เนื้อหานี้เกี่ยวกับการเลือกใช้ครีมกันแดดให้เหมาะกับสีผิวและกิจกรรมกลางแจ้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตารางสรุปเนื้อหาครีมกันแดด
หัวข้อ | รายละเอียด |
---|---|
SPF (Sunburn Protection Factor) | ค่าที่บ่งบอกระยะเวลาในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ยิ่งค่าสูง ยิ่งปกป้องได้นาน คำนวณคร่าวๆ ได้จาก $$ระยะเวลาที่ผิวไหม้โดยไม่ทาครีมกันแดด (นาที) x ค่า SPF = ระยะเวลาที่ผิวได้รับการปกป้อง (นาที)$$ |
PA (Protection Grade of UVA) | ค่าที่ใช้วัดระดับการปกป้องผิวจากรังสี UVA แบ่งเป็น 3 ระดับ |
• PA + | ปกป้องรังสี UVA ระดับปานกลาง (2-4 เท่า) |
• PA ++ | ปกป้องรังสี UVA ระดับสูง (4-8 เท่า) |
• PA +++ | ปกป้องรังสี UVA ระดับสูงสุด (8-16 เท่า) |
ระดับ SPF ที่แนะนำ | |
• ผิวขาวอมชมพู | ควรใช้ SPF 50+ ทุกช่วงเวลา |
• ผิวขาว | ควรใช้ SPF 30 เป็นเวลา 1-3 ชั่วโมง และ SPF 50+ หากอยู่กลางแจ้งนานกว่านั้น |
• ผิวขาวเหลือง | ควรใช้ SPF 8-14 ในร่ม, SPF 15 เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง, SPF 30 เป็นเวลา 3 ชั่วโมง และ SPF50+ หากอยู่กลางแจ้งนานกว่านั้น |
• ผิวเข้ม | ควรใช้ SPF 8-14 ในร่ม, SPF 15 เป็นเวลา 1-3 ชั่วโมง และ SPF 30 หากอยู่กลางแจ้งนานกว่านั้น |
หมายเหตุ: ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง หากอยู่กลางแจ้ง หรือหลังจากเหงื่อออกหรือเล่นน้ำ
เลือกโลชั่นกันแดดอย่างไรให้ปัง
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย แถมยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังอีกด้วย การทาครีมกันแดดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในการปกป้องผิวของเรา แต่ครีมกันแดดนั้นมีมากมายหลายแบบ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าแบบไหนที่เหมาะกับเรา วันนี้เรามาทำความรู้จักกับครีมกันแดดแต่ละประเภท รวมถึง SPF และ PA ที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อกันค่ะ
ชนิดของครีมกันแดด
ครีมกันแดดมีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- ครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen:
- กลไกการทำงาน: เป็นครีมกันแดดที่ทำหน้าที่เสมือนกระจกสะท้อนแสงแดดออกไปจากผิวทันทีที่ทา
- ส่วนผสม: มักมีส่วนผสมของ Zinc Oxide หรือ Titanium Dioxide
- ข้อดี: อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ปลอดภัย ไม่ก่อการระคายเคือง สามารถใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
- ข้อเสีย: เนื้อสัมผัสค่อนข้างหนา เกลี่ยยาก อาจทำให้ผิวหน้าวอกได้ ไม่เหมาะกับการแต่งหน้า
- ครีมกันแดดแบบ Chemical Sunscreen:
- กลไกการทำงาน: ดูดซับรังสี UV เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน และปล่อยออกจากผิว
- ส่วนผสม: มักมีส่วนผสมหลหลากหลาย เช่น Oxybenzone, Avobenzone, Octinoxate
- ข้อดี: เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว ไม่ทำให้หน้าวอก
- ข้อเสีย: อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ในบางคน โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย
SPF คืออะไร เลือกเท่าไหร่ดี?
SPF ย่อมาจาก Sun Protection Factor เป็นค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ซึ่งเป็นรังสีที่ทำให้ผิวไหม้ แดง และก่อมะเร็งผิวหนัง โดย SPF จะบอกว่าครีมกันแดดสามารถปกป้องผิวจาก UVB ได้นานเท่าใด เช่น SPF 15 หมายความว่า ครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้นานกว่าการไม่ทาครีมกันแดดประมาณ 15 เท่า หรือประมาณ 2.5 ชั่วโมง เป็นต้น
แล้วควรเลือก SPF เท่าไหร่?
- SPF 15: เหมาะกับการทำกิจกรรมในร่ม หรือโดนแดดอ่อน ๆ
- SPF 30: เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งทั่วไป
- SPF 50 ขึ้นไป: เหมาะกับการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องโดนแดดจัดเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ต้องการการปกป้องแบบสูงสุด
PA+++ คืออะไร สำคัญอย่างไร?
PA ย่อมาจาก Protection Grade of UVA เป็นค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UVA ซึ่งเป็นรังสีที่ทำร้ายผิวลึกถึงชั้นคอลลาเจน ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ผิวเหี่ยวย่น และจุดด่างดำ โดย PA จะมีเครื่องหมาย + กำกับ ยิ่งมีจำนวน + มาก แสดงว่าปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้มากขึ้น
- PA+: ปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ปานกลาง
- PA++: ปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ดี
- PA+++: ปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ดีมาก
- PA++++: ปกป้องผิวจากรังสี UVA ได้ดีเยี่ยม (พบได้น้อย)
เลือกครีมกันแดด ตามลักษณะผิว?
- พิจารณาจากกิจกรรม: หากต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูง ๆ
- พิจารณาจากสภาพผิว:
- ผิวแห้ง: ควรเลือกครีมกันแดดเนื้อครีม
- ผิวมัน: ควรเลือกครีมกันแดดเนื้อเจล หรือเนื้อมูส
- ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกครีมกันแดดแบบ Physical Sunscreen ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ
- เลือกใช้ให้เหมาะสม: ควรทาครีมกันแดดย้อนขึ้น เพื่อป้องกันริ้วรอย และทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง หากอยู่กลางแจ้ง หรือหลังจากทำกิจกรรมที่เหงื่อออกมาก
เลือกเนื้อครีมกันแดดที่เหมาะกับเรา
เนื้อครีมกันแดดมีหลหลายแบบ แต่ละแบบก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เลือกใช้ได้ตามความชอบและสภาพผิวได้เลยค่ะ
- ครีมกันแดดแบบครีม (Cream): เนื้อสัมผัสหนัก เข้มข้น เหมาะกับผิวแห้ง ผิวธรรมดา หรือใช้ในชีวิตประจำวัน
- ครีมกันแดดแบบโลชั่น (Lotion): เนื้อสัมผัสเหลวกว่าแบบครีม ซึมซาบเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผิวผสม ผิวธรรมดา หรือใช้ในชีวิตประจำวัน
- ครีมกันแดดแบบเจล (Gel): เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งความมัน เหมาะกับผิวมัน ผิวเป็นสิวง่าย หรือผู้ที่ต้องการความรู้สึกสบายผิว
- ครีมกันแดดแบบน้ำ (Water-based): เนื้อสัมผัสเหลว ซึมซาบเร็วมาก ให้ความรู้สึกบางเบา สบายผิว เหมาะกับทุกสภาพผิว
- ครีมกันแดดแบบสเปรย์ (Spray): ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว เหมาะกับการใช้กับผิวกาย
- ครีมกันแดดแบบแท่ง (Stick): พกพาสะดวก เหมาะสำหรับการเติมระหว่างวัน
- ครีมกันแดดแบบแป้ง (Powder): เนื้อสัมผัสบางเบา คุมมัน เหมาะกับการใช้เติมระหว่างวัน
** นอกจากนี้ ครีมกันแดดยังมีคุณสมบัติอื่นๆ ที่แตกต่างกันออกไป เช่น กันน้ำ กันเหงื่อ หรือมีส่วนผสมของรองพื้น ซึ่งควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิว และกิจกรรมที่ทำด้วยนะคะ
การทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ถือเป็นการลงทุนเพื่อผิวสวยสุขภาพดีในระยะยาว อย่าลืมเลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวและกิจกรรมของตัวเอง เพื่อการปกป้องที่สมบูรณ์แบบนะคะ