จากสถิติคนไข้ในคลินิกพบว่า จำนวนผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี และอายุเฉลี่ยของผู้ที่เข้ารับการรักษาก็อายุน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหานี้ที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังมีวิธีในการดูแลและรักษาใต้ตาคล้ำได้หลากหลายวิธี ตั้งแต่แบบที่ไม่ต้องเสียเงิน จ่ายหลักร้อย ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของแต่ละบุคคล
ใต้ตาดำ ใต้ตาคล้ำ เกิดจากกอะไร
สาเหตุของใต้ตาดำ สามารถสรุปได้ดังนี้
- พันธุกรรม: เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดใต้ตาดำ โดยเฉพาะในคนผิวคล้ำ
- อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ผิวใต้ตาจะบางลง ทำให้หลอดเลือดดำใต้ผิวมองเห็นชัดขึ้น
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ: ทำให้เกิดร่องรอยความเหนื่อยล้า และเกิดเป็นใต้ตาคล้ำ
- การขาดสารอาหารบางชนิด: เช่น วิตามินซี และ วิตามินเค ซึ่งมีผลให้ใต้ตาดำคล้ำ ทำให้เส้นเลือดฝอย เปราะแตกง่ายได้ด้วย
- ภาวะขาดน้ำ: ทำให้ผิวใต้ตาแห้ง และอาจทำให้ริ้วรอยปรากฏชัดขึ้น
- ปัจจัยกระตุ้นภายนอก: เช่น แสงแดด มลภาวะ ควันบุหรี่ แอลกอฮอล์ อาจทำให้ใต้ตาหมองคล้ำได้
- การเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ เป็นโรคภูมิแพ้ หรือแพ้สารบางชนิด: เช่น การแพ้สารเคมีในเครื่องสำอาง หรือยา อาจกระตุ้นให้เกิดใต้ตาดำได้
ภูมิแพ้ ทำให้ตาคล้ำ จริงหรือไม่
จริง การเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้สามารถทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ โดยมีกลไกดังนี้
- เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เซลล์ Mast Cell จะหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) ออกมา
- ฮีสตามีนจะไปกระตุ้นการขยายตัวของหลอดเลือดฝอย ทำให้เลือดคั่ง ส่งผลให้ผิวใต้ตามีสีคล้ำขึ้น
- นอกจากนี้ ฮีสตามีนยังกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และการสะสมของเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง
- ยิ่งมีการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้เป็นประจำ ก็จะยิ่งทำให้อาการใต้ตาคล้ำมากขึ้นเรื่อยๆ
ดังนั้น หากมีประวัติภูมิแพ้ หรือสงสัยว่าใต้ตาคล้ำอาจเกิดจากภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ และปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ขยี้ตาบ่อย ขอบตาดํา จริงหรือไม่
จริง การขยี้ตาบ่อยๆ สามารถทำให้เกิดใต้ตาคล้ำได้ เนื่องจากสาเหตุดังนี้
- การขยี้ตาทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวใต้ตา ส่งผลให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวขยายตัว และมีเลือดคั่ง ทำให้ใต้ตามีสีคล้ำ
- การขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ อาจทำให้ผิวใต้ตาบางลง เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้หลอดเลือดใต้ผิวมองเห็นได้ชัดขึ้น และดูคล้ำขึ้น
- การขยี้ตายังอาจทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวใต้ตาได้ง่าย ซึ่งจะยิ่งทำให้ใต้ตาดูคล้ำและหมองมากขึ้น
ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ และหากจำเป็นต้องขยี้ตา ควรใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางแตะเบาๆ และเช็ดออกในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดการระคายเคืองต่อผิวใต้ตา
ลด ใต้ตาดำ แบบไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการ | รายละเอียด |
---|---|
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ | เข้านอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และรักษาเวลานอนให้สม่ำเสมอ |
ประคบเย็นบริเวณใต้ตา | ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็น หรือใช้ช้อนแช่เย็นประคบบริเวณใต้ตาเป็นประจำ |
นวดบริเวณใต้ตาเบาๆ | ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางนวดวนเบาๆ รอบดวงตา เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด |
งดขยี้ตา | หลีกเลี่ยงการขยี้ตาแรงๆ หรือบ่อยๆ เพื่อลดการระคายเคืองและการอักเสบ |
ดื่มน้ำให้เพียงพอ | ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อให้ผิวใต้ตาชุ่มชื้นและสดใส |
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ | เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อี เค และเบต้าแคโรทีน เช่น ผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองส้ม |
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ | ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และลดความตึงเครียด |
ลด ใต้ตาดำ แบบมีตัวช่วย
ครีมหรือสารธรรมชาติ | วิธีใช้ |
---|---|
ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เรตินอล | ทาบริเวณใต้ตาเป็นประจำทุกเช้าและก่อนนอน วิตามินช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดเลือนริ้วรอยใต้ตา |
ครีมที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูโรนิก | ทาบริเวณใต้ตาเป็นประจำ กรดไฮยาลูโรนิกช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการสะสมของเม็ดสีใต้ผิว |
แตงกวา | นำแตงกวามาหั่นเป็นแว่นบางๆ แล้ววางไว้บนใต้ตาประมาณ 10-15 นาที แตงกวามีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมและคล้ำใต้ตา |
ว่านหางจระเข้ | นำเนื้อว่านหางจระเข้มาทาบริเวณใต้ตา หรือใช้เจลว่านหางจระเข้ทาเป็นประจำ ว่านหางจระเข้ช่วยลดการอักเสบ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวใต้ตา |
น้ำมันมะพร้าว | นำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์มาทาบริเวณใต้ตาทุกคืนก่อนนอน น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยกรดไขมันที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูผิวใต้ตา |
ชาเขียว | นำถุงชาเขียวชงในน้ำร้อน รอให้เย็นแล้วนำมาวางบนใต้ตา หรือใช้สำลีชุบน้ำชาเขียวประคบใต้ตา ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและริ้วรอย |
โปรดทราบว่าการใช้ครีมหรือสารธรรมชาติเหล่านี้ควรใช้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องจึงจะเห็นผล และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง หากใช้แล้วเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์
รักษาใต้ตาดำ ด้วยวิธีพบแพทย์ความงาม
สารเติมเต็ม | คุณสมบัติ |
---|---|
กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) (หรือฟิลเลอร์ที่นิยมกัน) | เป็นสารชุ่มชื้นตามธรรมชาติที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยใต้ตา ทำให้ผิวใต้ตาเต่งตึง และลดการเกิดร่องลึก กลบความคล้ำจากเส้นเลือดฝอย |
ไขมันจากตัวเอง (Autologous Fat) | เป็นการนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเติมเต็มบริเวณใต้ตา ช่วยเพิ่มปริมาตรและความอ่อนเยาว์ให้กับใต้ตา |
คอลลาเจน (Collagen) (กลุ่มวิตามิน) | เป็นโปรตีน วิตามิน ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดเม็ดสีเข้มใต้ตา ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวใต้ตาเต่งตึง |
สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (biostimulator) (Poly-L-lactic Acid) หรือไหมน้ำ, ร้อยไหมใต้ตา | เป็นสารเติมเต็มที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว ช่วยปรับปรุงเนื้อผิวใต้ตาให้เรียบเนียนและกระชับขึ้น |
ข้อดีของการเติมเต็ม
- เห็นผลไว
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
- ปลอดภัยเมื่ออยู่กับแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญ
- คงผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ข้อเสีย
- ค่าใช้จ่ายสูง
- อาจมีผลข้างเคียง บวมช้ำได้บ้าง