ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

จากสถิติคนไข้ในคลินิกพบว่า จำนวนผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และอายุเฉลี่ยของผู้ที่เข้ารับการรักษาก็อายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหานี้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังมีวิธีในการดูแลและรักษาใต้ตาคล้ำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่แบบที่ไม่ต้องเสียเงิน จ่ายหลักร้อย ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละบุคคล

ใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ เกิดจากกอะไร

สาเหตุของใต้ตาดำ สามารถสรุปได้ดังนี้

  1. พันธุกรรม: เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดใต้ตาดำ โดยเฉพาะในคนผิวคล้ำ
  2. อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวใต้ตาจะบางลง ทำให้หลอดเลือดดำใต้ผิวมองเห็นชัดขึ้น
  3. การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: ทำให้เกิดร่องรอยความเหนื่อยล้า และเกิดเป็นใต้ตาคล้ำ
  4. การขาดสารอาหารบางชนิด: เช่น วิตามินซี และ วิตามินเค ซึ่งมีผลให้ใต้ตาดำคล้ำ ทำให้เส้นเลือดฝอย เปราะแตกง่ายได้ด้วย
  5. ภาวะขาดน้ำ: ทำให้ผิวใต้ตาแห้ง และอาจทำให้ริ้วรอยปรากฏชัดขึ้น
  6. ปัจจัยกระตุ้นภายนอก: เช่น แสงแดด มลภาวะ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ อาจทำให้ใต้ตาหมองคล้ำได้
  7. การเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เป็นโรคภูมิแพ้ หรือแพ้สารบางชนิด: เช่น การแพ้สารเคมีในเครื่องสำอาง หรือยา อาจกระตุ้นให้เกิดใต้ตาดำได้

ภูมิแพ้ ทำให้ตาคล้ำ จริงหรือไม่

จริง การเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้สามารถทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ โดยมีกลไกดังนี้

  1. เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เซลล์ Mast Cell จะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมา
  2. ฮีสตามีนจะไปกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือดฝอย ทำให้เลือดคั่ง ส่งผลให้ผิวใต้ตามีสีคล้ำขึ้น
  3. นอกจากนี้ ฮีสตามีนยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และการสะสมของเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง
  4. ยิ่งมีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เป็นประจำ ก็จะยิ่งทำให้อาการใต้ตาคล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ

ดังนั้น หากมีประวัติภูมิแพ้ หรือสงสัยว่าใต้ตาคล้ำอาจเกิดจากภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

ขยี้ตาบ่อย ขอบตาดํา จริงหรือไม่

จริง การขยี้ตาบ่อยๆ สามารถทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ เนื่องจากสาเหตุดังนี้

  1. การขยี้ตาทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวใต้ตา ส่งผลให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัว และมีเลือดคั่ง ทำให้ใต้ตามีสีคล้ำ
  2. การขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ อาจทำให้ผิวใต้ตาบางลง เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้หลอดเลือดใต้ผิวมองเห็นได้ชัดขึ้น และดูคล้ำขึ้น
  3. การขยี้ตายังอาจทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวใต้ตาได้ง่าย ซึ่งจะยิ่งทำให้ใต้ตาดูคล้ำและหมองมากขึ้น

ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ และหากจำเป็นต้องขยี้ตา ควรใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางแตะเบาๆ และเช็ดออกในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดการระคายเคืองต่อผิวใต้ตา

ลด ใต้ตาดำ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย

วิธีการรายละเอียด
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเข้านอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และรักษาเวลานอนให้สม่ำเสมอ
ประคบเย็นบริเวณใต้ตาใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือใช้ช้อนแช่เย็นประคบบริเวณใต้ตาเป็นประจำ
นวดบริเวณใต้ตาเบาๆใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางนวดวนเบาๆ รอบดวงตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
งดขยี้ตาหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบ
ดื่มน้ำให้เพียงพอดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวใต้ตาชุ่มชื้นและสดใส
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี เค และเบต้าแคโรทีน เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองส้ม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความตึงเครียด
ข้อดีคือ ไม่ต้องเสียเงิน แต่ต้องมีวินัย และจัดการเวลาให้ดี

ลด ใต้ตาดำ แบบมีตัวช่วย

ครีมหรือสารธรรมชาติวิธีใช้
ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เรตินอลทาบริเวณใต้ตาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน วิตามินช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดเลือนริ้วรอยใต้ตา
ครีมที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิกทาบริเวณใต้ตาเป็นประจำ กรดไฮยาลูโรนิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการสะสมของเม็ดสีใต้ผิว
แตงกวานำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆ แล้ววางไว้บนใต้ตาประมาณ 10-15 นาที แตงกวามีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมและคล้ำใต้ตา
ว่านหางจระเข้นำเนื้อว่านหางจระเข้มาทาบริเวณใต้ตา หรือใช้เจลว่านหางจระเข้ทาเป็นประจำ ว่านหางจระเข้ช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา
น้ำมันมะพร้าวนำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาทาบริเวณใต้ตาทุกคืนก่อนนอน น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวใต้ตา
ชาเขียวนำถุงชาเขียวชงในน้ำร้อน รอให้เย็นแล้วนำมาวางบนใต้ตา หรือใช้สำลีชุบน้ำชาเขียวประคบใต้ตา ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและริ้วรอย
ข้อดี ใช้เงินน้อย แต่ขั้นตอนเยอะ

โปรดทราบว่าการใช้ครีมหรือสารธรรมชาติเหล่านี้ควรใช้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจึงจะเห็นผล และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง หากใช้แล้วเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์

รักษาใต้ตาดำ ด้วยวิธีพบแพทย์ความงาม

สารเติมเต็มคุณสมบัติ
กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) (หรือฟิลเลอร์ที่นิยมกัน)เป็นสารชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ทำให้ผิวใต้ตาเต่งตึง และลดการเกิดร่องลึก กลบความคล้ำจากเส้นเลือดฝอย
ไขมันจากตัวเอง (Autologous Fat)เป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตา ช่วยเพิ่มปริมาตรและความอ่อนเยาว์ให้กับใต้ตา
คอลลาเจน (Collagen) (กลุ่มวิตามิน)เป็นโปรตีน วิตามิน ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดเม็ดสีเข้มใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวใต้ตาเต่งตึง
สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (biostimulator) (Poly-L-lactic Acid) หรือไหมน้ำ, ร้อยไหมใต้ตาเป็นสารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ช่วยปรับปรุงเนื้อผิวใต้ตาให้เรียบเนียนและกระชับขึ้น
การเลือกใช้สารเติมเต็มใต้ตาควรปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและความปลอดภัยตามสภาพผิวและความต้องการของแต่ละบุคคล

ข้อดีของการเติมเต็ม

  • เห็นผลไว
  • เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
  • ปลอดภัยเมื่ออยู่กับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ
  • คงผลลัพธ์ที่ยาวนาน

ข้อเสีย

  • ค่าใช้จ่ายสูง
  • อาจมีผลข้างเคียง บวมช้ำได้บ้าง

เคสรีวิว

นัดปรึกษาได้ฟรี เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะกับปัญหาของคุณมากที่สุด