สรุปให้สั้นๆ สำหรับคนที่กำลังหาข้อมูลการลดน้ำหนัก หรือคุมน้ำหนักให้ตนเองอยู่
ปากกาลดน้ำหนักมีมานานแค่ไหน
ปากกาลดน้ำหนักเริ่มมีอยู่ในตลาดยาประมาณทศวรรษที่ผ่านมา โดยเริ่มที่ต่างประเทศ ทางอเมริกา ยุโรปจะเป็นที่รู้จักและมีการใช้กันแพร่หลาย แต่ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมากในช่วง 5-10 ปีหลัง เนื่องจากเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนา ที่มุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีน้ำหนักเกิน
ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร?
ปากกาลดน้ำหนัก (Weight Loss Pen) เป็นอุปกรณ์ที่บรรจุยาในรูปแบบปากกา ใช้งานง่าย โดยทั่วไปแล้วมันเป็นฮอร์โมนกลุ่ม GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ที่จำเพาะเจาะจง เช่น Semaglutide หรือ Liraglutide ซึ่งใช้ในการรักษาภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
ปากกาลดน้ำหนักทำงานอย่างไร
ปากกาลดน้ำหนักทำงานโดยการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง ยากลุ่มนี้นี้มักทำงานโดยการ:
- การลดความอยากอาหาร: GLP-1 มีผลทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและกินน้อยลง โดยผลลัพธ์นี้เกิดจากการที่ฮอร์โมนกระตุ้นสมองทำให้รู้สึกอิ่ม
- ชะลอการเริ่มย่อยอาหารในท้อง: ยาจะชะลอการเคลื่อนไหวของอาหารจากกระเพาะอาหารไปยังลำไส้, ทำให้รู้สึกอิ่มยาวนานกว่า
- ควบคุมการผลิตกลูโคสของตับ: ยาช่วยลดระดับกลูโคสในเลือดโดยการเพิ่มความไวของเนื้อเยื่อต่างๆ ต่ออินซูลินและลดการผลิตกลูโคสของตับ
- เสริมสร้างการใช้พลังงาน: GLP-1 ยังสามารถเพิ่มการใช้พลังงานในร่างกาย ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก
การใช้ปากกาลดน้ำหนักจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและควบคุมดูแลจากแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยสูงสุด
ปากกาลดน้ำหนัก หรือปากกาคุมหิว เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่ที่มีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน: หรือมีดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30 ซึ่งถือว่ามีภาวะน้ำหนักเกิน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่างๆ: เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักและต้องการตัวช่วย: เพื่อประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่ต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ: ช่วยควบคุมความอยากอาหารและพฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม
- ผู้ที่ใช้วิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล: เช่น การใช้ยาลดน้ำหนักที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ผู้ที่ต้องการวิธีลดน้ำหนักอย่างปลอดภัย: ที่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่กลับมาโยโย่
เช็คเบื้องต้น ว่าปากกาคุมหิว เหมาะกับเราไหม
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน:
- ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน:
- ดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 27-29
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับน้ำหนัก เช่น:
- เบาหวาน
- ความดันโลหิตสูง
- ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ
- ภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับเนื่องจากการอุดกั้นทางเดินหายใจ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่มีนิสัยชอบกินจุกจิก กินไม่หยุด หิวบ่อย:
- และต้องการลดพฤติกรรมการกินเหล่านี้ให้น้อยลง
ปากกาลดความอ้วน Wegovy


Ozempic™ | Wegovy™ | |
---|---|---|
สารออกฤทธิ์: | Semaglutide | Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: | ฉีดใต้ผิวหนัง | ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: | 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม | 1 ปากกา (ขนาด 2.4 mg/1.5 ml) ต่อสัปดาห์ |
ขนาดยาที่ปรับได้: | 0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 2 mg | 0.25 mg, 0.5 mg, 1 mg, 1.7 mg, 2.4 mg |
ความถี่ในการฉีด: | อาทิตย์ละ 1 ครั้ง | อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: | – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าแบบปกติ – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่รบกวนการใช้ชีวิต หรืออ่อนเพลียง่าย – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้น้ำหนักกลับมาเหมือนเดิม – ผ่าน อย. | – ลดน้ำหนักได้ดีมากด้วยขนาดยา 2.4 mg – ใช้ขนาดยาสูงสุดต่อสัปดาห์ได้ – ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงด้านการลดน้ำหนัก – คุมหิว ลดภาวะอยากอาหาร – ผ่าน อย. มีงานวิจัย – ผลข้างเคียงคล้าย Ozempic (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน) |

ปากกาคุมหิว Saxenda VS Ozempic
Saxenda® | Ozempic™ |
---|---|
สารออกฤทธิ์: Liraglutide | สารออกฤทธิ์: Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง | รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: 5 ปากกา (แต่ละด้ามบรรจุ 3 ml) | ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม |
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.6mg, 1.2mg, 1.8mg, 2.4mg, 3.0mg | ขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg |
ความถี่ในการฉีด: ทุกวัน | ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็ว ปลอดภัย – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ | ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. มีผลวิจัยรองรับ |


ปากกาคุมผิว Trulicity VS Ozempic
Trulicity | Ozempic |
---|---|
สารออกฤทธิ์: Dulaglutide | สารออกฤทธิ์: Semaglutide |
รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง | รูปแบบการฉีด: ฉีดใต้ผิวหนัง |
ขนาดบรรจุ: 4 ด้าม (แต่ละด้ามบรรจุ 0.5 ml) | ขนาดบรรจุ: 1 ปากกา และ เข็มฉีดยาแบบใช้แล้วทิ้ง 4 เข็ม |
ขนาดยาที่ปรับได้: 0.75mg, 1.5mg | ขนาดยาที่ปรับได้: 0.25mg, 0.5mg, 1mg, 2mg |
ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง | ความถี่ในการฉีด: อาทิตย์ละ 1 ครั้ง |
ข้อดี: – ควบคุมความอยากอาหาร – ลดน้ำหนัก (โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง – ผลข้างเคียงน้อย – ผ่าน อย. ไทย | ข้อดี: – ลดน้ำหนักได้เร็วกว่าปกติถึง 3 เท่า – เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวเข็ม และไม่มีเวลา – คุมหิวได้ดี ลดการกินจุกจิก – ควบคุมน้ำหนักได้ดี ไม่โยโย่เอฟเฟค – ไม่มีอาการใจสั่น หรือนอนไม่หลับ – ทำให้อิ่มนาน ทานอาหารน้อยลง – หลังหยุดยา ไม่ทำให้อ้วนกว่าเดิม – ผ่าน อย. ไทย |
ปากกาลดความอ้วน Mounjaro VS Wegovy
Mounjaro (tirzepatide) | Wegovy (semaglutide) | |
---|---|---|
ปีที่ได้รับอนุมัติ Thai FDA | 31 กรกฎาคม 2567 | 3 สิงหาคม 2566 |
วิธีการใช้ | ฉีดสัปดาห์ละครั้ง | ฉีดสัปดาห์ละครั้ง |
ช่วงขนาดยา | 2.5 – 15.0 มก. | 0.25 – 2.4 มก. |
เป้าหมายของการออกฤทธิ์ | GLP-1 และ GIP | GLP-1 |
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย | คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องผูก อาเจียน | คลื่นไส้ ท้องเสีย อาเจียน ท้องผูก |
ผลลดน้ำหนักเฉลี่ย (*แล้วแต่บุคคล) | ลดน้ำหนักเฉลี่ย 22.5% หลัง 72 สัปดาห์ (ขนาด 15 มก.) | ลดน้ำหนักเฉลี่ย 14.9% หลัง 68 สัปดาห์ (ขนาด 2.4 มก.) |
ข้อควรระวัง ปากกาคุมหิว
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพื่อประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
- ไม่ใช่ยาลดน้ำหนักสำหรับทุกคน และควรใช้ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย
- อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่นๆ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางราย เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้
Dulaglutide, Semaglutide, Liraglutide เป็นยาในกลุ่ม GLP-1 receptor agonists เป็นยาที่ใช้รักษาเบาหวานและลดน้ำหนัก แต่ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นเดียวกับยาอื่นๆ โดยสรุปได้ดังนี้
ผลข้างเคียงที่พบบ่อย:
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย: เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด แต่อาจบรรเทาลงได้เมื่อร่างกายปรับตัว
- ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ: โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดน้ำตาลชนิดอื่นร่วมด้วย ควรสังเกตอาการ เช่น เหงื่อออก ใจสั่น หน้ามืด
ผลข้างเคียงที่รุนแรง (พบได้น้อย):
- ตับอ่อนอักเสบ: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ลิ้นปี่ร้าวไปหลัง
- มะเร็งไทรอยด์: ห้ามใช้หากมีประวัติส่วนตัวหรือครอบครัวเป็นมะเร็งชนิดนี้
- นิ่วในถุงน้ำดี: มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงขวาร้าวไปสะบักขวา
- ชีพจรเต้นเร็ว
- ไตวายเฉียบพลัน: พบได้น้อย มักเกิดในผู้ที่ขาดน้ำร่วมด้วย
- ภาวะเบาหวานขึ้นตาเลวลง: อาจทำให้ตาพร่ามัวหรือตาบอดได้
ข้อควรระวัง:
- ควรใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
- แจ้งแพทย์ หากมีอาการผิดปกติ
- ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์หรือเภสัชกร
ปากกาคุมหิว ราคาเท่าไหร่
ชื่อปากกาคุมหิว | ราคา (บาท) |
---|---|
Mounjaro | 25,000 |
Wegovy | 17,000 |
Ozempic | 17,000 |
Trulicity | 14,000 |



ตำแหน่งการฉีดปากกาคุมน้ำหนัก
ตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดได้แก่
- หน้าท้อง (Abdomen):
- บริเวณรอบ ๆ สะดือแต่ควรห่างจากสะดือประมาณ 2 นิ้ว
- หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่มีแผลหรือแผลเป็น
- ต้นขาด้านหน้า (Front of the Thighs):
- บริเวณกลาง ๆ ด้านหน้าและด้านข้างของต้นขา
- ควรเปลี่ยนจุดฉีดทุกครั้งเพื่อลดการด้านของเนื้อเยื่อ
- ต้นแขน (Upper Arm):
- ด้านหลังของต้นแขนเหนือข้อศอกถึงไหล่
- ต้องมีคนช่วยฉีดถ้าฉีดเองทำไม่ได้
ข้อห้าม
- ห้ามฉีดเข้าหลอดเลือดดำ (Intravenous):
- การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำไม่เหมาะสำหรับยาที่ออกแบบมาให้ใช้แบบ subcutaneous และอาจทำให้เกิดอันตรายได้
- ห้ามฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (Intramuscular):
- การฉีดเข้ากล้ามเนื้ออาจทำให้ยาไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการและอาจเกิดการเจ็บปวดหรือบาดเจ็บได้
การปฏิบัติที่ถูกต้อง
- ล้างมือก่อนและหลังการฉีดยา
- ใช้แอลกอฮอล์เช็ดบริเวณที่ต้องการฉีด
- ใช้เข็มที่สะอาดและปลอดเชื้อ (จำเป็นต้องใช้เข็มใหม่ทุกครั้ง)
- ฉีดยาในมุมที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์


ขั้นตอนการใช้ปากกาคุมหิว Ozempic
เตรียมปากกา
- อ่านฉลากเพื่อยืนยันว่าปากกาของคุณบรรจุ Ozempic®
- ตรวจสอบว่ายาในปากกามีลักษณะใสและไม่มีสี
ติดเข็มใหม่
- ฉีกกระดาษที่ปิดออก
- กดและหมุนเข็มจนแน่น
- ดึงฝาครอบเข็มทั้งสองฝาออก
ตรวจสอบว่ามีตัวยาไหลออกมา
- หมุนตัวเลือกปริมาณจนกว่าตัวนับปริมาณจะแสดงสัญลักษณ์ตรวจสอบการไหล
- กดปุ่มปริมาณค้างไว้จนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดง 0
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีหยดปรากฏที่ปลายเข็ม
เลือกปริมาณการปล่อยยา
- หมุนตัวเลือกปริมาณจนกระทั่งตัวนับปริมาณแสดงปริมาณที่คุณต้องฉีด (0.25 มก. หรือ 0.5 มก. สำหรับปากกาฉลากแดง, 1 มก. สำหรับปากกาฉลากน้ำเงิน และ 2 มก. สำหรับปากกาฉลากเหลือง)
ฉีดตัวยาเข้าร่างกาย
- สอดเข็มเข้าไปในผิวหนังของคุณ
- กดปุ่มปริมาณค้างไว้
- หลังจากตัวนับปริมาณแสดง 0 ให้ค่อยๆ นับถึง 6
- ถอนเข็มออกจากผิวหนังของคุณ
คำแนะนำหลังฉีด
- ถอนเข็มออกอย่างระมัดระวังและใส่ในภาชนะทิ้งของมีคม
- ใส่ฝาปิดปากกากลับที่ปากกา
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนัก
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของยา นี่คือวิธีการเก็บรักษาที่ถูกต้อง
- เก็บตัวยาฉีดที่ยังไม่ได้เปิดใช้:
- เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
- ห้ามเก็บตัวยาในช่องแช่แข็ง
- หลังจากเปิดใช้แล้ว:
- เก็บที่อุณหภูมิห้อง โดยควรเป็นอุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศาเซลเซียส
- ตัวยาจะมีอายุการใช้งาน 1 เดือนหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก
- คำแนะนำเพิ่มเติมในการเก็บรักษา:
- เก็บยาให้พ้นมือเด็ก
- ห้ามใช้ยานี้หากสารละลายขุ่นไม่ใสหรือมีสีปนเปื้อน
- สวมปลอกยาทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน
- ปากกาสำหรับฉีดแต่ละด้ามให้ใช้กับคนไข้บุคคลเดียวเท่านั้น ห้ามใช้ร่วมกับผู้อื่น แม้จะมีการเปลี่ยนหัวเข็มก็ตาม
การเก็บรักษาปากกาลดน้ำหนักตามคำแนะนำนี้จะช่วยให้ตัวยาสามารถคงคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาได้มากที่สุด
ปากกาลดน้ำหนักแบบฉีดรายสัปดาห์ พอครบเดือนแล้วอาจจะมียาเหลือ ฉีดต่อได้ค่ะ
- ในบางยี่ห้อของปากกาลดน้ำหนัก จะมีการเผื่อปริมาณยาไว้เล็กน้อยเพื่อชดเชยการ “ไล่อากาศ/ปล่อยยาทิ้งก่อนฉีด” จึงอาจทำให้ตัวยาเหลือได้ แต่บอกได้ยากว่าจะเหลือปริมาณเยอะแค่ไหน ทั้งนี้ขึ้นกับยี่ห้อและขนาดโดสที่คุณใช้อยู่ ไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะเหมือนกัน
- หากครบเดือนแล้วยังมียาเหลือ สามารถฉีดต่อได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อน พร้อมตรวจสอบว่าอยู่ในช่วง อายุการใช้งานหลังเปิด เก็บรักษาตามคำแนะนำ (เช่น อุณหภูมิ/การแช่เย็น) และไม่มีสัญญาณเสื่อมสภาพ หากไม่แน่ใจ ให้ติดต่อคลินิกเพื่อประเมินโดสรอบถัดไป ย้ำว่าอย่าเพิ่มหรือลดโดสเอง เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ สม่ำเสมอค่ะ
ใช่ค่ะ ปากกาลดน้ำหนักจำเป็นต้องแช่เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เพราะตัวยาที่อยู่ในปากกามักเป็นสารประเภทเปปไทด์หรือโปรตีน ซึ่งไวต่อความร้อนและแสง
สำหรับการเก็บรักษา แนะนำดังนี้ค่ะ
🔸 ปากกาที่ยังไม่ได้เปิดใช้: ต้องแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา ห้ามแช่ช่องฟรีซเด็ดขาด
🔸 ปากกาที่เปิดใช้แล้ว: ต้องแช่เย็นเช่นกัน และควรใช้ให้หมดภายใน 1 เดือน
🔸 ระหว่างพกพา: ใช้กระเป๋าเก็บความเย็นหรือกระติกน้ำแข็ง ไม่ควรทิ้งไว้ในรถหรือที่อุณหภูมิสูง
คนไข้ถามได้โดนใจหมอเหมือนกัน เพราะพอพูดถึงเรื่องน้ำตาล เชื่อว่าหลายคนคงปวดหัวไม่น้อย เพราะหันไปทางไหนก็มีแต่คำเตือนเต็มไปหมด ตั้งแต่หมอ พยาบาล ไปจนถึงบล็อกเกอร์สายสุขภาพต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ควรลดหวานนะคะ” ซึ่งความจริงแล้ว การรับประทานน้ำตาลไม่ใช่สิ่งผิด แต่ควรควบคุมปริมาณให้เหมาะสมกับร่างกายของเราเอง เพราะหากมากเกินไป ก็อาจเสี่ยงทำให้น้ำหนักขึ้น ระบบเผาผลาญรวน ร่างกายอักเสบนุ่นนี่นั่น หรืออาจกระทบต่อสุขภาพผิวและรูปร่างในระยะยาวได้ค่ะ
หมอคิดว่าข้อเสียของน้ำตาล ทุกคนพอทราบกันแล้ว ทีนี้ถ้าอยากสวยสุขภาพดีแบบองค์รวม แนะนำให้ได้รับปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 24-25 กรัมต่อวัน หรือประมาณ 6 ช้อนชา (อ้างอิงตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเลยนะ) ซึ่งตัวเลขนี้เป็นค่าเฉลี่ยทั่วไป เพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และอื่น ๆ
หลักการสำคัญของอาการปวดหลังจากน้ำหนักตัวมาก คือ กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลังต้องรับน้ำหนักเกินกว่าที่จะรับไหว ส่งผลให้เกิดแรงกดและการสึกหรอที่ข้อต่อกระดูก กล้ามเนื้อหลังและหน้าท้องก็จะอ่อนแอ ทำให้การทรงตัวเสียสมดุล จึงเกิดอาการปวดเมื่อย ปวดร้าว หรือจนถึงหมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วและเส้นประสาทถูกกดทับในที่สุดค่ะ
ต้นตอของน้ำหนักตัวมากเกิดจากอาหาร การขยับตัวน้อย พักผ่อนไม่พอ ความเครียด ยาบางอย่าง หรือปัญหาสุขภาพ การแก้ต้องเริ่มสังเกตตัวเอง ปรับอาหาร เพิ่มกิจกรรม จัดการความเครียดและตรวจสุขภาพบ้าง ค่อยๆ แก้ไปแต่ละสาเหตุ ความสม่ำเสมอและความเข้าใจตัวเองคือหัวใจของการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน
การเลือกวิธีลดน้ำหนักหรือกำจัดไขมันนั้น ไม่มีวิธีใดที่เหมาะกับทุกคน มันขึ้นอยู่กับเป้าหมายสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ และปัญหาสุขภาพแต่ละบุคคล หากคุณต้องการลดน้ำหนักทั้งร่างกายและปรับพฤติกรรมการกินไปพร้อมกัน “ปากกาลดน้ำหนัก” ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะไม่เพียงช่วยลดน้ำหนักโดยรวมและไขมันทั่วร่างกาย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพระยะยาว เมื่อต้องการเห็นผลเร็วและชัดในบางจุด เช่นหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา การดูดไขมันก็ช่วยแก้ไขส่วนเกินเฉพาะจุดได้ดี แต่ต้องเน้นว่า น้ำหนักโดยรวมอาจไม่เปลี่ยน และยังจำเป็นต้องควบคุมการกินและออกกำลังกายเหมือนเดิม
สำหรับคนที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนรุนแรงมาก บางเคสอาจเหมาะกับ “การผ่าตัดกระเพาะ (bariatric surgery)” ซึ่งเป็นการรักษาแบบมาตรฐานที่ใช้กับผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล การผ่าตัดจะช่วยลดน้ำหนักได้มากในระยะยาว พร้อมลดความเสี่ยงของโรคอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดัน แต่ต้องอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์และประเมินร่างกายอย่างละเอียด เพราะเป็นการรักษาที่มีความเสี่ยงและเปลี่ยนแปลงชีวิตพอสมควร หมอแนะนำให้มาปรึกษา พูดคุยกันก่อน เพื่อประเมินและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุดค่ะ
ปากกาคุมหิว กับปากกาลดน้ำหนัก จริงๆ แล้วคืออุปกรณ์ชนิดเดียวกันค่ะ เรียกอีกอย่างว่า ปากกา GLP-1 😊
ที่เรียกว่าปากกาคุมหิว เพราะยาในปากกาจะไปช่วยควบคุมความอยากอาหาร ทำให้อิ่มเร็วขึ้น ทานน้อยลง ส่วนที่เรียกว่าปากกาลดน้ำหนัก เพราะผลที่ตามมาจากการทานน้อยลง ก็คือน้ำหนักที่ลดลงนั่นเองค่ะ
สำหรับที่คลินิกเรามีให้บริการ 2 ยี่ห้อนะคะ คือ
- Ozempic (โอเซมปิค)
- Trulicity (ทรูลิซิตี้)
ทั้งสองยี่ห้อนี้ มีตัวยาที่ออกฤทธิ์คล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันที่ ความแรงของยา ความถี่ในการฉีด และ ราคา ค่ะ
ก่อนซื้อใช้ต้องปรึกษาหมอทุกครั้งค่ะ หมอเขาจะประเมินว่าแบบไหนจะเหมาะกับตัวเรามากที่สุด
การลดน้ำหนักเร็วเกินไป เช่น ลดมากกว่า 1 กิโลกรัมต่อสัปดาห์ หรือเกิน 5-10% ของน้ำหนักตัวใน 3–6 เดือน เสี่ยงทำให้ผมร่วงได้ เพราะร่างกายขาดสารอาหารสำคัญ แนะนำให้ลดช้าๆ แบบปลอดภัยและกินสารอาหารครบถ้วน เพื่อลดโอกาสผมร่วงค่ะ
การลดน้ำหนักอย่างเหมาะสมและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ หมอขอแนะนำทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ “ปากกาลดน้ำหนัก” ซึ่งเป็นวิธที่ช่วยคุมความอยากอาหารและเร่งการเผาผลาญ โดยไม่ต้องอดอาหารหรือ fasting รุนแรงจนร่างกายขาดสารอาหาร เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยที่เหมาะกับคนที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยและมีทีมแพทย์ดูแลใกล้ชิด
หากคนไข้อยากรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของปากกาลดน้ำหนักและวิธีใช้อย่างถูกต้อง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ โปรแกรมปากกาลดน้ำหนักของดีเลิฟเวอรี่คลินิก
น้ำหนักพุ่งพรวดพราด…ทั้งที่คุมอาหาร ออกกำลังกายตามสูตร แต่ทำไมน้ำหนักยังนิ่งหรือค่อยๆ ขึ้น แบบนี้มักไม่ใช่เรื่องวินัยอย่างเดียว แต่คือ “สัญญาณจากฮอร์โมน” ที่เสียสมดุล ฮอร์โมนเป็นตัวกำกับระบบเผาผลาญ ความหิว-อิ่ม การเก็บพลังงาน และการกระจายไขมัน เมื่อเสียสมดุล ร่างกายจะเผาผลาญช้าลง อ้วนง่าย และลดน้ำหนักยากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีวงจรฮอร์โมนละเอียดอ่อน จะยิ่งรู้สึกไวเป็นพิเศษ จุดที่อยากให้โฟกัสคือ: Leptin (ฮอร์โมนความอิ่ม—ดื้อเลปตินแล้วจะหิวไม่รู้จบ), Ghrelin (ฮอร์โมนความหิว—นอนน้อยหรือเครียดแล้วพุ่ง), Insulin (คุมน้ำตาล—ถ้าเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ไขมันจะสะสมง่าย), Cortisol (ฮอร์โมนความเครียด—ทำให้โหยของหวานและเก็บไขมันช่วงหน้าท้อง), Thyroid hormones (ไทรอยด์—เผาผลาญช้า มือเท้าเย็น ผมร่วง น้ำหนักขึ้นไว), และ Sex hormones อย่างเอสโตรเจน/โปรเจสเตอโรน (แปรปรวนช่วงรอบเดือน หลังคลอด หรือวัยทอง—เปลี่ยนแพทเทิร์นการสะสมไขมันโดยเฉพาะสะโพก-ต้นขาหรือหน้าท้อง)
คำแนะนำแบบคุณหมอ คือ ปรับ “ไลฟ์สไตล์” ก่อนเสมอ นอนให้พอเพื่อลด ghrelin และเพิ่ม leptin, กินแบบคุมน้ำตาลต่ำ-โปรตีนพอเพียงเพื่อช่วย insulin ทำงาน, จัดการความเครียดเพื่อลด cortisol, และตรวจเช็ก thyroid ถ้ามีอาการบ่งชี้ ส่วนช่วงฮอร์โมนเพศเหวี่ยง ให้เน้นแมกนีเซียม โอเมกา‑3 ใยอาหาร และเวทเทรนนิงช่วยรีคอมพ์ หากยังคุมน้ำหนักยาก แนะนำตรวจวิเคราะห์ฮอร์โมนและเมตาบอลิซึมอย่างเป็นระบบ แล้ววางแผนปรับสมดุลเฉพาะบุคคล ผลคือคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น รูปร่างกระชับขึ้น และที่สำคัญ—สุขภาพผิว พลังงาน และอารมณ์ก็ดีขึ้นตามไปด้วยค่ะ