ค้นหาข้อมูล ก่อนฉีดโบท็อกซ์
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามที่ถูกวิธี จะไม่ทำให้หน้าห้อยค่ะ เพราะกระบวนการนี้เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อยของผิวโดยตรง
แต่ที่บางคนรู้สึกว่าหน้าห้อย มีสาเหตุดังนี้ค่ะ
- ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป จนกล้ามเนื้อกรามลีบเร็วเกิน ส่งผลให้ผิวอาจดูห้อยจากที่เคยมีกล้ามเนื้อพยุงไว้
- กรณีบางคนที่โครงสร้างใบหน้ามีไขมันน้อย หรือเนื้อแก้มบาง เมื่อกรามเล็กลงอาจแอบรู้สึกว่าผิวตรงแนวกรามหย่อนกว่าเดิมเล็กน้อย
สำหรับเคสที่มีไขมันแก้มเยอะ เวลาฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วกล้ามเนื้อกรามยุบลง ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น แต่ ถ้าไขมันบริเวณแก้ม, มุมกราม หรือเหนียงเยอะอยู่แล้ว ในบางคนอาจสังเกตว่าไขมันตรงนั้น “ดูหย่อน” มากกว่าเดิมได้ค่ะ กรณีนี้ต้องหาตัวช่วยอื่นในการจัดการกับไขมันร่วมด้วย ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามอย่างเดียวยุคนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้าด้วย ว่าทำแล้วจะส่งผลดีมากน้อยแค่ไหนกับรูปหน้าของเราค่ะ
หลังจากฉีด Sculptra แล้ว แนะนำให้เว้นระยะห่างก่อนที่จะฉีด โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ค่ะ
เหตุผลก็เพราะ Sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการเซตตัวและกระจายวัสดุให้ทั่วบริเวณที่ฉีดค่ะ การรบกวนด้วยหัตถการอื่นๆ (เช่น การเติมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์) อาจทำให้ผลลัพธ์ของ Sculptra ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น หรือเพิ่มความเสี่ยงบวม/ช้ำมากขึ้น
ยกเว้นว่าอยากฉีดลดกราม สามารถฉีดไปพร้อมกันได้เลย เพราะโบท็อกซ์กรามฉีดเข้ากล้ามเนื้อกรามโดยตรง และไม่ส่งผลต่อการบวมช้ำ ทับซ้อนกับตำแหน่งฉีดพวก Biostimulator
ได้ผลค่ะ เพราะจมูกเรามีกล้ามเนื้ออยู่ การฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก “เห็นผลจริง” จากงานวิจัยใหม่ปี 2025 ที่ใช้ ultrasound ยืนยัน พบว่าการฉีด 2–3 จุดสำคัญรอบปีกจมูกและฐานปลายจมูก จุดละ 2-3 ยูนิต สามารถช่วยให้ปีกจมูกแคบลงและแนวสันจมูกดูคมชัดขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3–7 วัน และผลชัดสุดใน 2 สัปดาห์ค่ะ ผลลัพธ์นี้รองรับด้วยข้อมูลกายวิภาคและภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังจากในงานวิจัยจริงเลยค่ะ
เทคนิคนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ปีกจมูกบาน หรืออยากให้แนวแกนจมูกดูคมชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนรูปจมูกแบบธรรมชาติ ปลอดภัย แผลน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ โดยเฉพาะในเคสที่กล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกและฐานจมูกทำงานเด่น เช่น เวลายิ้มปีกจมูกขยายออก เวลาหายใจแรงหรือแสดงสีหน้าแล้วจมูกจะขยับหรือปีกจมูกบานโดยไม่ตั้งใจ หรือมีปัญหา nasal tip ตก หมอเองก็เคยเจอเคสแบบนี้บ่อยค่ะ การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดการเคลื่อนไหวส่วนนี้ ทำให้จมูกดูเรียวขึ้น และนิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะมากสำหรับใครที่อยากปรับรูปจมูกให้ดูดีขึ้นแบบธรรมชาติค่ะ
ถ้าคนไข้เพิ่งไปฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ แล้วเพิ่งมารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ไม่ต้องกังวลมาก เพราะจากข้อมูลทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ค่ะ แต่ควรงดฉีดทุกชนิดในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร สำหรับทีมแพทย์ของดีเลิฟเวอรี่คลินิก ซักประวัติก่อนรับบริการ ถ้าคนไข้มีตั้งครรภ์จะไม่แนะนำทุกกรณีค่ะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมปรึกษาหมอประจำตัวหรือแพทย์ผู้ฝากครรภ์ได้เลยนะคะ
หมอเชื่อว่าหลายคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ อาจจะยังมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการเลือกคลินิกและการดูแลตัวเอง ก่อน–หลังฉีดอยู่บ้างนะคะ วันนี้หมอรวมข้อควรรู้ ให้ทุกคนใช้เป็นเช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจฉีดค่ะ
- เลือกแบรนด์ชั้นนำ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ควรยึดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแบรนด์บ่อยๆ
- อยากลองแบรนด์ใหม่ๆ ต้องมั่นใจว่าหาข้อมูลดีพอ
- อย่าเชื่อโปรโมชั่นที่ไม่จำกัดยูนิต โบท็อกซ์ที่ดีควรฉีดครั้งเดียวจบ
- เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จริงๆ เพราะการฉีดโบท็อกซ์มีรายละเอียด แต่คนไข้มักคิดว่าที่ไหนก็เหมือนกัน
- หลังฉีดควรเลี่ยงความร้อน 72 ชั่วโมง เช่น การเข้าซาวน่า เพราะอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของยา
- ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป ควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 เดือน หลีกเลี่ยงการฉีดซ้ำในช่วงเวลาน้อยกว่า 3 เดือน
สายพันธุ์ไม่สำคัญเท่า ความชำนาญของมือหมอ หรือแพทย์ผู้ทำการรักษาค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้โบท็อกซ์ของแท้ ได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้ในเรื่องระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความอยู่นาน และความปลอดภัย ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะนำเข้าจากประเทศไหน แทบไม่มีความแตกต่างกันเกิน 10%
เพราะความสำเร็จในการรักษาขึ้นอยู่กับเทคนิค ความรู้ และประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก มากกว่าสายพันธุ์หรือยี่ห้อของยา ดังนั้น การเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยของยาและทีมแพทย์จึงเป็นหัวใจสำคัญของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลลัพธ์สวย ปลอดภัย และตรงใจคนไข้มากที่สุดค่ะ
ใครที่กำลังกังวลเรื่องริ้วรอย อยากปรับรูปหน้าให้ดูเรียวหรืออยากเปิดประสบการณ์เทรนด์โบชตัวใหม่ แบบธรรมชาติก่อนใคร แนะนำให้มาปรึกษาทีมแพทย์ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิกได้เลยค่ะ คุณหมอพร้อมแนะนำวางแผนการรักษาที่เหมาะกับแต่ละคน ให้ผลลัพธ์สวยดูเป็นธรรมชาติอย่างมั่นใจ ปลอดภัยทุกขั้นตอน
- 30 UNIT ราคา 3,999.-
- 50 UNIT ราคา 5,999.-
- 100 UNIT ราคา 9,999.-
อยากได้โปรโมชั่นราคาพิเศษกว่านี้ ทักแชทกับแอดมินได้เลยค่ะ
การนอนตะแคงทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้นจริง โดยเฉพาะด้านที่สัมผัสกับหมอนเป็นประจำ หมอแนะนำให้หลีกเลี่ยงท่าตะแคง หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้ปลอกหมอนเนื้อลื่นและบำรุงผิวเป็นประจำ จะช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้ แต่มีปัจจัยอื่นน่ากังวลกว่าท่านอน ลองอ่านเนื้อหาเต็มๆด้านล่างก่อนนะคะ