
รีวิวโบ ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้า

โบนิว คืออะไร
โบนิว เป็นชื่อเรียกใหม่ของ Neuronox (นิวโรน็อกซ์) ถือเป็นหนึ่งในโบท็อกซ์ยี่ห้อแรกๆ จากเกาหลีที่ได้รับการนำเข้ามายังประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติเด่นของสายพันธุ์ออริจินัล Hall A-hyper ทำให้โบท็อกซ์ชนิดนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากแพทย์และคลินิกความงามมากมาย ในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยโบท็อกซ์ Neuronox ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ประเทศไทย ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล

โบนิว ดียังไง
- ตึงไว: โบนิวมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง จะเห็นผลได้ตั้งแต่ 2-7 วันหลังฉีด
- ตึงนาน: โบนิวมีประสิทธิภาพในการคงฤทธิ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและบริเวณที่ฉีด
- ไม่ทำให้ดื้อโบ: โบนิวผลิตจากเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “Innovative Aggregation Technology” ทำให้โบนิวมีโครงสร้างที่คงตัว ไม่เกิดการกระจายตัว ส่งผลให้โบนิวออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการดื้อโบ

โบนิวทำงานอย่างไร
Neuronox แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ในด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่ได้รับการรับรอง ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย การเลือกคลินิกหรือสถานที่ฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพ ควรเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง เพื่อความมั่นใจในการรักษา
เมื่อแพทย์ทำการฉีดโบนิวเข้าไปในกล้ามเนื้อ โปรตีน Botulinum toxin A จะจับกับตัวรับที่ปลายประสาท ทำให้การส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อถูกยับยั้ง ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัว
การออกฤทธิ์ของ Neuronox ใช้เวลาประมาณ 2-7 วัน และจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและบริเวณที่ฉีด

โบนิว มีกี่แบบ
การเรียกหน่วยของการฉีดโบ หลายคนจะทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งจะเรียกว่า “ยูนิต” โบนิวมีการทำบรรจุภัณฑ์มาทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

50 Units (ขวดสีแดง) เหมาะกับการฉีดบริเวณไม่ใหญ่ ปัญหาไม่เยอะ เช่น ลดริ้วรอย Upper face หรือลดกรามในเคสที่กล้ามเนื้อมัดไม่ใหญ่เกินไปก็เพียงพอ

100 Units (ขวดสีฟ้า) เหมาะกับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือต้องการรักษาหลายบริเวณพร้อมกัน ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด

200 Units (ขวดสีส้ม) เหมาะกับการฉีดบริเวณที่มีขนาดกว้าง ต้องการลดกล้ามเนื้อให้เยอะ เช่นลดการปวดบ่า ไหล่ ออฟฟิศซินโดรม หรือลดขนาดมัดกล้ามเนื้อน่อง
โบนิว ฉีดตรงไหนได้บ้าง
- บริเวณใบหน้า: ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นที่มุมปาก
- บริเวณคอ: ช่วยลดริ้วรอยที่คอและลำคอ
- บ่า ไหล่: ลดการปวด ออฟฟิศซินโดรม
- น่อง: ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง ทำให้น่องดูเล็กลง ขาเรียวขึ้น
- ลดเหงื่อ: ฉีดลดเหงื่อที่ออกบริเวณฝ่ามือ หรือใต้วงแขนได้
- บริเวณอื่นๆ: ช่วยลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น ไมเกรน คอเคลียร์ไมโอโทเนีย ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกในเด็ก (spasmodic torticollis)



| ตำแหน่ง | ปริมาณยูนิต |
|---|---|
| โบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก | 15-20 ยูนิต |
| โบท็อกซ์ริ้วรอยหว่างคิ้ว | 6-15 ยูนิต |
| โบท็อกซ์หางตา | 15-20 ยูนิต |
| โบท็อกซ์กราม | 25-30 ยูนิต (ข้างละ) |
| โบท็อกซ์ปีกจมูก | 10-15 ยูนิต |
| โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า | 30-40 ยูนิต |
| โบท็อกซ์ลดเหงื่อรักแร้ | 50-100 ยูนิต (ข้างละ) |
| โบท็อกซ์ลดเหงื่อฝ่ามือฝ่าเท้า | 100-200 ยูนิต (ข้างละ) |
| โบท็อกซ์ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง | 100-200 ยูนิต (ข้างละ) |
หมายเหตุ
- ปริมาณยูนิตที่ใช้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพผิว อายุ ปริมาณริ้วรอย บริเวณที่ฉีด และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีด
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย
ข้อควรระวังในการใช้โบนิว
- ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคลินิกใช้ของแท้
- ต้องตรวจสอบแพทย์ให้แน่ใจ ว่าเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาต และเป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการฉีดโบปรับบรูปหน้า
- ต้องรับบริการในสถานพยาบาล ที่ได้รับอนุญาต จากกระทรวงสาธารณะสุขเท่านั้น
- ตัวโบนิว ต้องไม่มีราคาถูกเกินจริง ซึ่ง 99% ของโบนิวที่ราคาถูกเกินไป มักจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ได้รับผลข้างเคียงหลายประการ เช่น ไม่เห็นผล ปากเบี้ยว เกิดการอักเสบ ติดเชื้อตามมาได้

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบนิว
- งดยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลเฟแนก อย่างน้อย 7 วันก่อนฉีดโบนิว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
- งดอาหารเสริม เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีดโบนิว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดโบนิว
- พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันฉีด
ขั้นตอนการฉีดโบนิว
- แพทย์ต้องซักประวัติ ปัญหาที่กังวล ประวัติการรับการฉีดโบท็อกซ์ก่อนหน้านี้ แพ้ยาอะไร ควรแจ้งแพทย์ให้รับทราบโดยละเอียด
- แพทย์ประเมินปัญหาผิว ริ้วรอย มัดกล้ามเนื้อ จุดบริเวณที่กังวล พร้อมให้คำอธิบาย ประเมินจำนวนยูนิตที่เหมาะสมกับคนไข้
- คนไข้ที่ไม่เคยฉีด หากกังวลเรื่องความเจ็บ แพทย์จะแนะนำให้แปะยาชา 30 นาที
- แพทย์ทำการรักษา ใช้เวลา 5-10 นาที
- การฉีดลดริ้วรอยจะมีรอยเข็ม และตุ่มๆ หลังฉีด โดยจะหายได้เองใน 30 นาที
- ฟังคำแนะนำจากแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ของคลินิกในการดูแลตัวเองหลังรับบริการ

การดูแลหลังฉีดโบนิว
- หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ออกกำลังกายอย่างหนัก อาบน้ำอุ่นจัด และแช่น้ำร้อน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดโบนิว
- หลีกเลี่ยงการขยับบริเวณที่ฉีดจนกว่าโบนิวจะออกฤทธิ์เต็มที่
- สังเกตอาการผิดปกติหลังฉีดโบนิว เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด พูดไม่ชัด กลืนลำบาก หายใจลำบาก หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที
โบนิว ราคาเท่าไหร่ มีโปรโมชั่นไหม

ทำไมต้องที่ D’ Lovevery Clinic
- เป็นส่วนตัวและใส่ใจ ไม่ต้องรอนาน ไม่แออัด แพทย์ให้คำปรึกษาแบบ case-by-case ละเอียด ไม่เร่งรีบ
- สบายใจไม่มีแรงกดดัน ไม่มีเซลส์คอยปิดการขาย ไม่มีการบังคับซื้อคอร์ส
- จ่ายสบายเลือกได้ มีระบบมัดจำ แบ่งจ่ายได้ มี Shopee PayLater และผ่อน 0% ผ่านบัตรเครดิต
- ดูแลต่อเนื่องโดยแพทย์คนเดิม ติดตามผลกับแพทย์ที่ทำการรักษาโดยตรง
- รีวิวจริงจากลูกค้าจริง รวมรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไม่ใช่ดาราหรือ Influencer
- แพทย์ประสบการณ์สูงตรวจสอบได้
- คลินิกมาตรฐาน เดินทางสะดวก คลินิกผ่านการรับรอง มีที่จอดรถฟรี
- โปร่งใสและตรวจสอบได้ ข้อมูลรวดเร็ว เช็คคอร์สคงเหลือได้ง่าย ผลิตภัณฑ์ทุกตัวผ่าน อย. ไทยและตรวจสอบได้

พร้อมเผยความงามในแบบฉบับของคุณแล้วหรือยัง
ให้ D’ Lovevery Clinic เป็นผู้ช่วยดูแลความงามให้คุณอย่างมั่นใจและปลอดภัย ปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ของเราเพื่อประเมินและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- D’ Lovevery Clinic สาขาพาซิโอ ทาวน์ รามคำแหง โทร 064-424-6526
- D’ Lovevery Clinic สาขา Crystal Design Center (CDC) โทร 095-236-4546
หลายคนคงคิดว่าโบท็อกซ์ปลอมก็อาจจะแค่ไม่เห็นผลแค่นั้น หมอบอกเลยว่า ผิดค่ะ! ความจริงแล้ว โบท็อกซ์ปลอมเป็นอันตรายร้ายแรงกว่าที่หลายคนคิดมาก ต้องระวัง เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ร้ายแรงถึงชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการแพ้ ติดเชื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรืออันตรายถึงชีวิต ดังนั้น ควรเลือกฉีดโบท็อกซ์กับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีดอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ อย่าเสี่ยงกับของปลอมเพื่อแลกกับความสวยนะคะ
ตัวเลขความบริสุทธิ์ของ Botox คือปริมาณสารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ ยิ่งสูงยิ่งดี เพราะหมายถึงประสิทธิภาพที่แม่นยำกว่า และความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่น้อยกว่า การเลือก Botox ที่มีความบริสุทธิ์สูง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ ปลอดภัย และคุ้มค่า เหมือนกับการเลือกส่วนผสมที่ดีในการทำอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติที่อร่อยและคงที่
ดีเลิฟเวอรี่คลินิก จะมาสรุปคำแนะนำสำคัญเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดหรือเลเซอร์จากคลินิกของเรานะคะ เพื่อให้คุณลูกค้าเข้าใจและดูแลผิวได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ โดยรวมแล้ว การดูแลหลังทำมีความแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดนะคะ สำหรับหัตถการกลุ่มฉีด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เมโสแฟต หรือ Biostimulator ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้งดแต่งหน้าประมาณ 4-24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดทับ การติดเชื้อ หรือการกระจายตัวของยา ส่วนกลุ่มเลเซอร์บางชนิด เช่น เลเซอร์ CO2 ที่มีแผลตกสะเก็ด จะต้องงดแต่งหน้าไปเลยจนกว่าสะเก็ดจะหลุดและผิวสมานตัวดี ซึ่งอาจใช้เวลา 7-14 วันเลยค่ะ และไม่ว่าจะทำหัตถการใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ รวมถึงการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนค่ะ หากคุณลูกค้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือมีอาการผิดปกติหลังทำหัตถการ อย่าลังเลที่จะติดต่อสอบถามแอดมินหรือคุณหมอได้เลยนะคะ เรายินดีดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดค่ะ
การดูแลผิวหน้าให้สวยสมบูรณ์แบบและอ่อนเยาว์นั้น ไม่ใช่แค่การดูแลผิวชั้นบนเท่านั้น แต่ต้องเข้าใจว่าปัญหาเกิดจากชั้นผิวไหน เพื่อให้หมอเลือกโปรแกรมที่ ตรงจุด เช่น โปรแกรม Sculptra, Profhilo, Radiesse, Thermage FLX, Potenza, Oligio เหมาะกับการปรับปรุงคุณภาพผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวหนังและไขมันตื้น, โปรแกรม Botox ใช้กับริ้วรอยจากการทำงานของกล้ามเนื้อ, โปรแกรม Ulthera ยกกระชับโครงสร้างลึกถึงชั้น SMAS, และ โปรแกรม Filler ช่วยเสริมสร้างและเติมเต็มโครงสร้างกระดูกและไขมันชั้นลึก การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปัญหาในแต่ละชั้นผิวอย่างละเอียด จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สวยงามและยั่งยืนค่ะ
คือ โบท็อกซ์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเพื่อ “ป้องกันและลดริ้วรอยที่เกิดจากการขยับ” เช่น เวลายักคิ้ว ในขณะที่ ฟิลเลอร์จะทำหน้าที่ “เติมเต็มร่องลึกถาวร” ที่มองเห็นแม้จะทำหน้าเฉยๆ ค่ะ ในหลายกรณี การใช้ทั้งสองอย่างควบคู่กันจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยบนหน้าผากได้อย่างครอบคลุมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนดูอ่อนเยาว์อีกครั้งค่ะ
Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ
ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง
กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น
ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ











