“The secret to glowing skin is not a filter, it’s a science.”
เคยไหมคะที่อยากจะมีผิวสวยฉ่ำวาวแบบ “Glass Skin” ที่ดูสุขภาพดีจากภายใน แต่พอจะเลือกโปรแกรมก็สับสนไปหมด โดยเฉพาะเมื่อเจอผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม PN หรือ Polynucleotide ที่มีชื่อคล้ายๆ กันอย่าง Rejuran และ Plinest วันนี้หมอจะมาไขทุกข้อสงสัย เจาะลึกถึงแก่นของนวัตกรรมจากอิตาลีอย่าง Plinest ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร และแตกต่างจาก Rejuran ที่เราคุ้นเคยกันอย่างไร เพื่อให้คนไข้ได้พบกับคำตอบของการมีผิวสวยสุขภาพดีอย่างยั่งยืนค่ะ
Plinest คืออะไร? ฟื้นฟูผิวจากอิตาลีด้วย PN-HPT™

ทำความรู้จัก Polynucleotide (PN) พระเอกแห่งการฟื้นฟูผิว
Plinest (อ่านว่า พลีเนสท์) คือ Skin Booster ระดับพรีเมียมจากประเทศอิตาลี ที่มีส่วนประกอบหลักคือ Polynucleotide (PN) หรือชิ้นส่วน DNA บริสุทธิ์ที่สกัดมาจากปลาแซลมอนธรรมชาติ (Wild Salmon) ซึ่งมีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์อย่างมาก จึงมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและโอกาสการแพ้ที่ต่ำมากค่ะ
สิ่งที่ทำให้ Plinest มีความพิเศษและโดดเด่นคือการใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเฉพาะอย่าง PN-HPT™ (Polynucleotide Highly Purified Technology) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้ได้ PN ที่มีความบริสุทธิ์และเข้มข้นสูงมาก ทำให้เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวแล้วจะสามารถเข้าไปฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพได้ลึกถึงระดับ DNA เลยค่ะ
เปรียบเทียบ Plinest vs Rejuran ต่างกันอย่างไร?
ถึงแม้ว่าทั้ง Plinest และ Rejuran จะเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Polynucleotide (PN) เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างในรายละเอียดที่สำคัญนะคะ
- แหล่งที่มา Plinest สกัด PN มาจาก ปลาแซลมอนตามธรรมชาติ (Wild Salmon) ในขณะที่ Rejuran สกัดมาจาก ปลาแซลมอนที่เลี้ยงในฟาร์ม (Farmed Salmon)
- เทคโนโลยี Plinest ใช้เทคโนโลยี PN-HPT™ เพื่อให้ได้ PN ที่มีความบริสุทธิ์สูง ในขณะที่ Rejuran จะใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า DOT™ (DNA Optimizing Technology)
- ความเข้มข้นและรุ่นย่อย Plinest มีความเข้มข้นและรุ่นที่หลากหลายกว่า เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันได้อย่างตรงจุด เช่น
- Plinest มี PN เข้มข้นถึง 40 mg. เหมาะสำหรับฟื้นฟูผิวหน้า, ลำคอ และเนินอก ที่ต้องการการฟื้นฟูความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย
- Plinest FAST มี PN 15 mg. เนื้อเจลจะบางเบากว่า ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวบริเวณที่บอบบางโดยเฉพาะ เช่น ผิวใต้ตา, รอบดวงตา และรอบปาก
ด้วยความหลากหลายนี้ ทำให้หมอสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ “จำเพาะเจาะจง” กับปัญหาและบริเวณที่ทำการรักษาของคนไข้แต่ละคนได้ดีกว่าค่ะ
โปรแกรม | Plinest | Rejuran |
---|---|---|
ประโยชน์หลัก | ฟื้นฟูผิวแข็งแรง, ต้านการอักเสบ, ลดรอยแดง, ปรับปรุงผิวแพ้ง่าย | ฟื้นฟูและปรับสภาพผิวให้ละเอียด, ทำให้โทนสีผิวโดยรวมสว่างขึ้น |
เนื้อผลิตภัณฑ์ | โมเลกุลบริสุทธิ์สูง, ระคายเคืองต่ำ | เนื้อผลิตภัณฑ์ข้นกว่า, อาจรู้สึกตอนฉีดได้ชัดเจนกว่า |
บริเวณที่ฉีด | ทั่วใบหน้า + ใต้ตา + บริเวณที่มีแนวโน้มแดงง่าย | ทั่วใบหน้า (อาจมีอาการบวมเล็กน้อยหรือรอยฉีดได้) |
เหมาะสำหรับ | ผิวแพ้ง่าย, ผิวมีปัญหา rosacea, ผิวอ่อนล้า, การฟื้นฟูหลังเลเซอร์, เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย | สีผิวไม่สม่ำเสมอ, ผิวหมองคล้ำ, รูขุมขนกว้าง, ผู้ที่รับการพักฟื้นได้ |
การทำร่วมกับหัตถการอื่น | หลังทำเลเซอร์, การรักษาที่ทำให้เกิดแผล, ช่วยให้การฟื้นตัวสงบลง | ทำเดี่ยวๆ หรือร่วมกับการรักษาที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใส เช่น IPL ก็ได้ผลดี |
สรุป | การซ่อมแซมผิวระดับสูงสุด—เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและผู้ใช้ครั้งแรก | “รีบูต” ผิวของคุณ—เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการฟื้นฟูที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น |
รีวิวงานผิว Polynucleotide (PN)


โปรแกรม Plinest มีกี่รุ่น
คุณสมบัติ | Plinest | Plinest FAST |
---|---|---|
ปริมาณ PN | 40 mg / 1 Syringe | 15 mg / 1 Syringe |
บริเวณที่แนะนำ | ทั่วใบหน้า, ลำคอ, เนินอก (ผิวหนังชั้นลึก) | รอบดวงตา, เปลือกตา, รอบปาก (ผิวที่บอบบาง) |
ช่วยแก้ปัญหา | – ริ้วรอยเล็กและริ้วรอยลึก%%BR%%- หลุมสิวและรอยสิว%%BR%%- รูขุมขนกว้าง%%BR%%- ผิวไม่เรียบเนียน%%BR%%- ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น%%BR%%- ผิวอ่อนแอ โทรม%%BR%%- ผิวแห้งกร้าน%%BR%%- เตรียมผิวก่อนทำหัตถการอื่น | – ริ้วรอยเล็กและริ้วรอยลึก (โดยเฉพาะรอบดวงตา)%%BR%%- ฟื้นฟูผิวหนังรอบดวงตา เพิ่มความยืดหยุ่น%%BR%%- ลดรอยคล้ำใต้ดวงตา%%BR%%- ปรับสภาพผิวก่อนศัลยกรรมเปลือกตา%%BR%%- ส่งเสริมและกระตุ้นผมให้แข็งแรง หนาขึ้น%%BR%%- ริ้วรอยที่ริมฝีปาก |
เทคโนโลยี | PN-HPT™ (Polynucleotide Highly Purified Technology) | PN-HPT™ (Polynucleotide Highly Purified Technology) |
ระยะเวลาเห็นผล | 2-3 เดือน | 2-3 เดือน |
กลไกการทำงาน 5 ขั้นตอนของ PN-HPT™
เทคโนโลยี PN-HPT™ ใน Plinest เข้าไปฟื้นฟูผิวของเราอย่างเป็นระบบ ผ่านกลไกการทำงาน 5 ขั้นตอนสำคัญดังนี้ค่ะ
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของ Fibroblast เข้าไปปลุกเซลล์ Fibroblast ซึ่งเป็นโรงงานผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวของเราให้กลับมาทำงานอย่างแข็งขันอีกครั้ง
- ปรับสภาพแวดล้อมให้ Fibroblast ทำงานได้ดี PN-HPT™ จะช่วยปรับสภาวะแวดล้อมในชั้นผิวให้เหมาะสม ทำให้เซลล์ Fibroblast สามารถทำงานและเคลื่อนที่ไปซ่อมแซมส่วนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- กระตุ้นการสร้าง Collagen และ Elastin กระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ พร้อมจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Fibronectin กระตุ้นการสร้าง Fibronectin ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เหมือน “กาว” ยึดเหนี่ยวคอลลาเจนและโครงสร้างผิวเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น
- ช่วยซ่อมแซมผิวและสร้างเซลล์ผิวใหม่ เข้าไปซ่อมแซม DNA ของเซลล์ที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่อ่อนเยาว์และมีคุณภาพดี ทำให้ผิวโดยรวมดูเด็กลงและสุขภาพดีขึ้นค่ะ

ฉีด Plinest บริเวณไหนได้บ้าง และช่วยแก้ปัญหาอะไร?
ด้วยความที่มีรุ่นย่อยให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ทำให้ Plinest สามารถดูแลผิวได้อย่างครอบคลุมหลากหลายบริเวณเลยค่ะ
- ผิวใต้ตา (Plinest FAST) เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา ขอบตาดำคล้ำ ริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา หรือผิวใต้ตาที่บางมากๆ การฉีด Plinest FAST จะช่วยฟื้นฟูให้ผิวใต้ตาหนาและแข็งแรงขึ้น ทำให้รอยคล้ำและริ้วรอยดูจางลง
- ริ้วรอยรอบปากและลำคอ (Plinest FAST/Plinest) ช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณรอบปากและลำคอที่มักจะเหี่ยวย่นได้ง่ายให้กลับมาเรียบเนียนและกระชับขึ้น
- บริเวณแก้มและทั่วใบหน้า (Plinest) สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม เพิ่มความยืดหยุ่น ลดรูขุมขนกว้าง ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์
- ริ้วรอยหน้าผาก (Plinest) ช่วยลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ บนหน้าผากที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิว
- ผิวบริเวณเนินอก (Plinest) สามารถฟื้นฟูผิวบริเวณเนินอกที่มักจะถูกละเลย ให้กลับมาเต่งตึงและเรียบเนียนได้ค่ะ
Plinest กับ Profhilo แตกต่างกันอย่างไร?
อีกหนึ่งโปรแกรมที่คนไข้มักจะถามถึงคือ Profhilo ซึ่งต้องบอกว่ามีเป้าหมายการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ Profhilo จะเน้นการเติม “ความชุ่มชื้น” เป็นหลัก เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีปัญหา ผิวแห้ง ขาดน้ำ ในขณะที่ Plinest จะเน้นการ “ฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างผิว” เพื่อแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยและริ้วรอยที่เกิดจากวัยค่ะ
คุณสมบัติ | Plinest | Rejuran | Profhilo |
---|---|---|---|
สารออกฤทธิ์หลัก | Polynucleotide (PN) | Polynucleotide (PN) | Hybrid Hyaluronic Acid (HA) |
จุดเด่น/กลไกหลัก | ซ่อมแซม ฟื้นฟูโครงสร้างผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนลึกถึงระดับ DNA | ซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดการอักเสบ | เติมความชุ่มชื้น เพิ่มความอิ่มฟู ฉ่ำวาว เหมือนเติมน้ำให้ผิว |
เทคโนโลยีเด่น | PN-HPT™ (มีความบริสุทธิ์และเข้มข้นสูง) | DOT™ | NAHYCO™ (การรวมตัวของ HA โมเลกุลใหญ่และเล็ก) |
ประเทศผู้ผลิต | อิตาลี | เกาหลีใต้ | อิตาลี |
เหมาะกับปัญหาผิว | – ผิวบาง ขาดความยืดหยุ่น%%BR%%- ริ้วรอยเล็กๆ (โดยเฉพาะใต้ตา)%%BR%%- ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวระยะยาว | – รอยแผลเป็นจากสิว%%BR%%- ลดการอักเสบ รอยแดง%%BR%%- กระชับรูขุมขน | – ผิวแห้ง ขาดน้ำ%%BR%%- ผิวขาดความอิ่มฟู ไม่สดใส%%BR%%- ต้องการความฉ่ำวาวแบบ Glass Skin |
บริเวณที่แนะนำ | ทั่วใบหน้า, ใต้ตา, รอบปาก, ลำคอ, เนินอก | ทั่วใบหน้า, เน้นบริเวณที่มีปัญหาหลุมสิวหรือรูขุมขน | ทั่วใบหน้าและลำคอ (ฉีดตามจุด BAP Technique) |
ความรู้สึกตอนฉีด | เจ็บเล็กน้อย (มียาชาช่วย) | เจ็บกว่าตัวอื่น (มียาชาช่วย) | เจ็บน้อยกว่า (มียาชาช่วย) |
ผลลัพธ์ | ผิวแข็งแรงขึ้น หนาขึ้น ริ้วรอยจางลง ผลลัพธ์ค่อยเป็นค่อยไป | ผิวเรียบเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับ รอยสิวจางลง | ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ฉ่ำวาวขึ้น เห็นผลค่อนข้างเร็ว |
อย. ไทย | ผ่านการรับรอง | ผ่านการรับรอง | ผ่านการรับรอง |
4 ข้อควรรู้ ก่อนตัดสินใจทำโปรแกรม Plinest
1. โปรแกรม Plinest เจ็บไหม?
ความรู้สึกระหว่างทำจะเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ คล้ายๆ มดกัดตอนเดินยาเข้าผิวหนัง ซึ่งก่อนทำจะมีการแปะยาชาเฉพาะที่ให้ก่อนเสมอ นอกจากนี้ยังสามารถใช้เทคนิคการฉีดสมัยใหม่ที่ช่วยลดจำนวนเข็มลงได้ ทำให้คนไข้จะรู้สึกสบายผิวมากขึ้นตลอดการทำหัตถการค่ะ
2. ใช้เวลาทำนานไหม?
โปรแกรม Plinest เป็นหัตถการที่ใช้เวลาไม่นานเลยค่ะ โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 15-20 นาที ต่อครั้งเท่านั้น (ไม่รวมเวลาแปะยาชา) จึงสะดวกและรวดเร็ว ไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันแน่นอนค่ะ
3. ควรฉีดกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวที่ชัดเจนและยาวนาน หมอแนะนำให้ทำต่อเนื่องดังนี้ค่ะ
- เพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม: แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างกันประมาณ 3-4 สัปดาห์
- เพื่อรักษาหลุมสิว: อาจจะต้องใช้ปริมาณยาที่มากขึ้น โดยแนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง แต่ใช้ครั้งละ 2 กล่อง (4 cc) โดยเว้นระยะห่างประมาณ 4 สัปดาห์ ค่ะ
ใครบ้างที่ยังไม่เหมาะกับการฉีด Plinest?
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด คนไข้ควรแจ้งให้หมอทราบก่อนทำการรักษาทุกครั้ง หากมีภาวะหรือโรคประจำตัวเหล่านี้ค่ะ
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติ แพ้ปลาแซลมอน หรือเคยมีอาการ แพ้อย่างรุนแรง (Anaphylaxis)
- สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร ยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่เพียงพอ จึงควรหลีกเลี่ยงไปก่อนค่ะ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง หากบริเวณที่จะทำการรักษามีการ อักเสบ หรือติดเชื้อ อยู่ ควรเลื่อนการรักษาออกไปก่อนจนกว่าผิวจะหายดี
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด
- โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเลือด หรือกำลังทาน ยาที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด (เช่น แอสไพริน, วาร์ฟาริน)
- โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) หรือโรคพุ่มพวง (SLE)
- ผู้ป่วยมะเร็ง ที่กำลังอยู่ในระหว่างการรักษา
- ผู้ป่วยเบาหวาน ที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
- ผู้ที่รับการรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน


อาการที่อาจพบได้หลังฉีด Plinest (และวิธีรับมือ)
หลังการฉีด คนไข้อาจพบอาการบางอย่างได้ ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของผิวหนังและ สามารถหายได้เองภายใน 5-10 วัน ไม่จำเป็นต้องกังวลนะคะ
- รอยแดง หรือรอยช้ำ อาจมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเป็นจุดเล็กๆ ในบริเวณที่ฉีดได้
- อาการบวม ผิวบริเวณที่ฉีดอาจมีอาการบวมเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
- ตุ่มนูนจากรอยเข็ม อาจมีตุ่มนูนเล็กๆ คล้ายตุ่มยุงกัดในบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะค่อยๆ ยุบและหายไปเองภายใน 12-24 ชั่วโมงค่ะ
วิธีดูแลเบื้องต้น: หากมีอาการบวมหรือช้ำ สามารถใช้การ ประคบเย็น บริเวณดังกล่าวได้ จะช่วยให้อาการดีขึ้นเร็วขึ้นค่ะ แต่หากคนไข้มีอาการผิดปกติที่รุนแรงกว่านี้ เช่น มีอาการปวดมาก บวมแดงร้อน หรือมีลักษณะคล้ายการติดเชื้อ ควรรีบติดต่อคลินิกเพื่อปรึกษาหมอทันทีนะคะ
การดูแลตัวเองหลังฉีด Plinest เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การดูแลตัวเองหลังฉีดก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะคะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด หมอแนะนำให้ปฏิบัติตามนี้ค่ะ
- งดสัมผัสบริเวณที่ฉีด หลังฉีดอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง ควรงดการสัมผัส แกะ เกา และ งดการแต่งหน้า เพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่รอยเข็มเล็กๆ บนผิวค่ะ
- หลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดจัด ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรง และงดกิจกรรมที่ทำให้หน้าโดนความร้อนนานๆ เช่น ซาวน่า, อบไอน้ำ หรือแช่น้ำร้อน เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- งดการออกกำลังกายหนัก เว้นการออกกำลังกายหนักๆ ที่ทำให้เหงื่อออกมากไปก่อน ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ค่ะ
- ห้ามนวดหน้า สำคัญมากคือห้ามนวด กด หรือขยี้ บริเวณที่ฉีดอย่างเด็ดขาดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ตัวยาได้ทำงานอย่างเต็มที่ในตำแหน่งที่หมอวางไว้ และป้องกันการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นได้ค่ะ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยส่งเสริมให้ผิวฟูและชุ่มชื้น ทำให้การทำงานของ Plinest มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นค่ะ
Plinest ราคาเท่าไหร่
โปรแกรม | ปริมาณ | ราคา (บาท) |
---|---|---|
Plinest FAST (PN 15 mg) | 2 cc | 16,900 |
Plinest (PN 40 mg) | 2 cc | 25,000 |
ตอนฉีด Plinest อาจจะรู้สึกหน่วงๆ หรือแสบผิวนิดหน่อยตอนยาเดินได้บ้างค่ะ เป็นอาการปกติของตัวยาประเภทนี้ Polynucleotide (PN) แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ก่อนทำเราจะมีการแปะยาชาให้ประมาณ 30-45 นาที และใช้เข็มขนาดเล็กมากเพื่อช่วยลดความรู้สึกเจ็บให้น้อยที่สุดค่ะ ส่วนใหญ่จะทนได้สบายๆ เลยค่ะ หลังทำอาการแสบก็จะหายไปเองค่ะ
โดยปกติแล้ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์การฟื้นฟูผิวที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและยาวนาน หมอจะแนะนำให้ทำต่อเนื่องเป็นคอร์สประมาณ 3 ครั้งค่ะ แต่ละครั้งจะเว้นระยะห่างกันประมาณ 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้เวลาน้อง PN หรือ Polynucleotides ที่เราส่งเข้าไปได้ทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ ลองนึกภาพตามนะคะว่าสารสกัด PN บริสุทธิ์จาก DNA ปลาแซลมอน ปลาเทราต์นี้ เค้าเปรียบเสมือน “อาหารผิว” ที่ลงไปช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ และกระตุ้นให้เซลล์ใหม่ๆ ที่แข็งแรงเกิดขึ้นมาแทนที่ พอเราเติมอาหารผิวดีๆ เข้าไปอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรก ผิวของเราก็จะค่อยๆ ถูกปลุกให้กลับมาสดใสและแข็งแรงจากภายในสู่ภายนอกค่ะ
ผลลัพธ์ในแต่ละครั้งจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับขั้นเหมือนการบำรุงผิวเลยค่ะ
- หลังทำครั้งที่ 1: คนไข้ส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกได้ทันทีว่าผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มฟู และดูกระชับขึ้น เหมือนผิวที่เคยอ่อนล้ากลับมาสดชื่นค่ะ
- หลังทำครั้งที่ 2: ผลลัพธ์จะชัดเจนยิ่งขึ้น ผิวจะดูเรียบเนียนละเอียดขึ้น พวกรอยเล็กๆ หรือริ้วรอยตื้นๆ จะแลดูจางลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ และจะเริ่มสังเกตได้ว่าผิวโดยรวมดูกระจ่างใส มีออร่ามากขึ้น
- หลังทำครั้งที่ 3: ในครั้งนี้จะเป็นการเติมเต็มและคงผลลัพธ์ให้อยู่กับเราไปนานๆ ผิวจะดูเฟิร์มแน่นกระชับ สุขภาพดีจากภายใน ทำให้ใบหน้าโดยรวมของเราดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
ยอมรับว่าหมอเพิ่งเคยถูกถามแบบนี้เป็นครั้งแรกเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคนไข้ไปรับข้อมูลนี้จากที่ไหนอย่างไร แต่หมอสรุปและอธิบายให้ประมาณนี้ค่ะ อย่างแรกที่ต้องรู้คือ ครีมและเลเซอร์ ทำงานต่างกัน ต่างชั้นผิวกัน
ตามหลักการแพทย์ ครีมบำรุงผิวทั่วไปไม่สามารถซึมลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้ อย่างมากที่สุดจะทำงานที่ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เท่านั้น เพราะในชั้นหนังกำพร้ามีเกราะไขมัน (lipid barrier) ที่ช่วยปกป้องผิวและทำให้สารต่างๆ ซึมลึกได้จำกัด
แต่ Pico laser นี่ต่างออกไป เพราะเลเซอร์ตัวนี้ลงได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (dermis) เพื่อจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น รอยดำฝังลึก ฝ้า หรือกระลึกได้เร็วกว่า
ดังนั้น ถ้าคนไข้มีปัญหาชัดเจนที่ต้องรีบเห็นผล เช่น จุดด่างดำ ฝ้า หรือรอยสิว เลเซอร์จะให้ผลลัพธ์เร็วกว่าแน่นอนค่ะ แต่ถ้าแค่บำรุงผิวพื้นฐาน ไม่มีปัญหาอะไร ฉะนั้นการใช้ครีมอย่างต่อเนื่องก็เพียงพอแล้ว แต่การใช้ครีมควบคู่กับการทำเลเซอร์จะช่วยฟื้นฟูผิวและให้ผลลัพธ์ดีขึ้นในระยะยาว
ทีนี้กลับมาที่คำถาม ทำ pico laser ครั้งเดียว ดีกว่าทาครีมทั้งเดือนจริงไหม ถ้าเรื่องลดเม็ดสี อาจจะดีกว่า แต่เรื่องชุ่มชื้น อาจจะด้อยกว่า ส่วนการทาครีมดีกว่าเรื่องบำรุง ชุ่มชื้น แต่จะด้อยกว่าเรื่องลดรอยจุดด่างดำ
ดังนั้นการเทียบแบบนี้ไม่ได้มีนัยสำคัญในการรักษา ทั้งคู่ ต้องการทำอย่างต่อเนื่อง ถูกรอยโรค ถูกเวลา เหมาะสมตามปัญหาที่คนไข้มี และหมอมองว่าทั้งคู่จำเป็นและสำคัญต่อผิวมากในยุคนี้ค่ะ
- Plinest ประกอบด้วยสาร Polynucleotides (PN-HPT™) เข้มข้น 40mg/2ml แนะนำสำหรับการป้องกันริ้วรอย และช่วยรักษาสภาพผิวให้แลดูอ่อนเยาว์ เช่น ใบหน้า ลำคอ และเนินอก อีกทั้งยังเหมาะสำหรับการปรับผิวบริเวณที่มีพังผืดหนาแน่น เช่น รอยแผลจากการเป็นสิว
- Plinest Fast ประกอบด้วยสาร Polynucleotides (PN-HPT™) เข้มข้น 15mg/2ml เหมาะสำหรับการปรับผิวรอบดวงตา ผิวบอบบาง และผิวที่มีแนวโน้มแพ้ง่าย อีกทั้งยังสามารถใช้ได้ในผิวบริเวณอื่น เช่น ลำคอ และเนินอก
- Plinest Eyes *ไม่มีรายงานการผ่าน อย. ประเทศไทย
- Plinest Hair *ไม่มีรายงานการผ่าน อย. ประเทศไทย
Plinest คือผลิตภัณฑ์ที่มีสารสำคัญอย่าง Polynucleotides สกัดจาก DNA ของปลาเทราต์ ซึ่งได้รับการพัฒนาจากประเทศอิตาลีด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า HPT™ (Highly Purified Technology) ซึ่งกล่าวว่ามีความเข้มข้นของ DNA ที่สูงกว่า Salmon โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย และเสริมสร้างผิวให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ ผลิตภัณฑ์นี้ช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิวอย่างล้ำลึกและช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและโทนสีผิวให้ดูสุขภาพดีขึ้น
ใครๆ ก็อยากมีผิวหน้าฉ่ำวาว ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องพึ่งแอปแต่งภาพ หรือแต่งหน้าหนาๆ เพื่อปกปิดจุดบกพร่อง ยิ่งในวันที่ต้องการโชว์หน้าสดอย่างมั่นใจ ผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส ช่วยเสริมความมั่นใจได้อย่างมาก ซึ่งสารสำคัญอย่าง Hyaluronic Acid, Polynucleotide, Glutathione และอื่นๆ ในปัจจุบัน ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการฟื้นฟูและบำรุงผิวพรรณในเชิงลึก ช่วยให้สาวๆ และหนุ่มๆ สามารถมีผิวดีได้จริงอย่างยาวนาน
ที่ D’ Lovevery Clinic เรามีผลิตภัณฑ์และโปรแกรมดูแลผิวหลากหลาย โดยคุณหมอผู้มีประสบการณ์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคนโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการเติมความชุ่มชื้น การฟื้นฟูสภาพผิว หรือการลดริ้วรอยแห่งวัย เผยผิวสุขภาพดีและเปล่งประกายมั่นใจในทุกๆ วัน
ใช่เลยค่ะ เป็นเทคนิคการฉีด เวลาฉีด Rejuran ซึ่งก็คือสารสกัดจาก Polynucleotide (PN) มันจะถูกวางไว้ใต้ผิวหนังชั้นตื้นๆ (ชั้น Dermis) เพื่อช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนี้ก็คือสารที่ฉีดเข้าไปจะเหมือนเป็น “น้ำ” กองใต้ผิวเป็นตุ่มๆ ชั่วคราว ตุ่มเหล่านี้จะหายไปเอง เพราะร่างกายจะค่อยๆ กระจายตัวยาให้ซึมเข้าสู่ผิว
ดังนั้น การที่หน้าเป็นตุ่มจึงไม่ใช่อาการผิดปกติ แต่เป็น “ปกติ” ของกระบวนการฟื้นฟูค่ะ เช่นเดียวกับโปรแกรม Skin Booster ตัวอื่นๆค่ะ
จำนวนครั้งค่อนข้างตอบได้ยาก เพราะผิวแต่ละคนที่มาก็แตกต่างกัน บางคนผิวแห้ง ขาดการบำรุงมานานมาก อาจจะใช้ปริมาณตัวยา และจำนวนครั้งที่ต่อเนื่องมากกว่า แต่ถ้าสุขภาพผิวดี ต้องการบำรุงให้ดีขึ้นอีก แบบนี้อาจจะใช้จำนวนครั้งรักษาที่น้อยกว่า ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคลลเป็นหลักค่ะ
Rejuran ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล
- ฉีดครั้งที่ 1 จะเริ่มรู้สึกได้ว่าผิวนุ่ม และเรียบเนียนขึ้น หลังฉีด 3-7 วัน
- ฉีดครั้งที่ 2 ริ้วรอยตื้นขึ้น ผิวเต่งตึง รูขุมขนกระชับ หลังฉีด 2 สัปดาห์ – 1 เดือน
- ฉีดครั้งที่ 3 จะรู้สึกว่าผิวแข็งแรงขึ้น ตึงกระชับ ผิวใสเปล่งประกาย
- ฉีดครั้งที่ 4 ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ ผิวไร้ริ้วรอย ชุ่มฉ่ำเต่งตึงได้ชัดเจนขึ้น