24 ชั่วโมงแรก)
    • ประคบเย็น 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
    • นอนศีรษะสูง 30-45 องศา
  2. การทำความสะอาดและดูแลผิวได้ตามปกติ
    • ล้างหน้าเบาๆ ด้วยน้ำอุ่น
    • ทาครีมกันแดด SPF 50+
    • ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน
  3. กิจกรรมที่ต้องงด (1 สัปดาห์)
    • นวด กดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดรุนแรง
    • ออกกำลังกายหนัก เช่นต่อยมวย หรือกิจกรรมที่มีการกระแทกบริเวณนั้นโดยตรง
  4. อาการปกติที่อาจพบได้
    • บวมเล็กน้อย
    • รอยแดง
    • รู้สึกตึงๆผิวบริเวณนั้นได้บ้าง
  5. สัญญาณอันตราย (ต้องรีบแจ้งแพทย์)
    • ปวดรุนแรงผิดปกติ
    • ผิวเปลี่ยนสีซีดหรือคล้ำ
    • มีไข้/ตามัว
  6. การติดตามผล
    • มาตามนัดติดตามผล 7-14 วัน
    • ถ่ายรูปก่อน-หลังเพื่อเปรียบเทียบ
    • ปรึกษาแพทย์/เจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อมีข้อสงสัยสำคัญอื่นๆ

เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี

การเลือกฟิลเลอร์สำหรับเติมขมับนั้น มีความพิเศษตรงที่ขมับเป็นพื้นที่ที่ต้องการฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ ต้องมีความยืดหยุ่นสูง (High Elasticity) และความเหนียว (High Viscosity) ที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถรักษารูปทรงได้ดีแม้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณขมับบ่อยๆ นอกจากนี้ ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของ HA (Hyaluronic Acid) ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน

D’ Lovevery Clinic มีให้บริการเติมฟิลเลอร์ขมับ

  1. Juvederm (จูวิเดิร์ม)
    • Voluma
      • ความเข้มข้น: 20 mg/ml
      • ข้อดี: อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
      • เหมาะกับ: ขมับตอบปานกลางถึงมาก
      • คุณสมบัติพิเศษ: เทคโนโลยี VYCROSS ให้การกระจายตัวที่ดี
    • Volift
      • ความเข้มข้น: 17.5 mg/ml
      • ข้อดี: ให้ผลธรรมชาติมากขึ้น
      • เหมาะกับ: ขมับตอบเล็กน้อยถึงปานกลาง
      • คุณสมบัติพิเศษ: การไหลตัวดี ปรับแต่งง่าย
  2. Restylane (เรสทิเลน)
    • Lyft
      • ความเข้มข้น: 20 mg/ml
      • ข้อดี: ให้โครงสร้างที่ดี อยู่ได้นาน
      • เหมาะกับ: ขมับตอบมาก ต้องการการยกที่ชัดเจน
      • คุณสมบัติพิเศษ: เทคโนโลยี NASHA ให้การยกที่ดี
    • Defyne
      • ความเข้มข้น: 20 mg/ml
      • ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ
      • เหมาะกับ: ผู้ที่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมาก
      • คุณสมบัติพิเศษ: XpresHAn Technology ช่วยรองรับการเคลื่อนไหว

ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาเท่าไหร่

การคิดราคาฉีดฟิลเลอร์ขมับจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือ แบรนด์ที่เลือกใช้และปริมาณที่ต้องการฉีด โดยทั่วไปการฉีดขมับจะใช้ปริมาณตั้งแต่ 0.5-1.5 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของขมับตอบ ทั้งนี้ ราคาที่แสดงเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันในแต่ละสถานพยาบาล

แบรนด์/รุ่นราคา/1ccปัญหาน้อยปัญหาปานกลาง-มาก
Ultra V Hyal
Hard8,9998,999-17,00017,000-26,900
Restylane
Lyft15,00015,000-30,00030,000-45,000
Defyne15,00015,000-30,00030,000-45,000
Juvederm
Voluma XC18,00018,000-36,00036,000-54,000
Volift XC18,00018,000-36,00029,000-54,000
คำแนะนำในการเลือก:
  1. ไม่ควรเลือกจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว
  2. ควรพิจารณาคุณภาพ ผลลัพธ์และความปลอดภัยเป็นหลัก
  3. อาจแบ่งฉีดเป็นหลายครั้งเพื่อกระจายค่าใช้จ่าย

ความเชื่อ เรื่องขมับ กับโหงวเฮ้ง

เรื่องขมับกับโหงวเฮ้งเป็นความเชื่อที่มีการถ่ายทอดกันมาในวัฒนธรรมจีนและเอเชียตะวันออกมาอย่างยาวนาน โดยมีการตีความลักษณะขมับในแง่มุมต่างๆ ดังนี้

ขมับโหนก (นูนเต็ม) ดียังไง

  • เชื่อว่าเป็นคนมีปัญญา คิดการณ์ไกล
  • มักประสบความสำเร็จในการงาน
  • มีความสามารถในการวางแผน

ขมับตอบไม่ดียังไง

  • เชื่อว่าอาจมีอุปสรรคในช่วงอายุ 31-35 ปี
  • อาจต้องระมัดระวังเรื่องการเงิน
  • ควรรอบคอบในการตัดสินใจ

ขมับไม่เท่ากัน จะไม่ดียังไง

  • เชื่อว่าชีวิตอาจมีความไม่แน่นอน
  • อาจมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ่อย
  • ต้องปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ

ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ ลักษณะของขมับเป็นผลมาจากปัจจัยทางกายภาพที่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางการแพทย์และกายวิภาคศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของขมับสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติและสามารถปรับแต่งได้ด้วยวิธีการทางการแพทย์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ

วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายลักษณะทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงของขมับได้อย่างเป็นระบบ ความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา การเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล และไม่ควรด่วนตัดสินว่าถูกหรือผิด ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและความงามควรยึดหลักการทางการแพทย์ที่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

  • คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข ตรวจสอบใบอนุญาต สถานพยาบาลได้ที่นี่
  • แพทย์ผู้ฉีดมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ

พิจารณาอะไรบ้าง

  • ความน่าเชื่อถือของสถานที่ฉีด
  • รีวิวบอกต่อจากผู้เข้ารับบริการจริง ที่ไม่ใช่ดารา ไอดอล
  • ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
  • ราคาและโปรโมชั่น

การฉีดฟิลเลอร์ขมับปริมาณ CC ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาและลักษณะใบหน้าของคนไข้แต่ละคนค่ะ โดยทั่วไปแล้ว ขมับบุ๋มทั้ง 2 ข้างจะใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 2-4 CC ต่อข้าง เพื่อเติมเต็มให้พอดีและได้ผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติค่ะ แต่สำหรับบางคนที่มีการแก้ไขเพียงเล็กน้อย อาจใช้ประมาณ 1-2 CC ต่อข้าง ก็เพียงพอค่ะ

หมอจะต้องตรวจประเมินรูปหน้าของคนไข้ก่อน เพื่อดูว่าขมับบุ๋มลึกแค่ไหน และเน้นผลลัพธ์ที่เหมาะกับโครงหน้าของคนไข้แต่ละคนค่ะ ซึ่งฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับขมับ หมอจะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งปานกลางหรือเนื้อแน่น เช่น Restylane Lyft หรือ Juvederm Voluma เพื่อให้คงตัวและอยู่ได้นานขึ้นค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

เติมได้ค่ะ แต่หมอแนะนำแบบนี้ เราต้องให้น้ำหนักและสภาพผิวคงที่ก่อน เพื่อผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

หลังจากน้ำหนักคงที่ประมาณ 3-6 เดือน ค่อยมาปรึกษาเรื่องการฉีดฟิลเลอร์อีกทีนะคะ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม คลิก

  1. การระคายเคืองของเส้นประสาท: เนื่องจากบริเวณขมับมีเส้นประสาท supraorbital และ supratrochlear ผ่าน ซึ่งเป็นแขนงของเส้นประสาท trigeminal การฉีดฟิลเลอร์อาจไปกดทับหรือระคายเคืองเส้นประสาทเหล่านี้ได้ ทำให้รู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ
  2. ปฏิกิริยาอักเสบ: การฉีดฟิลเลอร์เป็นกระบวนการที่ต้องทำให้เกิดบาดแผลเล็กน้อย ร่างกายจะตอบสนองด้วยปฏิกิริยาอักเสบ เช่น บวม แดง และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการปกติที่จะค่อยๆ ทุเลาลงเอง
  3. ฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด: ในกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าหลอดเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้เกิดการอุดตันและขาดเลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นชั่วคราว ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวได้ แต่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยมากๆ
  4. ภายใน 1-2 วันจะหายไปเอง หากเกิน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ตาพร่ามัว ปวดรุนแรง ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการ และให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป

อ่านเพิ่มเติม คลิก

ใช้เวลารับบริการ:

30

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Kru JaAea Masuk
แนะนำเลย
google
google
facebook
Darinda Nina
แนะนำเลย
facebook
Natanicha Charbumrung
แนะนำเลย
facebook
Jinwara H. New
แนะนำเลย
facebook