การกดสิว คือ กระบวนการที่ใช้เครื่องมือหรือมือใด ๆ กดหรือบีบเอาสิ่งสกปรกออกจากรูขุมขนที่เกิดจากการสะสมของน้ำมันหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเกิดขึ้นในรูปแบบของสิวหรือสิวหัวดำ สิ่งนี้เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้รักษาสิว
ข้อดีของการกดสิว
- การล้างสิวหัวดำและสิวหัวขาว: ช่วยกำจัดสิวที่มีหัวที่ชัดเจนออกจากผิวหนัง ซึ่งช่วยลดโอกาสการติดเชื้อและการอักเสบ
- ทำความสะอาดรูขุมขน: การกดสิวช่วยล้างรูขุมขนที่อุดตัน ซึ่งสามารถลดการเกิดสิวใหม่ได้
- รูปลักษณ์ดีขึ้น: ช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนและสุขภาพดี
ข้อเสียของการกดสิวไม่ถูกวิธี
- การติดเชื้อ: ถ้ากดสิวไม่ถูกวิธีหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
- การเป็นแผลเป็น: กดสิวด้วยความแรงเกินไป หรือกดสิวที่ยังไม่พร้อม อาจทำให้เกิดแผลเป็นได้
- เกิดสิวเพิ่มเติม: การกดสิวอาจทำให้แบคทีเรียแพร่กระจายและทำให้เกิดสิวใหม่
- การอักเสบ: การกดสิวอาจทำให้ผิวหนังรอบ ๆ บริเวณนั้นเกิดการอักเสบ
กดสิว เหมาะกับสิวประเภทไหนมากที่สุด
การกดสิวเหมาะสำหรับสิวที่มีหัวขาวหรือหัวดำ ซึ่งมักจะเรียกว่า “สิวอุดตัน” (Comedonal Acne) ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่:
สิวหัวปิด (Whiteheads)
- สิวประเภทนี้เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่ปิดสนิท
- มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวหรือสีเหลืองอ่อน
- ไม่มีการอักเสบหรือเจ็บปวด
สิวหัวดำ (Blackheads)
- เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่เปิด
- หัวของสิวจะมีสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม
- เมื่อสัมผัสกับอากาศ ส่วนบนของสิวจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ทำให้มีสีคล้ำ
การกดสิวเหล่านี้ช่วยกำจัดสิ่งอุดตันออกจากรูขุมขนได้ค่อนข้างง่าย และมีความเสี่ยงต่ำในการเกิดการติดเชื้อหรือการอักเสบ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรกดสิวที่มีการอักเสบหรือสิวอักเสบ เช่น สิวหนอง หรือสิวผด เพราะอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็น
สิวเสี้ยน ควรกดออกไหม
ควรใช้วิธีการดูดด้วยสูญญากาศ มากกว่าการกด เพราะบริเวณที่กดลำบาก เสี่ยงต่อการเกิดแผล
ถ้าไม่กดสิว สิวจะหายไปเองไหม
โดยทั่วไปแล้ว สิวสามารถหายไปได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องกดหรือแกะเกา ระยะเวลาที่สิวจะหายนั้นขึ้นอยู่กับประเภทและความรุนแรงของสิว รวมถึงปัจจัยส่วนบุคคล เช่น อายุ ฮอร์โมน และพันธุกรรม แต่ถ้ามีความรุนแรงของสิว เรื้อรัง จำเป็นต้องมีการเคลียร์สิว หรือใช้การรักษาวิธีอื่นๆร่วมด้วย เพื่อลดปริมาณสิวหรือไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงที่มากขึ้น
- สิวอุดตัน (Whiteheads และ Blackheads) มักจะหายไปได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์
- สิวอักเสบ (สิวหนอง หรือ Papules และ Pustules) อาจใช้เวลานานกว่าในการหาย ประมาณ 4-8 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น
- สิวอักเสบรุนแรง (Nodules และ Cysts) อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนในการหายไป และอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้
กดสิวเอง ได้ไหม
ไม่แนะนำให้กดสิวด้วยมือตัวเอง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อผิวหนังได้หลายประการ ดังนี้
- การแพร่กระจายของแบคทีเรีย: มือที่ไม่สะอาดอาจมีแบคทีเรียและเชื้อโรค เมื่อกดสิว แบคทีเรียเหล่านี้อาจแพร่กระจายไปยังผิวหนังบริเวณอื่น ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น
- การอักเสบและการติดเชื้อ: การกดสิวอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้หากมีแบคทีเรียเข้าสู่แผล
- แผลเป็นและรอยดำ: การกดสิวอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อผิวหนัง ส่งผลให้เกิดแผลเป็นหรือรอยดำที่อาจคงอยู่เป็นเวลานาน
- ความเจ็บปวดและการระคายเคือง: การกดสิวอาจทำให้เกิดความเจ็บปวด ระคายเคือง และความไม่สบายผิว
- ประสิทธิภาพในการรักษาที่ลดลง: การกดสิวอาจขัดขวางกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย และอาจทำให้สิวหายช้าลง
กดสิวที่ไหนดี
การกดสิวในคลินิกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการกดสิวโดยเฉพาะมีข้อดีหลายประการเมื่อเทียบกับการกดสิวด้วยตนเอง ได้แก่
- ความปลอดภัยและสุขอนามัย: ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อและเทคนิคที่ถูกสุขอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- ความเชี่ยวชาญ: ผู้เชี่ยวชาญมีความรู้และประสบการณ์ในการระบุประเภทของสิวและใช้เทคนิคที่เหมาะสมในการกดสิวแต่ละประเภท ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดแผลเป็นและรอยดำ
- ความสะดวกสบายและประสิทธิภาพ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถกดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
- ลดการระคายเคืองและความเสียหายต่อผิว: เทคนิคที่ใช้โดยผู้เชี่ยวชาญช่วยลดการระคายเคืองและความเสียหายต่อผิวที่อาจเกิดขึ้นจากการกดสิวด้วยตนเอง
- คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ผู้เชี่ยวชาญสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวและการรักษาสิวที่เหมาะสมสำหรับสภาพผิวของคุณ ช่วยป้องกันการเกิดสิวในอนาคตและปรับปรุงสุขภาพผิวโดยรวม
สิว พูดเบาๆ ก็เจ็บ