รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา












ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อย่างแรกที่เราต้องพิจารณาคือ การเลือกแพทย์ผู้รักษา ควรเลือกแพทย์หรือคลินิกที่มีประสบการณ์และได้รับการแนะนำจากคนรู้จัก หรือเห็นหน้า รู้ประวัติ รู้ชื่อ และตรวจสอบใบอนุญาตได้ เพราะต่อให้เลือกฟิลเลอร์ที่แพงที่สุด หรือดีที่สุด ก็จะเกิดปัญหาตามมาได้ค่ะ หลังจากนั้นค่อยตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ใช้มีใบรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาอะไร
หมอจะขอเรียงตามลำดับความนิยม จากประสบการณ์ของหมอเองตลอด 10 ปี ว่าปัญหาใต้ตานั้นมีอะไรบ้าง
ใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ดูตาโหล มีอายุกว่าปกติ

ตัวอย่างเคส ร่องหัวตาลึก คล้ำ ไม่เรียบเนียน

ตัวอย่างเคส ฟิลเลอร์เก็บถุงใต้ตา

โดยปัญหานี้เกิดจากการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวด้านใต้ตา จากการเสียเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ การใช้เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม และการสูบบุหรี่ อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาใต้ตาลึก เบ้าตาลึก ตาโหล เป็นปัญหาอันดับ 1 เพราะไม่สามารถปกปิด หรือแก้ไขได้ด้วยการใช้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ทดแทนได้ ต้องแก้ปัญหาด้วยการเติมเต็มเท่านั้น

ใต้ตาคล้ำ ขอบตาคล้ำ ดูเป็นหมีแพนด้า
หมอขอยกให้ปัญหานี้ตามมาเป็นอันดับ 2 เพราะสามารถเป็นกันได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกช่วงอายุ การแก้ไขใต้ตาคล้ำและขอบตาดำโดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในผิวหนังของบริเวณดังกล่าว เมื่อฟิลเลอร์ได้ถูกเติมเต็มแล้ว ผิวใต้ตาจะดูสว่างขึ้นและมีการลดร่องรอยของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดลงได้ ซึ่งจะช่วยให้ใต้ตาดูสดใสและสม่ำเสมอ โดยผลกระทบจากแสงได้ถูกกระจายทั่วถึงได้ดีขึ้น นอกจากนั้นฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนัง ทำให้ผิวหนังดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้นด้วย

ถุงใต้ตา ดูใต้ตามี 2 ชั้น ผิวใต้ตาหย่อนคล้อย
ปัญหานี้มักเกิดกับผู้ที่อายุมาก ส่วนใหญ่ที่หมอพบมากที่สุดคือเกิน 55 ปีขึ้นไป การเติมฟิลเลอร์ถือเป็นทางออก ทางเลือกแรกที่จะทำให้ใต้ตากลับมาเรียบเนียน และดูเป็นธรรมชาติได้ แต่ต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลไป เพราะถ้ามีปัญหาเยอะมากๆ การผ่าตัดถุงใต้ตา อาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า ถ้าใครยังไม่มั่นใจว่าถุงใต้ตาของตัวเองนั้นเหมาะกับการรักษาด้วยฟิลเลอร์หรือไม่ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้ทุกวัน หรือส่งภาพมาประเมินก่อนได้ค่ะ

ฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือใต้ตาหย่อนคล้อย จะทำให้เกิดการพยุงรอบตาและเสริมโครงสร้างผิวที่อ่อนแรง ซึ่งจะทำให้สามารถลดการพองตัวของผิวได้ และทำให้ถุงใต้ตาดูกระชับขึ้น นอกจากนี้ การเติมฟิลเลอร์ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูสมบูรณ์และกระชับมากยิ่งขึ้น

ใต้ตาเป็นเส้นๆ ริ้วๆ ขีดๆ รอยย่น ผิวเหี่ยว
ปัญหาใต้ตาลักษณะนี้ หมอสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ แต่ฟิลเลอร์จะได้เปรียบตรงที่จะอยู่ได้นานกว่า และได้ความชุ่มชื้นได้มากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มฟิลเลอร์ที่มีลักษณะเจลเนื้อละเอียดคล้ายน้ำ อย่าง Restylane Vital Light, Juvederm Volite, Belotero Revive
โดยปกติแล้ว ผิวใต้ตามีความบางเบาและมีเส้นเลือดฝอยอยู่ ส่งผลให้เกิดริ้วรอยใต้ตาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ อายุของผู้หญิงที่มากขึ้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผิวเหี่ยวย่น แต่ด้วยการใช้ฟิลเลอร์สารเติมเต็มที่มี Hyaluronic acid ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำขึ้น และยังช่วยกระชับผิวใต้ตาได้อีกด้วย ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบันมีฟิลเลอร์สำหรับงานผิว Skin Booster ตัวอื่นๆให้ใช้ในการรักษาหลากหลายมากขึ้น
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- มันเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังรักษา สามารถเห็นความแตกต่างระหว่าง ก่อน และ หลังรักษาได้ชัดเจน ไม่ต้องรอผลลัพธ์เหมือนหัตการอื่นๆ
- ไม่เจ็บ หรือใช้ความอดทนระหว่างการรักษา เพราะไม่ใช่การผ่าตัด ใต้ตาใช้การรักษาเพียง 20-30 นาทีก็แล้วเสร็จ ไม่ต้องพักฟื้น หรือลางาน
- ฟิลเลอร์ยุคใหม่ ปลอดภัยและอยู่ได้นานขึ้น เฉลี่ยตอนนี้อยู่ได้นานสุงสุด 2 ปี และค่อยๆสลายได้เองเมื่อครบกำหนด
ฟิลเลอร์ใต้ตา เหมาะสำหรับใคร?
รีวิวฉีดฟิเลอร์ใต้ตา ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ลดอายุ

ตัวอย่างเคสที่อยากให้ใต้ตาสดใสสดชื่น

ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหน ที่เหมาะกับการฉีดใต้ตา
ฟิลเลอร์ที่จะเหมาะกับการเติมใต้ตา จะต้องมีคุณสมบัติเนื้อละเอียด บางเบา เนื้อเจล ไม่แข็งเกินไป หรือหากจะต้องใช้เนื้อแข็ง ก็จะต้องเป็นการฉีดชั้นลึกสุดของผิว เพื่อให้ผิวด้านบนเป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เป็นก้อน เป็นลำหลังรักษา แพทย์ที่มีประสบการณ์สูงจะไม่พลาดเรื่องการเลือกเนื้อเจลให้กับคนไข้ค่ะ ส่วนยี่ห้อไหนดี หมอสรุปให้ดังนี้
- Juvederm Voluma – เนื้อเจลฟิลเลอร์แข็งระดับกลาง พร้อมกับความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำดีมาก
- Juvederm Volite – เนื้อเจลละเอียดเหมาะสำหรับคนผิวบาง ปัญหาไม่ลึกมาก เน้นความชุ่มฉ่ำให้ใต้ตา
- Juvederm Volux – เนื้อเจลของฟิลเลอร์ระดับแข็ง แต่มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการฉีดเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
- Restylane Defyne – เนื้อเจลแข็งโดยประมาณ มีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้ดี ช่วยให้ผิวใต้ตาเรียบเนียนสม่ำเสมอ
- Restylane Vital Light – เนื้อละเอียดมากที่สุดของยี่ห้อนี้ เหมาะสำหรับผิวบางมาก เจลใกล้เคียงน้ำมากที่สุด เน้นฉ่ำ เรียบเนียนขั้นสุด
- Restylane Vital – เนื้อเจลละเอียดเกลี่ยง่าย เหมาะสำหรับการเก็บรายละเอียด สำหรับเคสที่ปัญหาไม่เยอะมาก
- Restylane Classic – เนื้อแข็งเก็บรายละเอียดใต้ตาในผิวชั้นลึก โดดเด่นในการรักษาความสม่ำเสมอของผิว
- Belotero Volume – เนื้อแข็งที่สุดของยี่ห้อนี้ มีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการเสริมกระดูกใต้ตาชั้นลึก
- Belotero Soft – เนื้อละเอียดมากที่สุดของยี่ห้อนี้ มีลักษณะการสูญเสียวัสดุน้อยคุณภาพสูง ช่วยให้ผิวชั้นบนสุดดูสวยและเป็นธรรมชาติ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องใช้กี่ CC

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสำหรับแก้ปัญหาถุงใต้ตาหรือตาลึกโหล จะต้องใช้ปริมาณ 1-2 cc หรือมากกว่า ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละราย
- คล้ำ + ลึก ใช้ฟิลเลอร์ 1-2cc
- เน้นเรียบเนียน ปรับสีผิวใต้ตา 1cc ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด
- แก้ปัญหาถุงใต้ตา 2-3cc เนื้อเจลขึ้นอยู่กับปัญหาและการประเมินของแพทย์
ตารางแสดงปัญหาใต้ตาและแนวทางการรักษา
ปัญหาใต้ตา | ศัลยกรรม | หมายเหตุ |
---|---|---|
ริ้วรอยเล็กน้อย, ผิวขาดความชุ่มชื้น | ไม่จำเป็น | ฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ |
ร่องใต้ตาลึก, รอยคล้ำใต้ตาจากเงา | ไม่จำเป็น | ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและลดรอยคล้ำจากเงา |
ถุงใต้ตา, ไขมันใต้ตาเยอะ | ผ่าตัดกำจัดถุงใต้ตา | ฟิลเลอร์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาถุงใต้ตาได้ ต้องผ่าตัดเท่านั้น |
หนังตาตก, หย่อนคล้อย | ศัลยกรรมดึงหนังตา | ฟิลเลอร์ไม่สามารถยกกระชับหนังตาได้ ต้องผ่าตัดเท่านั้น |
รอยคล้ำใต้ตาจากเม็ดสีผิว | เลเซอร์, ทรีตเมนต์เฉพาะทาง | ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม |
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาคงอยู่ของฟิลเลอร์และประสิทธิภาพอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ปัจจัยทางพันธุกรรม และเทคนิคการฉีดของแพทย์ ตารางต่อไปนี้จึงเป็นข้อมูลทั่วไปเพื่อการเปรียบเทียบเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้บริการ
รุ่นฟิลเลอร์ | จุดเด่น | ระยะเวลาคงอยู่ (โดยประมาณ) | ข้อควรระวัง | เหมาะสำหรับ |
---|---|---|---|---|
Restylane (e.g., Restylane Refyne, Restylane Defyne) | เนื้อเนียนนุ่ม กระจายตัวได้ดี ลดเลือนริ้วรอยได้ดี | 6-12 เดือน | อาจเกิดรอยเขียวช้ำเล็กน้อย | ริ้วรอยตื้นๆ ร่องลึกเล็กน้อย ใต้ตาที่มีความหย่อนคล้อยน้อย |
Restylane Vital | เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยเล็กๆ | 6-9 เดือน | อาจเกิดรอยเขียวช้ำเล็กน้อย | ปรับสภาพผิวใต้ตาให้เรียบเนียน ชุ่มชื้นขึ้น |
Restylane Vital Light | เนื้อบางเบา อ่อนโยนต่อผิวบอบบาง เพิ่มความชุ่มชื้น | 6-9 เดือน | อาจเกิดรอยเขียวช้ำเล็กน้อย | ผิวใต้ตาแห้งมาก แพ้ง่าย ต้องการฟื้นฟูผิว |
Juvéderm (e.g., Juvéderm Volbella XC) | ความยืดหยุ่นสูง ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น | 6-12 เดือน | อาจมีอาการบวมหรือแดงในช่วงแรก | ใต้ตาที่ต้องการความอ่อนโยน ต้องการเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้น |
Belotero Balance | เนื้อบางเบา กระจายตัวได้ดีเยี่ยม ดูเป็นธรรมชาติมาก | 6-9 เดือน | อาจเกิดอาการบวมหรือแดงน้อย แต่หายเร็ว | ใต้ตาที่มีริ้วรอยตื้นๆ ไม่ต้องการการยกกระชับมาก |
Teosyal PureSense Redensity II | ออกแบบเฉพาะสำหรับบริเวณใต้ตา ช่วยลดเลือนรอยคล้ำและริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น | 6-9 เดือน | ควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ | ใต้ตาที่มีรอยคล้ำ ริ้วรอย และต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น |
หมายเหตุ:
- ระยะเวลาคงอยู่เป็นเพียงค่าประมาณ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
- ผลิตภัณฑ์แต่ละยี่ห้อมีหลายรุ่น ซึ่งคุณสมบัติและระยะเวลาคงอยู่จะแตกต่างกันไป
- การเลือกใช้ฟิลเลอร์ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล
- ตารางนี้ไม่ได้เป็นการรับรองหรือแนะนำผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง

ฉีดไขมันใต้ตา หรือฉีดฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ตารางเปรียบเทียบการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาและการเติมไขมันใต้ตา
คุณสมบัติ | ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา | เติมไขมันใต้ตา |
---|---|---|
ระยะเวลาในการทำ | สั้น (ประมาณ 15-30 นาที) | นานกว่า (ประมาณ 1-2 ชั่วโมง) |
ระยะเวลาพักฟื้น | น้อยกว่า (1-2 วัน) | นานกว่า (7-14 วัน) |
ความเจ็บปวด | น้อยมาก (อาจมีการใช้ยาฉา) | ปานกลาง (มีการใช้ยาชา) |
ผลลัพธ์ | เห็นผลทันที | เห็นผลเต็มที่ภายใน 2-3 เดือน |
ระยะเวลาคงอยู่ | 6-18 เดือน | นานกว่า (หลายปี) |
ความเป็นธรรมชาติ | ⭐⭐⭐⭐ | ⭐⭐⭐⭐ |
ค่าใช้จ่าย | ⭐⭐ | ⭐⭐⭐ |
อาการบวมช้ำ | น้อย หลังทำทันทีอาจจะมีเล็กน้อย | มีมากกว่า โดยเฉพาะหลังทำทันที – 3 วันแรก |
การแก้ไข | ง่ายกว่า (สามารถใช้สารสลายฟิลเลอร์ได้) | ทำได้ยาก เซลล์ไขมันยังไม่มีตัวยาสลายแบบเฉพาะเจาะจง |
หมายเหตุ: ระดับความเป็นธรรมชาติและค่าใช้จ่ายเป็นค่าโดยประมาณและอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลและสถานพยาบาล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของคุณ
ใต้ตาหมองคล้ำ รักษายังไงได้บ้าง
นอกจากฟิลเลอร์ที่จะช่วยเติมเต็มให้ผิวใต้ตาดูตื้นขึ้น สดใสขึ้น ยังมีโปรแกรมอื่นๆที่สามารถช่วยได้ ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมลดริ้วรอยและความหมองคล้ำใต้ตา
โปรแกรม | กลไกการทำงาน | ผลลัพธ์ที่คาดหวัง | ข้อดี | ข้อเสีย | ระยะเวลาเห็นผล | ระยะเวลาคงอยู่ |
---|---|---|---|---|---|---|
Filorga NCTF | ฉีดสารประกอบวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน สารต้านอนุมูลอิสระ และไฮยาลูโรนิกแอซิด | บำรุงผิว ลดริ้วรอยเล็กๆ ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ชุ่มชื้น | ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลเร็ว | ผลลัพธ์ไม่เด่นชัดมากนักเมื่อเทียบกับวิธีอื่น อาจต้องทำซ้ำหลายครั้ง | 1-2 สัปดาห์ | 3-6 เดือน |
Ultracol | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | เพิ่มความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย ร่องลึก | เห็นผลเร็ว | อาจมีอาการบวมช้ำได้ | 1-2 เดือน | 10-18 เดือน |
AesTheFill | เติมเต็มด้วยสารเติมเต็มผิว | ลดริ้วรอย ร่องลึก เติมเต็มใต้ตา | เห็นผลเร็ว | อาจมีอาการบวมช้ำได้ | ทันที | 12-24 เดือน |
เลเซอร์ | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน | ลดริ้วรอยเล็กๆ รอยแดง รอยดำ | ไม่ต้องพักฟื้นมาก | ผลลัพธ์อาจไม่เด่นชัดเท่าการฉีด | ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ | ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ |
หมายเหตุ: ตารางนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไหร่
สิ่งแรกที่จะต้องทราบคือ ฟิลเลอร์ มีทั้งฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงาน กระทรวงสาธารณะสุข และฟิลเลอร์ปลอม ที่ทำมาลอกเลียนแบบ หมอขอพูดถึงราคาเฉพาะฟิลเลอร์แท้ ที่ผ่านการรับรองเท่านั้น ดีเลิฟเวอรี่คลินิกให้บริการฟิลเลอร์ของแท้ทุกกล่อง ตรวจสอบได้ และมีการแกะกล่องต่อหน้าทุกเคส

รุ่น | ราคา |
---|---|
Juvederm Voluma | 18,000.-/cc |
Juvederm Volite | 18,000.-/cc |
Juvederm Volux | 18,000.-/cc |
Restylane Defyne | 15,000.-/cc |
Restylane Vital Light | 15,000.-/cc |
Restylane Classic | 15,000.-/cc |
Restylane Vital | 15,000.-/cc |
Belotero Volume | 12,900.-/cc |
Belotero Soft | 12,900.-/cc |
ข้อควรระวัง ฟิลเลอร์แท้ และให้บริการโดยแพทย์ตัวจริง ราคาจะต้องไม่ถูกจนน่าตกใจ
หมอต้าร์ แพทย์ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก
ขั้นตอนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก
- ส่งรูปปัญหาผิวบริเวณใต้ตา แจ้งปัญหาที่กังวลมาประเมินกับหมอต้าร์โดยตรงได้ที่ช่องแชท หรือมาปรึกษาที่คลินิกดีที่สุด
- นัดวัน เวลา รับบริการ
- หมอให้ตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ก่อนฉีดทุกครั้ง (สำคัญคนไข้ต้องดูแกะกล่องไปพร้อมๆหมอ)
- ฟิลเลอร์บางรุ่นมียาชา แต่บางรุ่นไม่มี ถ้าอยากสบายหน้าต้องเผื่อเวลามาแปะยาชา 40 นาทีก่อนรับบริการค่ะ
- รับการรักษา ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที *ตามประมาณฟิลเลอร์และปัญหาแต่ละเคส
- เห็นความแตกต่าง จากภาพก่อนทำ หลังทำทันที
- รับคำแนะนำ ข้อปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์จากแพทย์และเจ้าหน้าที่
- ติดตามผลในวันรุ่งขึ้น ติดตามอาการและให้คำแนะนำเพิ่มเติม
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เตรียมตัวอย่างไร
- ปรึกษาแพทย์: สำคัญที่สุด เพื่อประเมินความเหมาะสม ตรวจสอบประวัติสุขภาพ และเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
- งดวิตามิน/ยา: เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน น้ำมันปลา วิตามินอี อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีด เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
- งดดื่มแอลกอฮอล์: อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีด
- แจ้งแพทย์: หากมีโรคประจำตัว ภูมิแพ้ หรือตั้งครรภ์/ให้นมบุตร
- ทำความสะอาดใบหน้า: ก่อนเข้ารับการฉีด หากมีการแต่งหน้ามา เจ้าหน้าที่จะมีการทำความสะอาดตามจุดที่เหมาะสม
- พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายพร้อม
หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
- ประคบเย็นหรือทานยาตามที่แพทย์จ่าย: เพื่อลดบวมและช้ำ
- งดแต่งหน้า: อย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- นอนหนุนหมอนสูง: 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยง: การกด/นวดบริเวณที่ฉีด, ความร้อนจัด (เช่น อบซาวน่า), ออกกำลังกายหนักที่มีการกระแทกใบหน้าบริเวณที่ฉีด เช่นชกมวย อื่นๆที่มีการปะทะ, แอลกอฮอล์ 2-3 วัน
- ดื่มน้ำเยอะๆ: ช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่
- หากมีอาการผิดปกติ: เช่น บวมมาก ปวดมาก ช้ำมาก หรือมีอาการอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์ทันที
“Facial Harmony Filler” ไม่ใช่เทคนิคที่เป็นความลับหรือมีใครเป็นเจ้าของค่ะ แต่มันคือ “ปรัชญา” และ “ศิลปะ” ในการปรับรูปหน้า ที่เปลี่ยนมุมมองจากการ “เติมเป็นจุดๆ” มาเป็นการ “ปั้นและออกแบบใบหน้าแบบองค์รวม” ค่ะ หัวใจสำคัญคือการที่แพทย์ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุและสร้างความสมดุลให้ทุกส่วนประกอบบนใบหน้าดูกลมกลืนกัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ใช่แค่การเติมเต็มส่วนที่ขาด แต่คือการ คืนความอ่อนเยาว์ สร้างมิติที่สวยงาม และดึงความงามในแบบที่เป็นธรรมชาติที่สุดของคนไข้ ออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการย้ำเตือนให้คนไข้เข้าใจว่า การฉีดฟิลเลอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่ใครก็ฉีดได้ แต่ต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของแพทย์อย่างแท้จริงค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายมีความแตกต่างจากผู้หญิงอย่างชัดเจนในเรื่องของเป้าหมายและเทคนิคค่ะ สำหรับผู้ชายจะเน้นการฉีดเพื่อเสริมสร้างความคมชัดของกรอบหน้า (Masculinization) เช่น การทำให้หน้าผากดูกว้างและตรง, สร้างสันจมูกให้คม, เพิ่มความกว้างและความเหลี่ยมของคาง, และสร้างแนวกรามให้คมชัดเป็นสัน เพื่อส่งเสริมโครงสร้างที่ดูแข็งแรงตามแบบผู้ชาย ในขณะที่ การฉีดในผู้หญิงจะเน้นการสร้างความโค้งมน อ่อนหวาน (Feminization) เช่น การทำให้หน้าผากโหนกนูน, สร้างโหนกแก้มให้ดูอิ่มเอิบ, ทำให้คางเรียวเป็น V-shape และปั้นปากให้อวบอิ่มสวยงามค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในบริเวณอื่นๆ เช่น ใต้ตาและร่องแก้ม เทคนิคและเป้าหมายจะมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างใต้ผิวหนังเหมือนกัน เป้าหมายหลักจึงเป็นการ “เติมเต็ม” เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกและความโทรมให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่ทั้งนี้ แพทย์จะยังคงพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละเพศ และใช้เทคนิคการเกลี่ยที่พิถีพิถัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและส่งเสริมเอกลักษณ์ของคนไข้แต่ละคนได้ดีที่สุดค่ะ
ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย รวมถึงฟิลเลอร์ ที่เป็นกล่องๆ ที่ผ่าน อย. แบบที่เราคุ้นเคยกันนั้นจะค่อย ๆ สลายตัวเองตามกระบวนการปกติของร่างกายค่ะ โดยมีเอนไซม์มาค่อย ๆ ย่อยสลายฟิลเลอร์จนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กมาก ๆ สุดท้ายจะถูกดูดซึมและขับออกจากร่างกายไปตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับของเสียอื่น ๆ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีการตกค้างเป็นอันตราย หรือไหลไปสะสมที่อื่นแน่นอนค่ะ
คนไข้หลายคนเข้าใจว่าตอนแรกฟิลเลอร์มีลักษณะเป็น “เจล” เพราะคลินิกต้องเอาหลอดฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีดอยู่แล้ว และสุดท้ายก็กลายเป็นน้ำ “ถูกขับออกจากร่างกายไป” อันนี้ก็ต้องบอกว่าถูกต้องเหมือนกันค่ะ แต่หมอขอขยายส่วนที่บอกว่ากลายเป็น “น้ำ” นิดนึงค่ะ
จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ HA ไม่ได้สลายตัวกลายเป็น “น้ำ” (H₂O) โดยตรงค่ะ แต่กระบวนการที่ถูกต้องคือ
- จากเจลสู่โมเลกุลน้ำตาล: เอนไซม์ในร่างกายจะย่อยสลายเนื้อเจลของฟิลเลอร์ ให้กลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายอยู่ในรูปของ “โมเลกุลน้ำตาล” ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสาร Hyaluronic Acid ค่ะ
- ร่างกายนำไปใช้และขับออก: หลังจากนั้น ร่างกายก็จะดูดซึมโมเลกุลน้ำตาลเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือ ขับออกตามกระบวนการขับของเสียปกติของร่างกาย ซึ่งก็คือผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อนั่นเองค่ะ
ดังนั้น ที่คนไข้เข้าใจว่ามันกลายเป็นของเหลวแล้วถูกขับออกนั้นถูกต้องเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้เป๊ะๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็คือ จากเจล กลายเป็นน้ำตาล แล้วจึงถูกขับออก นั่นเองค่ะ
มีอะไรสงสัยถามหมอได้อีกเลยนะคะ ยินดีตอบเสมอค่ะ
หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ
เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ
การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ
สวัสดีค่ะ D’Lovevery Clinic ยินดีให้บริการค่ะ 😊
ไม่ทราบว่าสนใจสอบถามข้อมูลฟิลเลอร์ JUVEDERM ตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทุกโมเลกุลราคาเดียวเลยค่ะ
- 1 cc ราคา 18,000 บาท
- 2 cc ราคา 30,000 บาท
- 3 cc ราคา 39,000 บาท
สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนได้นะคะ หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม ถามแอดมินได้เลยค่า
อาการเป็นก้อนแข็งหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ เช่น
- เทคนิคการฉีด: อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือวางในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ฉีดเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อแทนชั้นไขมันที่ถูกต้อง
- การเลือกชนิดฟิลเลอร์: การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งเกินไปสำหรับบริเวณผิวใต้ตาที่บอบบาง
- การกระจายตัวของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์อาจกระจายตัวได้ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนค่ะ
- การตอบสนองของร่างกาย: ในบางกรณีอาจเกิดจากการแพ้ การติดเชื้อ หรือการอักเสบหลังฉีดได้เช่นกันค่ะ
ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก 80% คนไข้ที่มาสลายหรือแก้ไข ซักประวัติอย่างละเอียดแล้วมักพบว่าไม่ได้ฉีดกับแพทย์ มักเป็นการฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ จนทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะคนไข้กลุ่มอายุเกิน 50 ขึ้นไป เป็นสารเหลว ที่อยู่ถาวรมานานเป็นสิบๆปี ไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลาย ต้องผ่าตัดเท่านั้นค่ะ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ ราคา 5,000-10,000 บาท *ตามจำนวนจุด
ขูดฟิลเลอร์ (ใบหน้า) ราคา 30,000-50,000 *ตามปัญหาของแต่ละบุคคล
ปัญหาขอบตาคล้ำและใต้ตาลึกถือเป็นหนึ่งในปัญหายอดฮิตของคนวัยทำงานและสาว ๆ หลาย ๆ คน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกรรมพันธุ์ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่โครงสร้างผิวที่เริ่มบางลงเมื่ออายุมากขึ้น ปัจจุบันทางการแพทย์มีทางเลือกในการแก้ไขอยู่มากมาย ทั้งแบบแก้ด่วนและฟื้นฟูระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์และความรวดเร็วที่ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน กลุ่มฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีหลังฉีด เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนลุคในเวลาอันสั้น รองลงมาคือเมโสใต้ตาที่ช่วยให้ผิวใต้ตาสว่างกระจ่างใสในไม่กี่วัน ขณะที่เลเซอร์และ กลุ่มไหมน้ำ จะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและชัดเจนในระยะยาว ดังนั้นการเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงควรขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนและความต้องการที่ชัดเจนค่ะ หมอทำข้อมูลเพิ่มเติมให้ด้านล่างนะคะ