New Generation Biostimulator กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนที่เป็นสาเหตุของริ้วรอย ผิวขาดความยืดหยุ่น
ฉีดไหมน้ำ กับร้อยไหมกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกันแต่ โปรแกรมไหมน้ำ ไม่ใช่การร้อยไหม
พัฒนามาจาก Biodegradable polymer ซึ่งมีความปลอดภัยสูง บวมช้ำน้อยกว่า
ให้ความรู้สึกเหมือนการเติมเต็มด้วย HA ฟิลเลอร์
Biostimulator AestheFill ไม่ต้องนวดคลึง หลังจากรับบริการ
เหมาะกับผู้ที่กังวลสารแปลกปลอม อยากให้ผิวฟูแบบเป็นธรรมชาติ
AestheFill รีวิว







AestheFill คืออะไร
ตัวช่วยฟื้นฟูผิวด้วย PDLLA จากเกาหลี AestheFill เป็นโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วยอนุภาค PDLLA (Poly D, L-Lactic Acid) สารสกัดจากเกาหลีที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์มาตั้งแต่ปี 2014
AestheFill ทำงานโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปตามอายุ ช่วยให้ผิวกระชับ อิ่มฟู ลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก ผิวจึงดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียนขึ้น

AestheFill ดีไหม
ผิวอิ่มฟู ลดริ้วรอยลดน้อยลง
เติมเต็มร่อง รอยพับผิวให้ดูเรียบเนียนขึ้น
ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 2 ปี เมื่อทำครบโปรโตคอล


รอยย่น รอยพับตื้นขึ้นหลังร่างกายกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว
AestheFill เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอย หรือร่องลึก
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กระชับ ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์
- ผู้ที่ต้องการหน้าเฟิร์มกระชับ แต่ไม่อยากทำโปรแกรมอื่น เช่นร้อยไหม HIFU, Ulthera, Thermage
ผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย สูญเสียคอลลาเจน ผู้ที่เริ่มมีการสูญเสียคอลลาเจน มีริ้วรอย ร่องลึก ขาดความยืดหยุ่น ผู้ที่ต้องการให้ผิวแข็งแรงขึ้นดูเด็กยิ่งขึ้น ผู้ที่ต้องการให้หน้าดูอิ่มฟูขึ้น
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 AestheFill มีผลในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่เป็นส่วนสำคัญของผิวหนังที่เมื่อสลายไปแล้วจะทำให้เกิดริ้วรอย
AestheFill อยู่ได้นานแค่ไหน
ประมาณ 2 ปี *ครบโปรโตคอลตามคำแนะนำของแพทย์
เริ่มเห็นผลชัดเจน หลังจากรับบริการ 3-4 สัปดาห์ขึ้นไป
AestheFill เติมจุดไหนบ้าง?
AestheFill ฉีดได้ทั่วใบหน้า
- หน้าผาก
- ใต้ตา
- ร่องแก้ม
- ขมับ
- หน้าแก้ม
- กรอบหน้า
AestheFill ของแท้ ต้องตรวจสอบได้

AesTheFill ทำงานอย่างไร
- หลังฉีด 2-10 วันแรก ผิวบริเวณที่ฉีดจะดูเต็มอิ่มฟูทันทีจากโมเลกุลทรงกลมของ AestheFill ที่ช่วยปรับรูปหน้าและยกพยุงผิว
- ระหว่างนั้น ผิวถูกกระตุ้นให้สร้างคอลลาเจนใหม่ โดยตัวยาจะกระจายตัวไปทั่วชั้นผิวและส่งสัญญาณไปที่ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่สร้างคอลลาเจนและอิลาสติน
- คอลลาเจนที่ถูกสร้างขึ้นจะรวมตัวกันและเพิ่มจำนวน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้มากขึ้น สร้างความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวภายใน และพยุงผิวหนังชั้นเดอมิส (dermis)
- เมื่อเวลาผ่านไป AestheFill ที่ฉีดเข้าไปจะค่อยๆ สลายตามกลไกธรรมชาติ แต่เส้นใยคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นจะยังคงอยู่
- ช่วยให้ผิวแข็งแรงได้ระยะยาว และคงผลลัพธ์ในการยกกระชับและฟื้นฟูผิวได้นานถึง 2 ปี
AesTheFill ต้องทำกี่ครั้ง กี่ขวด
โดยทั่วไป การฉีด AestheFill จะต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่จำนวนครั้งและปริมาณที่ใช้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- บริเวณที่ต้องการฉีด: บริเวณที่มีพื้นที่กว้างหรือต้องการปริมาณมากอาจต้องใช้หลายขวดและหลายครั้งในการฉีด
- ความลึกของริ้วรอยหรือปัญหาผิว: ริ้วรอยที่ลึกหรือปัญหาผิวที่มากอาจต้องใช้ปริมาณมากขึ้นและอาจต้องฉีดหลายครั้ง
- ผลลัพธ์ที่ต้องการ: หากต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเห็นได้ชัดอาจต้องใช้ปริมาณมากขึ้นและฉีดหลายครั้ง
โดยส่วนมากคนไข้ที่มารับบริการอายุเกิน 35 ขึ้นไป แพทย์อาจจะแนะนำ 1-2 ขวด ในครั้งแรก และอีก 1 ขวดใน 1-2 เดือนถัดไป


Biostimulator ยอดนิยม
Sculptra
- ผลิตจาก PLLA (Poly-L-lactic acid)
- เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับ ปรับรูปหน้า
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก
- อยู่ได้นาน 2-3 ปี

Sculptra คืออะไร อ่านเพิ่มเติม
Gouri (GOURI)
- ผลิตจาก PCL (Polycaprolactone)
- เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับ ปรับรูปหน้า
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน
- อยู่ได้นาน 2-3 ปี

Gouri คืออะไร อ่านเพิ่มเติม
Ultracol
- ผลิตจาก PDO (Polydioxanone)
- เน้นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระชับ ปรับรูปหน้า
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก ต้องการผลลัพธ์ยาวนาน
- อยู่ได้นาน 1 ปี

Ultracol คืออะไร อ่านเพิ่มเติม
คอลลาเจน จำเป็นต่อผิวยังไง
- คอลลาเจนคือ โปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกาย โดยเป็นส่วนประกอบหลัก
ของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะในผิวหนัง และกระดูกอ่อน - คอลลาเจนที่พบที่ผิวหนัง คือ คอลลาเจนชนิดที่ 1 เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผิว
มีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และสุขภาพดี - เมื่ออายุมากขึ้น ตั้งแต่ 25-30 ปีขึ้นไป การสร้างคอลลาเจนจะลดลง
รวมทั้งถูกทำลายได้มากขึ้น - นอกจากอายุที่มีผลกับการสร้างคอลลาเจนแล้ว ปัจจัยอื่นๆ เช่น
การตากแดด การสูบบุหรี่ หรือรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ ก็ส่งผลให้การ
สร้างคอลลาเจนลดลงเช่นกัน

สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ชนิด | ยี่ห้อ |
---|---|
PLLA | Sculptra |
PDLLA | Juvelook, Lenisna, Aesthefill |
PCL | Gouri |
PDO | Ultracol |
CaHA | Neauvia, Radiesse |
เพิ่มเติม
- ข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลอย่างย่อ
- ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ก่อนตัดสินใจ
- ควรเลือกไหมน้ำให้เหมาะกับปัญหาผิวและความต้องการของตัวเอง


AestheFill vs Sculptra
Aesthefill | Sculptra |
---|---|
เพื่อเติมเต็ม กระตุ้นคอลลาเจน | เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน |
PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) | PLLA |
เห็นผลทันที สูงสุด 4-6 สัปดาห์ | 4-6 สัปดาห์ |
อยู่นาน 2 ปี | อยู่นาน 2 ปี |
เติมเต็มริ้วรอยและร่องลึก | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและคืนความอ่อนเยาว์ |
ริ้วรอยตื้นถึงลึกปานกลาง | ใบหน้าที่หย่อนคล้อย เพิ่มชั้นให้ผิวหนาขึ้น |
การบวมช้ำน้อย | การบวมช้ำปานกลาง |
AestheFill vs Radiesse
Radiesse | Aesthefill |
---|---|
ส่วนประกอบหลัก CAHA (Calcium Hydroxylapatite) | PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) |
การทำงาน เติมเต็มปริมาตรทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวผ่านไมโครสเฟียร์ PLLA ค่อยๆ เติมเต็มปริมาตร |
ลดเลือนริ้วรอยหลังทำทันที ⭐️⭐️⭐️ | ⭐️⭐️⭐️⭐️ |
หลังทำ อาการแดงเล็กน้อย บวม ช้ำ | อาการ บวม ช้ำน้อยมาก |
ระยะเห็นผล ภายใน 7-10 วัน | ภายใน 1-2 สัปดาห์ |
อยู่ได้นาน สูงสุด 12-18 เดือน | สูงสุด 2 ปี |
ขั้นตอนการรับบริการ AestheFill
พบแพทย์ ประเมินปัญหา หมอต้าร์จะต้องสอบถามประวัติ และประเมินปัญหาผิวหน้า ก่อนฉีดไหมน้ำให้คนไข้ทุกเคส
ทำความสะอาดผิวหน้า ทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง ลบเครื่องสำอาง ก่อนเริ่มทำการฉีดไหมน้ำ
แปะยาชา เพื่อความสบายผิว เจ้าหน้าที่จะแปะยาชา ให้คนไข้ก่อนรับบริการ ทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที
แพทย์เริ่มทำการรักษา คุณหมอจะทำการรักษาบริเวณที่คนไข้กังวล โดยไหมน้ำใช้เวลาในการรักษาไม่นาน 20-30 นาที
รับยาตามแพทย์สั่ง (ถ้ามี) และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง เพื่อให้ไหมน้ำเห็นผลดีที่สุด
ติดตามผล ควรเข้ามาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์การรักษาให้ออกมาอย่างที่คาดหวัง
AestheFill ราคาเท่าไหร่

จำนวน | ราคา |
---|---|
1 ขวด | 25,000 บาท |
3 ขวด | 65,000 บาท |
โปรโมชั่น ลูกค้าใหม่ | รับฟรีทรีทเมนท์หน้าฉ่ำวาว 1 ครั้ง |

คนไข้บอกรักพี่เสียดายน้อง อันนี้เพื่อนบอกดี ยี่ห้อนี้ ดาราบอกดี หมอสรุปให้แบบนี้ค่ะ
ทั้งสองตัวเป็นกลุ่ม “Biostimulator” คือยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว แต่แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นและวิธีออกฤทธิ์ต่างกัน แบบนี้ถ้าเราฉีดพร้อมกันในวันเดียว หรือจุดเดียวกัน อาจทำให้ผิวสับสน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เต็มที่ หรือผิวมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ก้อนแข็งหรือการอักเสบได้มากขึ้นค่ะ และที่สำคัญ เราจะไม่รู้ว่า ตัวไหนทำงานได้ดีกับผิวเรา เพราะมันเข้าไปพร้อมกัน จุดเดียวกัน นึกภาพตามหมอได้เลย
ถ้าคนไข้มีปัญหาหลายอย่าง หมอจะวางแผนเลือกใช้ให้เหมาะสม แยกเป็นรอบหรือเลือกต่างจุด อย่างเช่น Sculptra หมออาจใช้เติมวอลลุ่มลึกๆ ส่วน JuveLook เหมาะกับผิวบางหรือใต้ตา ผลัดกันดูแลทีละอย่าง จะปลอดภัยกว่าและได้ผลสวยนาน หมออยากให้คนไข้มั่นใจว่าวิธีนี้ปลอดภัยกับผิวหน้าที่สุดค่ะ
ช่วง 5 ปีหลังมานี้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า “สายฉีด” ออกมาจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวนี้แบรนด์ใหม่ทยอยเปิดตัว แค่เฉพาะ Skin Boosters+Biostimulator ก็นับได้เกือบ 20 แบรนด์ บางแบรนด์เคลมว่าผิวอิ่มน้ำทันที บางแบรนด์บอกกระตุ้นคอลลาเจนลึก ๆ จะเลือกตัวไหนดี
จริง ๆ แล้วหลัก ๆ ขอให้มองแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ “Skin Boosters” เน้นเติมน้ำ เติมความชุ่มชื้นทันที เหมาะกับสายต้องการผิวใสฉ่ำวาวไว ๆ หมอเรียกว่าใช้หน้าด่วน อะไรแบบนั้น กับ “Biostimulators” ที่ไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างคอลลาเจนเอง ผลลัพธ์จะค่อย ๆ มาแต่ชัดในแง่ฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยระยะยาว เลือกตามความต้องการของผิวเราดีที่สุดค่ะ
Atelocollagen คือคอลลาเจนบริสุทธิ์ที่ผ่านการกำจัดส่วนที่อาจกระตุ้นภูมิแพ้ เหมาะสำหรับการฉีดเข้าสู่ผิวโดยตรง ช่วยฟื้นฟู เติมเต็ม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในชั้นผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างของ Atelocollagen ใกล้เคียงกับคอลลาเจนธรรมชาติในร่างกาย จึงปลอดภัยและลดความเสี่ยงการแพ้ได้มาก
เรียกว่าคอลลาเจนสดได้ไหม ก็ไม่ใช่ที่เข้าใจแบบในท้องตลอดอาหารเสริมนะคะ คนละอย่างกันเลย ในมุมของแพทย์ความงาม Atelocollagen คือคอลลาเจนที่มีความบริสุทธิ์สูง ใช้ฉีดเข้าสู่ผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ไม่ใช่แบบที่อยู่ในรูปครีมหรือผง Atelocollagen ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกับกลุ่ม Biostimulator ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู แน่น กระชับ และฟื้นฟูสุขภาพผิวจากภายในค่ะ
กระตุ้นคอลลาเจนด้วย Biostimulator หมออยากให้เข้าใจก่อนว่า ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นได้จริงในแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ แม้ว่าผู้ผลิตจะมีข้อมูลวิจัยบอกว่าอยู่ได้นานกี่ปี แต่ตัวเลขพวกนั้นส่วนใหญ่เป็นผลจากการทดลองในกลุ่มคนจำกัดเท่านั้น ในชีวิตจริง สภาพผิว อายุ การดูแลตัวเอง รวมถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ มีผลมากต่อระยะเวลาของผลลัพธ์ บางคนอาจเห็นผลอยู่ได้นานเกิน 1-2 ปี บางคนก็อาจน้อยกว่านั้นได้ หมอจึงเน้นการดูแลแบบรายบุคคลเพื่อให้เหมาะสมที่สุดค่ะ
จากประสบการณ์ของหมอที่รักษามานาน หมอพบว่า บางคนจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี บางเคสก็นานใกล้เคียง 2 ปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับแต่ละบุคคลด้วยนะคะ ซึ่งหมอจะแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณ และช่วยวางแผนให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะ การกระตุ้นคอลลาเจนคือการฟื้นฟูผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทุกคนจึงมีระยะเวลาการอยู่ได้นานไม่เท่ากันค่ะ
Atelocollagen ที่คุณหมอหลายๆท่าน หรือคนไข้หลายคนพูดถึงตอนนี้ (อีกชื่อคือคอลลาเจนสด) จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการความงามค่ะ มันคือคอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ที่ผ่านกระบวนการตัดตอนส่วน telopeptide ออก ทำให้ลดโอกาสเกิดอาการแพ้และร่างกายตอบสนองผิดปกติน้อยลง เวลาเราเห็นการโฆษณาว่าเป็น “คอลลาเจนสด” ฉีดเข้าไปเติมเต็มผิว หรือช่วยฟื้นฟูต่าง ๆ ส่วนมากก็คือการนำ Atelocollagen นี้มาใช้ในรูปแบบสารบริสุทธิ์นั่นเอง
สิ่งที่อยากให้ทุกคนรู้ก่อนตัดสินใจฉีดคอลลาเจนสดไม่ว่าจะชื่อใดก็ตาม คือขบวนการฉีดสารเติมเต็มทุกชนิดเสี่ยงต่อการอุดตันเส้นเลือด หากเกิดขึ้นจะไม่มียาสลายฉุกเฉินเหมือนฟิลเลอร์ HA รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำบ่อย ในฐานะแพทย์ที่คลุกคลีในงานผิวหนังและเลเซอร์ “คอลลาเจนสด” หรือ Atelocollagen ไม่ใช่เทรนด์ใหม่อะไร และยังคงมีข้อพึงระวังที่ต้องตระหนัก หากคิดจะฉีดเติมเต็มผิว ควรศึกษาข้อมูลให้ดีว่าเหมาะกับเรา หรือคุ้มค่าความเสี่ยงระดับไหนค่ะ
หลายคนมักเข้าใจว่าความแก่ของใบหน้าเกิดขึ้นเพราะอายุมากขึ้น และการใช้ชีวิต เช่น การพักผ่อนน้อย ไม่ทาครีมกันแดด หรือความเครียด ซึ่งความเข้าใจนี้ก็มีเหตุผลที่ถูกต้องค่ะ เพราะไลฟ์สไตล์ส่งผลต่อสุขภาพผิวจริง แต่ในความเป็นจริง พันธุกรรมเองก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เราอาจเคยได้ยินข่าวหรือเห็นตัวอย่างเด็กบางคนที่เกิดมาหน้าแก่ หรือคนที่อายุน้อยแต่ดูใบหน้าแก่กว่าวัย ทั้งที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตแบบทำร้ายสุขภาพมากมาย นี่คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “หน้าแก่” ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์เพียงอย่างเดียว หมอสรุปโรคหน้าแก่ไว้ในด้านล่าง อ่านเพิ่มเติมได้
ความแก่ของผิวหน้าเป็นผลรวมทั้งจากพันธุกรรมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากครอบครัวมีแนวโน้มแก่เร็วจากยีน ก็อาจเห็นสัญญาณผิวเหี่ยวหรือริ้วรอยไว แม้จะดูแลตัวเองดีมากก็ตาม ในทางกลับกัน การมีไลฟ์สไตล์ดี สามารถช่วยชะลอความชราของผิวแม้จะมีพันธุกรรมไม่ค่อยดี ดังนั้นการเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงและดูแลผิวอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนค่ะ
จากที่หมอรักษาคนไข้มาหลากหลายปัญหาผิว หลากหลายช่วงอายุ พบว่า “ไหมน้ำ” กลุ่ม Sculptra, Juvelook, Ultracol, Gouri จะมีอาการบวมนานกว่าฟิลเลอร์ HA ค่ะ เพราะหลังฉีดไหมน้ำ ร่างกายจะค่อย ๆ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ต้องใช้เวลาให้เนื้อเยื่อรอบ ๆ ปรับตัว จึงมักจะบวมอยู่ประมาณ 5-14 วัน แล้วค่อย ๆ ดีขึ้น ขณะที่ ฟิลเลอร์ HA อาการบวมจะสั้นกว่า ส่วนใหญ่จะบวมแค่ 1-3 วันและยุบไวกว่า เพราะตัว HA เป็นเนื้อเจลเติมเต็มทันที ไม่ต้องรอกระบวนการกระตุ้นร่างกายเหมือนไหมน้ำ ในบางเคสไม่พบการบวมเลยก็มีค่ะ
สรุปง่าย ๆ คือ ถ้าคนไข้กังวลเรื่องบวมระยะเวลา ฟิลเลอร์ HA จะบวมน้อยและยุบเร็วกว่าไหมน้ำค่ะ แต่ไหมน้ำจะให้ผลเรื่องความกระชับและฟื้นฟูผิวระยะยาวมากกว่า สำคัญตรงที่การบวมนั้นถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติเมื่อมีการทำหัตถการกับผิวหลากหลายชั้นผิว การเลือกใช้โปรแกรมแต่ละแบบต้องดูความเหมาะสมตามปัญหาและความคาดหวังของคนไข้ด้วยนะคะ คนไข้สามารถปรึกษาหมอเพิ่มเติมเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดได้เลยค่ะ
ถ้าแก้มตอบน้อยๆ ที่ไม่ลึก ไม่เยอะมาก หรือเพิ่งเริ่มดูแฟบเบาๆ การใช้ biostimulator อย่าง Sculptra หรือตัวอื่น ก็ช่วยได้และผลลัพธ์จะดูธรรมชาติ อยู่ได้นานเพราะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนเสริมความแน่นของผิวค่ะ จำนวนหมอต้องประเมินอีกที
แต่ถ้าแก้มเว้าลึกมาก เช่น ซูบผอมจากลดน้ำหนัก หรือโครงหน้าทรุดลงเยอะ ฟิลเลอร์แบบ HA จะเหมาะกว่า เพราะเติมเต็มได้ทันทีและชัดเจนกว่า ทำให้เห็นผลเร็วและแก้ไขความลึกได้ตรงจุดค่ะ คาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า ปริมาณกำหนดได้ชัดเจนกว่า
หมอต้องขอดูภาพปัญหา โครงหน้าก่อนแต่ตอบเบื้องต้นได้ว่า
- แก้มตอบน้อย เลือก biostimulator
- แก้มตอบลึกเยอะ เลือก HA filler เติมเต็มทันที
ลองส่งภาพมาให้หมอประเมิน หรือมาปรึกษาที่คลินิกได้เลยค่ะ ดูตารางแพทย์