ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

Sculptra คืออะไร

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

Biostimulator

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

Sculptra คืออะไร กระตุ้นคอลลาเจนได้ยังไง ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา
เลือกอ่านเนื้อหา

จุดเด่นของ Sculptra

The first & original collagen biostimulator คอลลาเจนที่มีความสําคัญกับผิวหนังของเรามากที่สุด ก็คือคอลลาเจน ประเภทที่ 1 Sculptra ช่วยกระตุ้น Collagen Type I ให้เพิ่มกว่า 66.5% สภาพผิวแก่ช้าลง 10 ปี นอกจากนั้น Sculptra มีสภาพที่คงตัวและเร่งปฏิกริยาการเพิ่ม Collagen ได้เอง ต่อเนื่องนาน 2 ปี ซึ่งนานที่สุดเท่าที่เคยมีงานวิจัยมา

ผิวมีกี่ชั้น-สรุปให้-Sculptra-เหมาะกับผิวชั้นไหน

รีวิวโปรแกรม Sculptra

  • ฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
  • พยุงโครงสร้างผิว ให้ผิวแน่นขึ้น
  • ยกกระชับ ปรับรูปหน้า
  • ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
  • หลังรับบริการ รักษาตามจุดที่หย่อนคล้อยเห็นผลว่าหน้ายกกระชับขึ้นทันที
  • หลังรักษาไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ เช่น บวม แดง เป็นก้อน
  • มาตรฐาน USFDA approved และผ่าน อย. ประเทศไทย มั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย

Sculptra คืออะไร

Sculptra เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีดที่ประกอบด้วยไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารกระตุ้นคอลลาเจนในกลุ่มของ Biostimulator Sculptra ถือว่าเป็น Biostimulator ที่มีการศึกษาแล้วและมีผลกระตุนคอลลาเจนอย่างธรรมชาติได้ถึง 66.5% เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) และได้ใช้ตั้งแต่ปี 1999 โดยมีการฉีดจริงมาแล้วจากอเมริกาและจึงมีความมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

Biostimulator เป็นการรักษาที่ใช้ในการแพทย์เพื่อชะลอวัยและการดูแลความงามโดยใช้หลักการกระตุ้น Natural Healing และ Regenerative process โดยการใช้สารบางอย่างในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูด้วยตนเอง

สรุปง่ายๆ แบบไม่ต้องจำคำศัพธ์อะไรกันมากก็จะได้ประมาณว่า…

Sculptra เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีดที่ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 โดยใช้ Biostimulator และมีผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัยตามมาตรฐานการรักษาและอนุมัติจาก อย. แล้ว

คอลลาเจนคืออะไร สำคัญกับผิวเราอย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย มักเปรียบเทียบกับโครงสร้างของร่างกาย คอลลาเจนมีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ และอวัยวะอื่นๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และปัญหาสุขภาพอื่นๆ

คอลลาเจนใต้ผิว

กระบวนการทำงานของ Sculptra

Sculptra ประกอบด้วยกรดโพลี-แอล-แลคติก (PLLA) ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ย่อยสลายได้ เมื่อฉีด Sculptra เข้าไปในผิวหนัง PLLA จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะค่อยๆ เติมเต็มและเพิ่มปริมาณของบริเวณที่ฉีด ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วงหลายเดือนและอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Sculptra กับวิธีอื่นๆ ต่างกันอย่างไร

Sculptra แตกต่างจากวิธีการเสริมความงามอื่นๆ เช่น

  • สารเติมเต็มแบบชั่วคราว: สารเติมเต็มแบบชั่วคราว เช่น Restylane และ Juvederm ให้ผลลัพธ์ทันที แต่จะสลายตัวภายใน 6-12 เดือน
  • การผ่าตัด: การผ่าตัด เช่น การเสริมคางและการยกกระชับใบหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  • การรักษาด้วยเลเซอร์และคลื่นความถี่วิทยุ: การรักษาด้วยเลเซอร์และคลื่นความถี่วิทยุสามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ แต่ผลลัพธ์มักจะไม่คงอยู่ถาวรเท่ากับ Sculptra
SCULPTRA-vs-RADIESSE เลือกอะไรดี

Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร

Sculptra และฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มทั้งคู่ แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ

  • องค์ประกอบ: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ย่อยสลายได้ ส่วนฟิลเลอร์ทั่วไปมักประกอบด้วยไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วนฟิลเลอร์จะเติมเต็มบริเวณที่ฉีดโดยตรง
  • ระยะเวลาผลลัพธ์: ผลลัพธ์ของ Sculptra อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ส่วนฟิลเลอร์ทั่วไปจะสลายตัวภายใน 6-12 เดือน

Sculptra กับ เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร

Sculptra และเมโสหน้าใสเป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • จุดประสงค์: Sculptra ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณและปรับรูปร่างของใบหน้าและร่างกาย ส่วนเมโสหน้าใสใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วนเมโสหน้าใสประกอบด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิว
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วนเมโสหน้าใสให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โปรแกรม Sculptra กับ Juvelook ต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติโปรแกรม SCULPTRAโปรแกรม JUVELOOK
ส่วนประกอบหลักPDLLA + Hyaluronic AcidPLLA
กลไกการทำงานกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน เพิ่มความชุ่มชื้น
ฟื้นฟูผิว
กระตุ้นคอลลาเจนลึก เติมเต็มปริมาตรใบหน้า ลดริ้วรอยลึก
ผลลัพธ์เด่นผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น กระจ่างใสใบหน้าดูเต็มอิ่ม ยกกระชับ ลดริ้วรอยลึก
ปัญหาผิวเหมาะกับผิวแห้ง ขาดน้ำ, ริ้วรอยตื้น, รอยแตกลายเล็กๆ,
ผิวไม่กระชับเล็กน้อย, ผิวหมองคล้ำ, ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
ผิวหย่อนคล้อยชัดเจน, ริ้วรอยลึก, แก้มตอบ, ใบหน้าขาดปริมาตร,
โหนกแก้มไม่ชัด, ใต้ตาลึก, ถุงใต้ตา, คอและเหนียงเริ่มหย่อน
ระยะเวลาผลลัพธ์6-12 เดือน1.5-2 ปี
จำนวนครั้งที่แนะนำ3 ครั้ง3 ครั้ง
ความเจ็บ/ ฟื้นตัวเจ็บเล็กน้อย คล้ายฉีดโบท็อกซ์ ไม่มีเวลาพักฟื้นอาจเจ็บมากกว่าเล็กน้อย มีส่วนผสมยาชาช่วย ทนได้ง่าย
เหมาะกับใครต้องการฟื้นฟูผิว เติมน้ำ ลดริ้วรอยเล็กๆ ผิวกระจ่างใสต้องการยกกระชับ เติมเต็มปริมาตร ลดริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยชัด

Sculptra กับ Rejuran ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Rejuran เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Rejuran ประกอบด้วยโพลีนิวคลีโอไทด์ (PN) ซึ่งเป็นสารที่พบในเซลล์ของร่างกาย
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Rejuran กระตุ้นการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Rejuran ให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra กับ Gouri ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Gouri เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Gouri ประกอบด้วยไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบในกระดูกและฟัน
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Gouri เติมเต็มบริเวณที่ฉีดโดยตรง
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Gouri ให้ผลลัพธ์ที่ทันทีและถาวร

Sculptra กับ Exosome ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Exosome เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Exosome เป็นถุงขนาดเล็กที่ปล่อยออกมาจากเซลล์และมีโปรตีนและโมเลกุลอื่นๆ
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Exosome กระตุ้นการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Exosome ให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

  • เพิ่มปริมาณและปรับรูปร่างของใบหน้าและร่างกาย
  • แก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  • ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
sculptra ลำคอ ยกกระชับผิว

Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง

Sculptra สามารถใช้เพื่อช่วย

  • เติมเต็มบริเวณที่ยุบตัว เช่น ร่องแก้มและขมับ
  • ปรับรูปร่างของใบหน้า เช่น คางและจมูก
  • แก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  • ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

ขั้นตอนการฉีด Sculptra มีดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวังของคุณ
  2. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณที่ฉีด
  3. ฉีด Sculptra เข้าไปในบริเวณที่ต้องการโดยใช้เข็มขนาดเล็ก
  4. นวดบริเวณที่ฉีดเพื่อกระจาย Sculptra อย่างสม่ำเสมอ
  5. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง

หลังฉีด Sculptra ดูแลตัวอย่างไร

หลังฉีด Sculptra ควรดูแลตัวเองดังนี้

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง
  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่รุนแรง
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือซาวน่า

Sculptra ต้องนวดหลังทำ?

การดูแลตัวเองที่บ้าน (สำคัญมาก!) คนไข้จะต้องทำการนวดบริเวณที่ฉีดตามหลัก “Triple 5” คือ นวดครั้งละ 5 นาที, ทำวันละ 5 ครั้ง, ติดต่อกัน 5 วัน การนวดจะช่วยให้อนุภาคของ Sculptra กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและกลมกลืนไปกับชั้นผิว ป้องกันการจับตัวเป็นก้อน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

sculptra ท่านวด

4 ขั้นตอนการนวดหน้าด้วยเทคนิค Triple 5 หลังฉีด Sculptra

ขั้นตอนที่ 1: นวดบริเวณขมับและหน้าผาก
กำมือหลวมๆ แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาค่ะ จากนั้นใช้ “ข้อนิ้วโป้ง” ค่อยๆ นวดคลึงเป็นวงกลมบริเวณ “ขมับ” แล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นไปจนสุดแนวไรผม ทำสลับซ้าย-ขวา ช้าๆ ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2: นวดบริเวณแก้ม (ส่วนหน้า)
ใช้ “ข้อนิ้วโป้ง” เช่นเดิม นวดคลึงบริเวณ “หน้าแก้ม” (บริเวณข้างจมูก) โดยนวดในทิศทางยกขึ้น วนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณ “ข้างแก้ม” ค่ะ

ขั้นตอนที่ 3: นวดบริเวณโหนกแก้ม
ใช้ “อุ้งมือหรือสันกำปั้น” วางทาบลงบนใบหน้า แล้วค่อยๆ นวดในทิศทางยกขึ้น จากบริเวณ “แก้มส่วนล่าง” ไล่ขึ้นไปจนถึง “โหนกแก้ม” เพื่อช่วยยกกระชับ ทำซ้ำไปมาหลายๆ ครั้งค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: นวดบริเวณแนวกรามและกรอบหน้า
ใช้ “อุ้งมือหรือสันกำปั้น” เริ่มนวดจาก “ปลายคาง” แล้วค่อยๆ นวดไล่ขึ้นไปตาม “แนวกราม” จนถึงบริเวณข้างหู เพื่อให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ทำซ้ำหลายๆ รอบได้เลยค่ะ

Sculptra ราคาเท่าไหร่

sculptra ราคา สเก๊าต้า ราคา

ฉีด Sculptra อันตรายไหม

Sculptra เป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น

  • อาการบวมและรอยแดง
  • อาการปวดและช้ำ
  • การติดเชื้อ
  • การก่อตัวของก้อนแข็ง

ข้อควรระวังการฉีด Sculptra

ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อฉีด Sculptra ในบริเวณต่อไปนี้

  • บริเวณที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ
  • บริเวณที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน
  • บริเวณที่มีเส้นประสาทหรือเส้นเลือดสำคัญ

หลังฉีด Sculptra มีผลข้างเคียงไหม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra ได้แก่

  • อาการบวมและรอยแดง
  • อาการปวดและช้ำ
  • การติดเชื้อ
  • การก่อตัวของก้อนแข็ง
  • การแพ้
Sculptra กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล

ผลลัพธ์ของ Sculptra จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วงหลายเดือน ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์อาจใช้เวลาถึง 6 เดือน

ฉีด sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง

จำนวนครั้งในการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความคาดหวังของคุณ โดยทั่วไปแล้วอาจจำเป็นต้องฉีด 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra ต้องทำกี่ครั้ง

ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม

ผลลัพธ์ของ Sculptra อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Sculptra ของแท้ดูยังไง

Sculptra ของแท้ ดูยังไง ทำไมบางที่ราคาถูกผิดปกติ

Sculptra ของแท้จะมีคุณสมบัติต่อไปนี้

  • มีการปิดผนึกที่ปลอดภัย
  • มีฉลากที่ชัดเจนระบุชื่อผลิตภัณฑ์ ปริมาณ และวันหมดอายุ
  • มีการติดตามและตรวจสอบได้

“ไหมน้ำ” คือนวัตกรรมใหม่ที่ใช้การ “ฉีด” สารกระตุ้นคอลลาเจนลงใต้ผิวหนังเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับมาเต่งตึง กระชับ แลดูอ่อนเยาว์ โดย ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น เหมือนการร้อยไหมแบบเดิมๆ ค่ะ ซึ่งไหมน้ำแต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นต่างกันไป เช่น PLLA (Sculptra) เน้นกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติPDLLA (Juvelook) เป็นสูตรไฮบริดที่ทั้งกระตุ้นคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นPDO (Ultracol) ช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้ผิวตึงกระชับ และ PCL (Gouri) โดดเด่นเรื่องการลดริ้วรอยและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้แต่ละคนค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ แม้ Juvelook และ Sculptra จะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่มีความถนัดคนละด้านค่ะ Juvelook จะเน้นการฟื้นฟู “คุณภาพผิว” ในองค์รวม เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ รูขุมขน และปัญหาใต้ตา ทำให้ผิวดูละเอียด เนียนใส และอิ่มฟูขึ้น ในขณะที่ Sculptra จะเน้นเรื่อง “การยกกระชับและปรับโครงสร้าง” เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัด หรือเติมเต็มใบหน้าที่ดูตอบลงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ

การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

Profhilo (โปรฟิโล่) เป็นโปรแกรมบำรุงและฟื้นฟูผิวที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์โดยไม่เพิ่มวอลลุ่มหรือเปลี่ยนรูปหน้าแบบฟิลเลอร์ค่ะ หลักๆ คือ Profhilo จะใช้กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid – HA) ความเข้มข้นสูงฉีดเข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ผิวเราสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ ผิวจึงดูแน่น กระชับ และยืดหยุ่นขึ้นอย่างธรรมชาติ

อ่านเพิ่มเติม

การฉีดหน้า ไม่ได้เท่ากับ การทำศัลยกรรมค่ะ การฉีดหน้าอย่างเช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ หรือ Biostimulator จัดเป็น “หัตถการ” ซึ่งเป็นการเสริมความงามแบบไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบ และไม่ต้องพักฟื้นนานเหมือนการผ่าตัดศัลยกรรมค่ะ จุดเด่นคือเป็นการปรับแก้ปัญหาเฉพาะจุด เช่น ริ้วรอยร่องลึก การปรับรูปหน้า หรือการเติมเต็มผิว ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแต่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และเมื่อเวลาผ่านไปสารที่ฉีดเข้าไปส่วนใหญ่ก็จะสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอย่างถาวรเหมือนการทำศัลยกรรมค่ะ

ดังนั้นสบายใจได้เลยนะคะ การฉีดหน้าเป็นวิธีเสริมความงามที่ปลอดภัยและได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เพราะช่วยให้เราดูดีขึ้นในแบบที่เป็นธรรมชาติและรวดเร็วทันใจค่ะ อย่างเคสของคุณลูกค้าหลาย ๆ ท่านที่ D’lovevery Clinic ก็เข้ามารับบริการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์เพื่อแก้ปัญหาความกังวลต่าง ๆ บนใบหน้า ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็สร้างความพึงพอใจให้กับคนไข้เป็นอย่างมาก หลายท่านกลับมาด้วยความมั่นใจและใบหน้าที่ดูสดใสอ่อนเยาว์ขึ้น เหมือนกับรีวิวที่คุณลูกค้าสามารถดูเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ของเราเลยค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

คนไข้บอกรักพี่เสียดายน้อง อันนี้เพื่อนบอกดี ยี่ห้อนี้ ดาราบอกดี หมอสรุปให้แบบนี้ค่ะ

ทั้งสองตัวเป็นกลุ่ม “Biostimulator” คือยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว แต่แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นและวิธีออกฤทธิ์ต่างกัน แบบนี้ถ้าเราฉีดพร้อมกันในวันเดียว หรือจุดเดียวกัน อาจทำให้ผิวสับสน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เต็มที่ หรือผิวมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ก้อนแข็งหรือการอักเสบได้มากขึ้นค่ะ และที่สำคัญ เราจะไม่รู้ว่า ตัวไหนทำงานได้ดีกับผิวเรา เพราะมันเข้าไปพร้อมกัน จุดเดียวกัน นึกภาพตามหมอได้เลย

ถ้าคนไข้มีปัญหาหลายอย่าง หมอจะวางแผนเลือกใช้ให้เหมาะสม แยกเป็นรอบหรือเลือกต่างจุด อย่างเช่น Sculptra หมออาจใช้เติมวอลลุ่มลึกๆ ส่วน JuveLook เหมาะกับผิวบางหรือใต้ตา ผลัดกันดูแลทีละอย่าง จะปลอดภัยกว่าและได้ผลสวยนาน หมออยากให้คนไข้มั่นใจว่าวิธีนี้ปลอดภัยกับผิวหน้าที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หลังจากฉีด Sculptra แล้ว แนะนำให้เว้นระยะห่างก่อนที่จะฉีด โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ค่ะ

เหตุผลก็เพราะ Sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการเซตตัวและกระจายวัสดุให้ทั่วบริเวณที่ฉีดค่ะ การรบกวนด้วยหัตถการอื่นๆ (เช่น การเติมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์) อาจทำให้ผลลัพธ์ของ Sculptra ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น หรือเพิ่มความเสี่ยงบวม/ช้ำมากขึ้น

ยกเว้นว่าอยากฉีดลดกราม สามารถฉีดไปพร้อมกันได้เลย เพราะโบท็อกซ์กรามฉีดเข้ากล้ามเนื้อกรามโดยตรง และไม่ส่งผลต่อการบวมช้ำ ทับซ้อนกับตำแหน่งฉีดพวก Biostimulator

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

60

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

รู้หรือไม่ว่าสาเหตุหลักของผิวเหี่ยวย่นคือการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 1 ต่อปี

★★ ความประทับใจ ★★

google
Junny Berry
Junny Berry
13/06/2025
google
Pakjira Lerttaweevit
Pakjira Lerttaweevit
24/12/2024
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
24/12/2024
facebook
Zypher Kun
Zypher Kun
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Hana Mizu
Hana Mizu
แนะนำเลย
16/06/2024
google
วริศรา บํารุงชาติ
วริศรา บํารุงชาติ
16/06/2024
Chuttanun Thirawadee
Chuttanun Thirawadee
29/04/2024