ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

inbo botox- ราคาเท่าไหร่ ดียังไง

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

โบท็อกซ์

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

INBO คืออะไร ต่างยังไง ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา
โปรโมชั่น ส่วนลด

โปรโมชั่นลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา หว่างคิ้ว โบอินกับทุกอารมณ์ (50 คนแรก เท่านั้น)

3,999

บาท

ปกติราคา : 5,999

หมดเขต:

29/12/2025

INBO คืออะไร?

INBO เป็น Botulinum Toxin Type A ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวัตถุดิบหลัก (Raw Material) คือ CCUG 7968 และได้รับการขึ้นทะเบียนสำหรับการรักษาริ้วรอยระหว่างคิ้ว (Glabellar Lines) ในหลายประเทศ เช่น เกาหลี ไทย และที่อื่นๆ ทั่วโลก

inbo คืออะไร โบท็อกซ์ดีไหม ราคาเท่าไหร่ อยู่ได้นานแค่ไหน ใช้กี่ยูนิต

จุดเด่นของ INBO

  • เห็นผลเร็วภายใน 1-3 วัน (ริ้วรอย)
  • ลดโอกาสการดื้อยา
  • การกระจายตัวยาคงที่
  • ออกฤทธิ์ตรงจุดอย่างอ่อนโยน
  • ผลิตด้วยกระบวนการ Vacuum Drying Method และ Quality by Design (QbD)

Botulinum Toxin ไม่ใช่ทุกสายพันธุ์จะเหมือนกัน

Botulinum toxin (โบทูลินัมท็อกซิน) เกิดจากแบคทีเรียชื่อ “Clostridium botulinum” ซึ่งในธรรมชาติมีอยู่หลายชนิด หลายสายพันธุ์ แต่ไม่ใช่ทุกสายพันธุ์จะให้ผลลัพธ์หรือคุณสมบัติที่เหมือนกัน เพราะ

  • ที่มาของสายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกัน
  • วิธีการเพาะเลี้ยงแบคทีเรียและการสกัดโปรตีน
  • องค์ประกอบของโปรตีน มีสิ่งเจือปนหรือไม่ ?
  • โอกาสเกิดแอนติบอดีหรือภาวะดื้อยามากน้อยแค่ไหน

นั่นคือเหตุผลที่ “แหล่งที่มาของสายพันธุ์” จึงมีความสำคัญไม่แพ้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ภายนอก

การเตรียมตัวก่อนทำ INBO

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เตรียมร่างกายและใบหน้าให้พร้อม
  • งดวิตามินหรือสมุนไพรที่อาจทำให้เลือดหยุดไหลยาก 1-2 สัปดาห์
  • งดใช้ยาแก้ปวด แอสไพริน และยากลุ่ม NSAIDs 1-2 สัปดาห์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ 48 ชั่วโมงก่อนรับบริการ
  • ควรปรึกษาแพทย์และแจ้งปัญหาที่ต้องการแก้ไขให้ชัดเจน

การดูแลตนเองหลังทำ INBO

  • หลังฉีด ควรขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำทันที
  • งดนอนราบประมาณ 3-4 ชั่วโมง
  • งดประคบร้อน 1-2 สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดความร้อนในชั้นผิว
  • หากทำบริเวณกราม หลังฉีดให้เคี้ยวหมากฝรั่งสองข้างเท่าๆ กัน
  • หลังฉีดประมาณ 4 ชั่วโมง สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
  • หากมีรอยนูนแดง จะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง

Juvelook ช่วยลดริ้วรอย แต่ไม่ได้ออกฤทธิ์เหมือนโบท็อกซ์ Juvelook อาจช่วยปรับสภาพผิวและลดเลือนหลุมสิวได้บ้าง แต่ไม่ใช่วิธีการรักษาหลุมสิวโดยตรง

อ่านเพิ่มเติม

การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองนึกภาพตามนะคะว่าใบหน้าของเราก็เหมือนกับเต็นท์ค่ะ โดยมีผิวหนังเป็นผ้าใบของเต็นท์ และมีโครงสร้างข้างใต้ ทั้งกระดูก ไขมัน และกล้ามเนื้อ เป็นเสาที่คอยขึงให้ผ้าใบตึงสวยเข้ารูปอยู่ค่ะ

ทีนี้ พอเราอายุมากขึ้น “เสา” พวกนี้ โดยเฉพาะกระดูกและไขมัน มันจะเริ่มฝ่อตัวเล็กลงไปตามธรรมชาติ ส่วน “ผ้าใบ” หรือผิวของเราเองก็เริ่มหย่อน ไม่กระชับเหมือนเก่า เพราะคอลลาเจนน้อยลง

กล้ามเนื้อกรามของเราก็เป็น “เสาต้นสำคัญ” ที่ช่วยพยุงผิวช่วงแก้มและกรอบหน้าเอาไว้ค่ะ การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามก็คือการทำให้เสาต้นนี้มันเล็กลงเพื่อให้หน้าเราดูเรียวขึ้น

ดังนั้น ถ้าคนไข้เริ่มมีอายุแล้ว ผิวก็เริ่มหย่อนคล้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วเรายังไปฉีดให้ “เสา” ที่ช่วยพยุงผิวอยู่นั้นมันเล็กลงไปอีก ก็จะยิ่งเหมือนเราเอาเสาค้ำเต็นท์ออก ทำให้ผ้าใบ (ผิว) มันยิ่งหย่อนลงมา กองตรงแก้มด้านล่างได้ค่ะ ผลที่ตามมาก็คืออาจจะทำให้แก้มดูตอบ ร่องแก้มลึกขึ้น หรือเห็นร่องน้ำหมากชัดขึ้นได้ค่ะ

เพราะฉะนั้นถ้าอายุมากขึ้นแล้วอยากฉีดจริงๆ ก็ต้องทำอย่างระมัดระวังมากๆ หมอจะแนะนำให้ใช้ยาน้อยๆ แค่พอให้กล้ามเนื้อคลายตัวลงนิดหน่อย ให้กรอบหน้าดูซอฟต์ลง แต่จะไม่เน้นฉีดให้กรามหายไปเยอะๆ เพื่อรักษาโครงสร้างที่ช่วยพยุงผิวเอาไว้ให้ได้มากที่สุดค่ะ เราอยากให้หน้าดูสดใส ไม่ใช่ดูหย่อนคล้อยกว่าเดิม โอเค เข้าใจตรงกันแล้วนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคนไข้ที่อยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยขึ้น สามารถเลือกทำได้หลายวิธีตามสาเหตุของปัญหาค่ะ หาก กรามใหญ่ จากกล้ามเนื้อ การฉีด โบท็อกซ์ จะช่วยให้กรามเล็กลง, ถ้ามี ไขมันที่แก้มและเหนียง เยอะ การฉีด เมโสแฟต เพื่อสลายไขมันเป็นทางเลือกที่ดี, หรือหากใบหน้า หย่อนคล้อย ไม่กระชับ การทำเครื่องยกกระชับอย่าง HIFU หรือ Ulthera ก็จะช่วยเก็บกรอบหน้าให้คมชัดและดูเรียวขึ้นได้ ซึ่งในคนไข้บางรายอาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ แนะนำให้เข้ามาปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนตัดสินใจค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

การฉีดหน้า ไม่ได้เท่ากับ การทำศัลยกรรมค่ะ การฉีดหน้าอย่างเช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ Biostimulator จัดเป็น “หัตถการ” ซึ่งเป็นการเสริมความงามแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบ และไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรมค่ะ จุดเด่นคือเป็นการปรับแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ริ้วรอยร่องลึก การปรับรูปหน้า หรือการเติมเต็มผิว ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และเมื่อเวลาผ่านไปสารที่ฉีดเข้าไปส่วนใหญ่ก็จะสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างถาวรเหมือนการทำศัลยกรรมค่ะ

ดังนั้นสบายใจได้เลยนะคะ การฉีดหน้าเป็นวิธีเสริมความงามที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เพราะช่วยให้เราดูดีขึ้นในแบบที่เป็นธรรมชาติและรวดเร็วทันใจค่ะ อย่างเคสของคุณลูกค้าหลาย ๆ ท่านที่ D’lovevery Clinic ก็เข้ามารับบริการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาความกังวลต่าง ๆ บนใบหน้า ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็สร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก หลายท่านกลับมาด้วยความมั่นใจและใบหน้าที่ดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้น เหมือนกับรีวิวที่คุณลูกค้าสามารถดูเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

สำหรับคำถามที่ว่าฉีดโบท็อกซ์หลายยี่ห้อในปีเดียวจะเป็นอะไรไหม หมอตอบตรงนี้เลยค่ะว่า “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ที่การสลับยี่ห้อ แต่อยู่ที่ ความบริสุทธิ์ของตัวยา, การเป็นของแท้ที่ผ่านการรับรองจาก อย., และการฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่ะ โบทูลินัมท็อกซินแต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกา เกาหลี หรือเยอรมัน จะมีจุดเด่นต่างกันเล็กน้อย เช่น ความแน่นของการจับกับกล้ามเนื้อ หรือการกระจายตัวของยา แต่หัวใจหลักของมันคือการออกฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อเหมือนกัน ตราบใดที่เรามั่นใจว่าเป็นของแท้ที่ได้มาตรฐานและฉีดในปริมาณที่เหมาะสมโดยแพทย์ ผลลัพธ์ในด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพแทบไม่แตกต่างกันเลยค่ะ

ดังนั้น ไม่ต้องกังวลนะคะหากปีก่อนเคยฉีดอีกยี่ห้อ แล้วปีนี้จะมาฉีดอีกยี่ห้อหนึ่ง ร่างกายเราไม่ได้จดจำยี่ห้อค่ะ สิ่งที่ร่างกายสนใจคือตัวยาที่เข้าไปทำงาน การสลับยี่ห้อที่ได้มาตรฐานจึงไม่ใช่เรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ต้องระวังและให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือ ต้องมั่นใจว่าเป็นยาแท้ 100% และฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงาม ปลอดภัย และมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ใกล้เคียงกันตามมาตรฐานของแต่ละยี่ห้อค่ะ นี่คือหัวใจของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลดีที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น

ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก

พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา

อ่านเพิ่มเติม

โดยทั่วไปแล้ว การฉีดโบท็อกซ์กรามที่ถูกวิธี จะไม่ทำให้หน้าห้อยค่ะ เพราะกระบวนการนี้เป็นการลดขนาดกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความหย่อนคล้อยของผิวโดยตรง

แต่ที่บางคนรู้สึกว่าหน้าห้อย มีสาเหตุดังนี้ค่ะ

  • ฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่มากเกินไป จนกล้ามเนื้อกรามลีบเร็วเกิน ส่งผลให้ผิวอาจดูห้อยจากที่เคยมีกล้ามเนื้อพยุงไว้
  • กรณีบางคนที่โครงสร้างใบหน้ามีไขมันน้อย หรือเนื้อแก้มบาง เมื่อกรามเล็กลงอาจแอบรู้สึกว่าผิวตรงแนวกรามหย่อนกว่าเดิมเล็กน้อย

สำหรับเคสที่มีไขมันแก้มเยอะ เวลาฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วกล้ามเนื้อกรามยุบลง ใบหน้าจะดูเรียวขึ้น แต่ ถ้าไขมันบริเวณแก้ม, มุมกราม หรือเหนียงเยอะอยู่แล้ว ในบางคนอาจสังเกตว่าไขมันตรงนั้น “ดูหย่อน” มากกว่าเดิมได้ค่ะ กรณีนี้ต้องหาตัวช่วยอื่นในการจัดการกับไขมันร่วมด้วย ดังนั้นการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อลดกรามอย่างเดียวยุคนี้ต้องดูองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้าด้วย ว่าทำแล้วจะส่งผลดีมากน้อยแค่ไหนกับรูปหน้าของเราค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

20

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

★★ ความประทับใจ ★★

google
보크
보크
06/09/2025
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
24/12/2024
google
วิภัทร พงศ์ทิพากร
วิภัทร พงศ์ทิพากร
21/07/2024
facebook
Wipat Pongtipagorn
Wipat Pongtipagorn
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Peter Nick
Peter Nick
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Tay Pattara
Tay Pattara
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
วสิทธิ์ ทองโผ
วสิทธิ์ ทองโผ
แนะนำเลย
12/05/2024