ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ปากกาคุมน้ำหนัก คืออะไร

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

ลดน้ำหนัก

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง ติดตามผลการรักษา

สรุปให้สั้นๆ สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลการลดน้ำหนัก หรือคุมน้ำหนักให้ตนเองอยู่

ปากกาลดน้ำหนักมีมานานแค่ไหน

ปากกาลดน้ำหนักเริ่มมีอยู่ในตลาดยาประมาณทศวรรษที่ผ่านมา โดยเริ่มที่ต่างประเทศ ทางอเมริกา ยุโรปจะเป็นที่รู้จักและมีการใช้กันแพร่หลาย แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมากในช่วง 5-10 ปีหลัง เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนา ที่มุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีน้ำหนักเกิน

ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร?

ปากกาลดน้ำหนัก (Weight Loss Pen) เป็นอุปกรณ์ที่บรรจุยาในรูปแบบปากกา ใช้งานง่าย โดยทั่วไปแล้วมันเป็นฮอร์โมนกลุ่ม GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ที่จำเพาะเจาะจง เช่น Semaglutide หรือ Liraglutide ซึ่งใช้ในการรักษาภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน

ปากกาลดน้ำหนักทำงานอย่างไร

ปากกาลดน้ำหนักทำงานโดยการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง ยากลุ่มนี้นี้มักทำงานโดยการ:

  1. การลดความอยากอาหาร: GLP-1 มีผลทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและกินน้อยลง โดยผลลัพธ์นี้เกิดจากการที่ฮอร์โมนกระตุ้นสมองทำให้รู้สึกอิ่ม
  2. ชะลอการเริ่มย่อยอาหารในท้อง: ยาจะชะลอการเคลื่อนไหวของอาหารจากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้, ทำให้รู้สึกอิ่มยาวนานกว่า
  3. ควบคุมการผลิตกลูโคสของตับ: ยาช่วยลดระดับกลูโคสในเลือดโดยการเพิ่มความไวของเนื้อเยื่อต่างๆ ต่ออินซูลินและลดการผลิตกลูโคสของตับ
  4. เสริมสร้างการใช้พลังงาน: GLP-1 ยังสามารถเพิ่มการใช้พลังงานในร่างกาย ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก

การใช้ปากกาลดน้ำหนักจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและควบคุมดูแลจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยสูงสุด

ปากกาลดน้ำหนัก หรือปากกาคุมหิว เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่ที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน: หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30 ซึ่งถือว่ามีภาวะน้ำหนักเกิน
  • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่างๆ: เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วย: เพื่อประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก
  • ผู้ที่ต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ: ช่วยควบคุมความอยากอาหารและพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
  • ผู้ที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล: เช่น การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐาน
  • ผู้ที่ต้องการวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย: ที่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่กลับมาโยโย่

เช็คเบื้องต้น ว่าปากกาคุมหิว เหมาะกับเราไหม

  1. ผู้ที่มีภาวะอ้วน:
    • ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30
  2. ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน:
    • ดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 27-29
  3. ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
  4. ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น:
    • เบาหวาน
    • ความดันโลหิตสูง
    • ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ
    • ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
  5. ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
  6. ผู้ที่มีนิสัยชอบกินจุกจิก กินไม่หยุด หิวบ่อย:
    • และต้องการลดพฤติกรรมการกินเหล่านี้ให้น้อยลง

ปากกาลดความอ้วน Wegovy

wegovy ปากกาลดความอ้วน ใช้ยังไง ราคาเท่าไหร่
ปากกา wegovy ลดความอ้วน ราคาเท่าไหร่ ใช้ยังไง
Ozempic™Wegovy™
สารออกฤทธิ์:SemaglutideSemaglutide
รูปแบบการฉีด:ฉีดใต้ผิวหนังฉีดใต้ผิวหนัง
ขนาดบรรจุ:1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม1 ปากกา (ขนาด 2.4 mg/1.5 ml) ต่อสัปดาห์
ขนาดยาที่ปรับได้:0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 2 mg0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 1.7 mg, 2.4 mg
ความถี่ในการฉีด:อาทิตย์ละ 1 ครั้งอาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ข้อดี:– ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าแบบปกติ
– เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา
– คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก
– ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค
– ไม่รบกวนการใช้ชีวิต หรืออ่อนเพลียง่าย
– ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง
– หลังหยุดยา ไม่ทำให้น้ำหนักกลับมาเหมือนเดิม
– ผ่าน อย.
– ลดน้ำหนักได้ดีมากด้วยขนาดยา 2.4 mg
– ใช้ขนาดยาสูงสุดต่อสัปดาห์ได้
– ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงด้านการลดน้ำหนัก
– คุมหิว ลดภาวะอยากอาหาร
– ผ่าน อย. มีงานวิจัย
– ผลข้างเคียงคล้าย Ozempic (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน)

ปากกาคุมหิว Saxenda VS Ozempic

Saxenda®Ozempic™
สารออกฤทธิ์: Liraglutideสารออกฤทธิ์: Semaglutide
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนังรูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง
ขนาดบรรจุ: 5 ปากกา (แต่ละด้ามบรรจุ 3 ml)ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.6mg, 1.2mg, 1.8mg, 2.4mg, 3.0mgขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg
ความถี่ในการฉีด: ทุกวันความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ข้อดี:
– ลดน้ำหนักได้เร็ว ปลอดภัย
– คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก
– ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค
– ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ
– ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง
– หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม
– ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ
ข้อดี:
– ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า
– เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา
– คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก
– ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค
– ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ
– ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง
– หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม
– ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ
trulicity ราคา
ปากกาคุมหิว trulicity

ปากกาคุมผิว Trulicity VS Ozempic

TrulicityOzempic
สารออกฤทธิ์: Dulaglutideสารออกฤทธิ์: Semaglutide
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนังรูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง
ขนาดบรรจุ: 4 ด้าม (แต่ละด้ามบรรจุ 0.5 ml)ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.75mg, 1.5mgขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg
ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้งความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง
ข้อดี:
– ควบคุมความอยากอาหาร
– ลดน้ำหนัก (โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย)
– ฉีดสัปดาห์ละครั้ง
– ผลข้างเคียงน้อย
– ผ่าน อย. ไทย
ข้อดี:
– ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า
– เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา
– คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก
– ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค
– ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ
– ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง
– หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม
– ผ่าน อย. ไทย

ปากกาลดความอ้วน Mounjaro VS Wegovy

Mounjaro (tirzepatide)Wegovy (semaglutide)
ปีที่ได้รับอนุมัติ Thai FDA31 กรกฎาคม 25673 สิงหาคม 2566
วิธีการใช้ฉีดสัปดาห์ละครั้งฉีดสัปดาห์ละครั้ง
ช่วงขนาดยา2.5 – 15.0 มก.0.25 – 2.4 มก.
เป้าหมายของการออกฤทธิ์GLP-1 และ GIPGLP-1
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก อาเจียนคลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ท้องผูก
ผลลดน้ำหนักเฉลี่ย (*แล้วแต่บุคคล)ลดน้ำหนักเฉลี่ย 22.5% หลัง 72 สัปดาห์ (ขนาด 15 มก.)ลดน้ำหนักเฉลี่ย 14.9% หลัง 68 สัปดาห์ (ขนาด 2.4 มก.)

ข้อควรระวัง ปากกาคุมหิว

  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
  • ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักสำหรับทุกคน และควรใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
  • อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้

Dulaglutide, Semaglutide, Liraglutide เป็นยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists เป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวานและลดน้ำหนัก แต่ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับยาอื่นๆ โดยสรุปได้ดังนี้

ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:

  • คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด แต่อาจบรรเทาลงได้เมื่อร่างกายปรับตัว
  • ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ: โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดน้ำตาลชนิดอื่นร่วมด้วย ควรสังเกตอาการ เช่น เหงื่อออก ใจสั่น หน้ามืด

ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้น้อย):

  • ตับอ่อนอักเสบ: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ลิ้นปี่ร้าวไปหลัง
  • มะเร็งไทรอยด์: ห้ามใช้หากมีประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้
  • นิ่วในถุงน้ำดี: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงขวาร้าวไปสะบักขวา
  • ชีพจรเต้นเร็ว
  • ไตวายเฉียบพลัน: พบได้น้อย มักเกิดในผู้ที่ขาดน้ำร่วมด้วย
  • ภาวะเบาหวานขึ้นตาเลวลง: อาจทำให้ตาพร่ามัวหรือตาบอดได้

ข้อควรระวัง:

  • ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • แจ้งแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ
  • ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์หรือเภสัชกร

ปากกาคุมหิว ราคาเท่าไหร่

ชื่อปากกาคุมหิวราคา (บาท)
Mounjaro25,000
Wegovy17,000
Ozempic17,000
Trulicity14,000
ปากกา Mounjaro 2-5mg ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน คลินิก กรุงเทพ
ปากกา wegovy ลดความอ้วน ราคาเท่าไหร่
ปากกา ozempic ราคาเท่าไหร่ กรุงเทพ ซื้อที่ไหน

ตำแหน่งการฉีดปากกาคุมน้ำหนัก

ฉีดปากกาลดน้ำหนักตรงจุดไหน

ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดได้แก่

  1. หน้าท้อง (Abdomen):
    • บริเวณรอบ ๆ สะดือแต่ควรห่างจากสะดือประมาณ 2 นิ้ว
    • หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีแผลหรือแผลเป็น
  2. ต้นขาด้านหน้า (Front of the Thighs):
    • บริเวณกลาง ๆ ด้านหน้าและด้านข้างของต้นขา
    • ควรเปลี่ยนจุดฉีดทุกครั้งเพื่อลดการด้านของเนื้อเยื่อ
  3. ต้นแขน (Upper Arm):
    • ด้านหลังของต้นแขนเหนือข้อศอกถึงไหล่
    • ต้องมีคนช่วยฉีดถ้าฉีดเองทำไม่ได้

ข้อห้าม

  • ห้ามฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous):
    • การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำไม่เหมาะสำหรับยาที่ออกแบบมาให้ใช้แบบ subcutaneous และอาจทำให้เกิดอันตรายได้
  • ห้ามฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular):
    • การฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจทำให้ยาไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและอาจเกิดการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บได้

การปฏิบัติที่ถูกต้อง

  • ล้างมือก่อนและหลังการฉีดยา
  • ใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่ต้องการฉีด
  • ใช้เข็มที่สะอาดและปลอดเชื้อ (จำเป็นต้องใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง)
  • ฉีดยาในมุมที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์
ขั้นตอนการฉีด ozempic
ขั้นตอนการใช้งาน มีความคล้ายกันในทุกยี่ห้อ
ปากกาคุมน้ำหนัก ใช้ยังไง

ขั้นตอนการใช้ปากกาคุมหิว Ozempic

เตรียมปากกา

  • อ่านฉลากเพื่อยืนยันว่าปากกาของคุณบรรจุ Ozempic®
  • ตรวจสอบว่ายาในปากกามีลักษณะใสและไม่มีสี

ติดเข็มใหม่

  • ฉีกกระดาษที่ปิดออก
  • กดและหมุนเข็มจนแน่น
  • ดึงฝาครอบเข็มทั้งสองฝาออก

ตรวจสอบว่ามีตัวยาไหลออกมา

  • หมุนตัวเลือกปริมาณจนกว่าตัวนับปริมาณจะแสดงสัญลักษณ์ตรวจสอบการไหล
  • กดปุ่มปริมาณค้างไว้จนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดง 0
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีหยดปรากฏที่ปลายเข็ม

เลือกปริมาณการปล่อยยา

  • หมุนตัวเลือกปริมาณจนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดงปริมาณที่คุณต้องฉีด (0.25 มก. หรือ 0.5 มก. สำหรับปากกาฉลากแดง, 1 มก. สำหรับปากกาฉลากน้ำเงิน และ 2 มก. สำหรับปากกาฉลากเหลือง)

ฉีดตัวยาเข้าร่างกาย

  • สอดเข็มเข้าไปในผิวหนังของคุณ
  • กดปุ่มปริมาณค้างไว้
  • หลังจากตัวนับปริมาณแสดง 0 ให้ค่อยๆ นับถึง 6
  • ถอนเข็มออกจากผิวหนังของคุณ

คำแนะนำหลังฉีด

  • ถอนเข็มออกอย่างระมัดระวังและใส่ในภาชนะทิ้งของมีคม
  • ใส่ฝาปิดปากกากลับที่ปากกา

การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก

การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของยา นี่คือวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง

  • เก็บตัวยาฉีดที่ยังไม่ได้เปิดใช้:
    • เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
    • ห้ามเก็บตัวยาในช่องแช่แข็ง
  • หลังจากเปิดใช้แล้ว:
    • เก็บที่อุณหภูมิห้อง โดยควรเป็นอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส
    • ตัวยาจะมีอายุการใช้งาน 1 เดือนหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
  • คำแนะนำเพิ่มเติมในการเก็บรักษา:
    • เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
    • ห้ามใช้ยานี้หากสารละลายขุ่นไม่ใสหรือมีสีปนเปื้อน
    • สวมปลอกยาทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
    • ปากกาสำหรับฉีดแต่ละด้ามให้ใช้กับคนไข้บุคคลเดียวเท่านั้น ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น แม้จะมีการเปลี่ยนหัวเข็มก็ตาม

การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักตามคำแนะนำนี้จะช่วยให้ตัวยาสามารถคงคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาได้มากที่สุด

อาการแบบนี้ หมออยากอธิบายว่า มันไม่ใช่ “หิวจริง” ที่ร่างกายขาดพลังงานนะคะ แต่จะเป็นลักษณะของ “ความอยากอาหาร” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “craving” บางคนอาจเรียกว่าการกินตามอารมณ์ (emotional eating) ก็ได้ค่ะ

เวลาร่างกายหิวจริง เราจะรู้สึกท้องร้อง รู้สึกอ่อนแรง หรือต้องหาอะไรใส่ท้องเพื่อเติมพลังงานให้ร่างกาย แต่ถ้าหิวแบบที่หมอบอกไปเมื่อกี้ มักจะเกิดขึ้นสั้น ๆ เป็นความอยากกินอะไรบางอย่างเฉพาะเจาะจง เช่น ของหวาน ของทอด หรือขนมต่าง ๆ ไม่ได้มาจากความต้องการอาหารจริง ๆ ของร่างกาย แต่เกิดจากสิ่งกระตุ้นรอบตัว อย่างความเครียด อารมณ์ หรือแม้แต่กลิ่นอาหารค่ะ

แบบนี้พบได้บ่อยในวัยรุ่น วัยทำงาน หรือสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงก่อนมีประจำเดือน เพราะฮอร์โมนมีผลต่ออารมณ์และความอยากอาหารค่ะ

ดังนั้นถ้าคนไข้รู้สึกอยากกินอะไรขึ้นมาช่วงสั้น ๆ แต่ถ้าไม่ได้กินแล้วก็หายเอง สบายใจได้ค่ะ ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นโรคอะไร หากอยากควบคุมน้ำหนัก หรือควบคุมสุขภาพ หมอแนะนำให้ลองสังเกตความหิวของตัวเอง ถ้ารอประมาณ 10-15 นาทีแล้วมันหายไป ก็แสดงว่าเป็นความอยากมากกว่าหิวจริงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ในยุคนี้หมอยอมรับนะคะว่าคนไข้หลายคนอยากเห็นผลลัพธ์แบบรวดเร็วทันใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหรือสุขภาพก็ตาม เพราะชีวิตที่เร่งรีบทำให้เวลาสำหรับดูแลตัวเองน้อยลง ดังนั้นหลายคนจึงมองหาวิธีที่เห็นผลไว อย่างเช่นการทำหัตถการทางการแพทย์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ช่วยลดไขมันได้เร็ว แต่หมอก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าวิธีเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด ทั้งเรื่องความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการดูแลจากภายในด้วยวิธีธรรมชาติ

  • หากคนไข้ต้องการ “เห็นผลเร็ว” การดูดไขมัน เลเซอร์สลายไขมัน เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ แต่ต้องเข้าใจว่ามีความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสูง
  • แต่ถ้าอยากได้ผลลัพธ์ที่ “ดีที่สุดในระยะยาว” หมอแนะนำให้ปรับพฤติกรรมการกินและออกกำลังกายควบคู่ เพราะเป็นพื้นฐานที่ช่วยรักษารูปร่างและสุขภาพให้ดี และยั่งยืน
  • การผสมผสานระหว่างหัตถการและการดูแลตัวเอง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและปลอดภัยมากที่สุดค่ะ

สำคัญสุดคือ ปรึกษาแพทย์ คลินิกที่มั่นใจว่าปลอดภัย ได้มาตรฐานจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม

วันที่หมอโดนถามเรื่องนี้ นั่งเมาท์เรื่องนี้กับคนไข้นานมากกว่าจะได้วกกลับมาตอบ 🙂 เอาหล่ะเข้าเรื่องเลย

คนที่กินแล้วไม่อ้วน จริง ๆ แล้วระบบร่างกายเขา หรือที่เราเรียกว่าระบบเผาผลาญ อาจจะทำงานไม่เหมือนกับคนทั่วไปในบางจุดนะคะ เช่น พันธุกรรมที่เขาได้มาจากพ่อแม่ หรือการที่ระบบฮอร์โมนในตัวเขาปรับตัวได้ดีม๊ากกก หรือแม้แต่การที่เขามีระบบเผาผลาญที่ทำงานเร็วเป็นพิเศษ Metabolism ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันค่ะ จนบางคนกินเยอะเท่าไรก็เผาผลาญหมด ส่วนบางคน ระบบเผาผลาญอาจจะทำงานช้ากว่า เลยเกิดการสะสม แต่หมอก็ขอเสริมว่า คนกลุ่มนี้ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้นเลยค่ะ จริง ๆ แล้วยังมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง เช่น วิถีชีวิต คุณภาพการนอน หรือบางทีเขาก็ดูแลตัวเองในแบบที่เราไม่ได้รู้ด้วยนะคะ ฉะนั้นอย่าอิจฉากันเลย เพราะข้อเสียเปรียบของเรื่องนี้ก็มีเหมือนกัน หมอสรุปให้ด้านล่างนะคะ

ส่วนคนที่ทาอะไร ลองอะไรผิวก็ไม่แพ้ อันนี้หมอแอบอิจฉาด้วยอยู่นะ 🙂 เพราะจัดว่าเป็นคนที่มีผิวสมดุลค่ะ มีความเกี่ยวข้องกับโครงสร้างผิวและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นหลัก อย่างแรกที่เขามีมากกว่าเราคือ เกราะป้องกันผิวแข็งแรง (Skin Barrier)
ผิวที่ไม่แพ้ง่ายมักจะมีชั้นเกราะปกป้องผิว (Stratum Corneum) แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ชั้นผิวหนังนี้ทำหน้าที่เหมือนกำแพงเพื่อป้องกันไม่ให้สารระคายเคืองที่เป็นอันตราย อย่างที่สองคือ ระบบภูมิคุ้มกันผิวที่ไม่ไวต่อการกระตุ้น ไม่แสบ ไม่คัน ไม่ลอก ไม่แดงง่ายเกินไป จะทำให้ผิวดูเหมือนสามารถใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ไม่เป็นปัญหา แต่ไม่ใช่ว่าชีวิตนี้ไม่มีสิทธิ์แพ้สารอะไรเลยนะคะ หมอสรุปให้ด้านล่างนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

โรค NCDs non-communicable diseases หรือที่เราเรียกว่า “โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” ให้เข้าใจง่ายๆว่า จะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา ถ้าเป็นแล้วต้องดูแลกันยาวๆ ไม่ใช่วันสองวันหาย เป็นกลุ่มโรคที่ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรีย ไม่สามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนเหมือนโรคหวัดหรือวัณโรค

กลุ่มโรค NCDs ที่เจอบ่อย เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือโรคไตเรื้อรัง ซึ่งมักจะค่อยๆ เกิดขึ้นจากพฤติกรรมของเรา เช่น การทานอาหารที่หวาน มัน เค็มเกินไป ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักตัวเกิน สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ค่ะ

ต่างจากโรคติดเชื้อที่เราจะป้องกันได้ด้วยวัคซีน หรืออยู่ห่างจากคนป่วย โรค NCDs จะป้องกันหรือชะลอได้ด้วยการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เช่น ปรับการรับประทานอาหารให้ดีขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลน้ำหนักให้สมดุล และหมั่นตรวจสุขภาพค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

อาการคลื่นไส้หลังใช้ปากกาคุมหิว (เช่น ยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonist) ถือว่าเป็นอาการข้างเคียงที่พบได้ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการใช้ยา เนื่องจากยามีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น ชะลอการเคลื่อนตัวของอาหารในกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกคลื่นไส้ได้ค่ะ

หมอเจอหลายเคสที่คนไข้ไม่ได้ปรึกษาหมอก่อนเริ่มใช้ยา แล้วเริ่มต้นด้วยโดสที่สูงเกินไป เช่น 1 mg หรือมากกว่า ซึ่งอาจไม่เหมาะสมกับร่างกาย (กลัวไม่ผอม กลัวไม่เห็นผล) โดยเฉพาะในคนที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน ปกติหมอจะแนะนำให้เริ่มต้นที่ 0.5 mg หรือแม้แต่ 0.25 mg เพื่อให้ร่างกายปรับตัวและลดผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้หรือเวียนศีรษะ

อาการนี้จะไม่ได้ดีขึ้นเอง หากยังไม่ปรับลดปริมาณยาลงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ปากกาคุมหิว กับปากกาลดน้ำหนัก จริงๆ แล้วคืออุปกรณ์ชนิดเดียวกันค่ะ เรียกอีกอย่างว่า ปากกา GLP-1 😊

ที่เรียกว่าปากกาคุมหิว เพราะยาในปากกาจะไปช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้อิ่มเร็วขึ้น ทานน้อยลง ส่วนที่เรียกว่าปากกาลดน้ำหนัก เพราะผลที่ตามมาจากการทานน้อยลง ก็คือน้ำหนักที่ลดลงนั่นเองค่ะ

สำหรับที่คลินิกเรามีให้บริการ 2 ยี่ห้อนะคะ คือ

  • Ozempic (โอเซมปิค)
  • Trulicity (ทรูลิซิตี้)

ทั้งสองยี่ห้อนี้ มีตัวยาที่ออกฤทธิ์คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันที่ ความแรงของยา ความถี่ในการฉีด และ ราคา ค่ะ

ก่อนซื้อใช้ต้องปรึกษาหมอทุกครั้งค่ะ หมอเขาจะประเมินว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวเรามากที่สุด

อ่านเพิ่มเติม

หลังจากได้รับยา และคำแนะนำจากแพทย์ การใช้ครั้งแรก และการเก็บรักษายาปากกา ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆค่ะ ดีเลิฟเวอรี่คลินิกแนะนำดังนี้ค่ะ

  • ก่อนเปิดใช้ทุกแบรนด์: ต้องเก็บในตู้เย็น (2–8°C)
  • หลังเปิดใช้: เก็บที่อุณหภูมิห้อง (≤30°C) หรือในตู้เย็น แต่ต้องใช้ให้หมดภายในเวลาที่ระบุในตาราง
  • ห้ามแช่แข็งเด็ดขาด และห้ามเก็บในที่ร้อน/โดนแสงแดด

รายละเอียดอื่นๆดูจากข้อมูลด้านล่างได้เลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

การรู้ว่าเรา “อ้วนหรือไม่” ไม่ได้ดูแค่ส่องกระจกหรือขึ้นตาชั่งอย่างเดียวค่ะ การประเมินความอ้วนจริงๆ มีวิธีที่หมอใช้วัดอย่างเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น หนึ่งในวิธียอดฮิตที่สุดคือค่า BMI หรือค่าดัชนีมวลกาย ซึ่งคำนวนจากน้ำหนักตัวเทียบกับส่วนสูง ถ้า BMI สูงเกินมาตรฐาน ถือว่าอ้วนค่ะ อีกวิธีที่หมอความงามนิยมดูเลยก็คือ “รอบเอว” เทียบกับส่วนสูง หรือที่เรียกว่า WHtR ถ้ารอบเอวเยอะเมื่อเทียบกับส่วนสูง โอกาสมีไขมันสะสมที่หน้าท้องสูง ซึ่งไขมันบริเวณนี้อันตรายกับสุขภาพมากกว่าจุดอื่น

แต่ถ้าจะให้แม่นยำจริงๆ หมอจะใช้วิธีวัด “เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย” ด้วยเครื่องมือเฉพาะ อย่างพวกเครื่องชั่งวัดไขมันหรือการสแกนร่างกายค่ะ ข้อมูลตรงนี้จะช่วยแยกคนที่ดูผอมแต่จริงๆ มีไขมันซ่อนอยู่ หรือคนที่มีกล้ามเนื้อเยอะจนดูน้ำหนักเกินแต่ไม่ได้อ้วนออกจากกันได้ดีขึ้น สรุปคือ ไม่ได้วัดแค่หุ่นที่มองเห็น แต่ต้องดูทั้งตัวเลขและสัดส่วนภายในเพื่อให้รู้สถานะร่างกายที่แท้จริงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลดน้ำหนักเพื่อตัวคุณเอง ไม่ใช่เพื่อให้ใครยอมรับ เพราะคุณคู่ควรกับการมีชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น

★★ ความประทับใจ ★★

google
tippayavaree boonhom
tippayavaree boonhom
Nutty Michael Williams (นุช)
Nutty Michael Williams (นุช)
Mintra Jaisaneh
Mintra Jaisaneh
google
pamalyn leelyn
pamalyn leelyn
facebook
Pam Patcharaporn
Pam Patcharaporn
แนะนำเลย
facebook
Dew Wannalai
Dew Wannalai
แนะนำเลย
facebook
Mahalapphaisan Kn
Mahalapphaisan Kn
แนะนำเลย