รีวิวฟิลเลอร์ Ultra V Hyal Filler





ฟิลเลอร์ Hybrid ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
บวมน้อย ขึ้นรูปได้ดี
ปรับรูปหน้าราคาไม่สูง
สวยละมุนมีความยืดหยุ่น
สลายตัวได้ช้ากว่า
Ultra V Hyal Filler คืออะไร
ผลิตด้วยเทคโนโลยี R Square ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์เป็นแบบ Multi layered ทำให้ฉีดง่าย เจ็บน้อย
ทำให้ผลลัพธ์อยู่นานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป ผ่านการรองรับ FDA ไทยและเกาหลี

Hyal Filler ปลอดภัยผลิตในโรงงานที่ได้รับมาตรฐานจากหลายประเทศทั่วโลก ผ่านการรับรอง
จาก KFDA , CE และ ได้รับอนุณาตขึ้นทะเบียนเครื่องมือแพทย์จากกองควบคุมเครื่องมือแพทย์
สำนักคณะกรรมการอาหารและยากระทรวงสาธารณสุข เนื้อเจลของ Hyal Filler มีความชุ่มชื่นสูง
ซึ่งช่วยลดโอกาส การบวมตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด และทำให้ผลลัพท์มีความแม่นยำ
Monophasic
ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มอย่างมีมิติ เพิ่มวอลลุ่มให้กับผิวในจุดที่เติมได้มากขึ้น
Biphasic
เพิ่มความยืดหยุ่นของฟิลเลอร์ให้หลังเติมแล้วดูเป็นธรรมชาติ

Ultra V Hyal Filler ดีไหม
จุดเด่นของฟิลเลอร์รุ่นนี้มีอะไรบ้าง
- ฟิลเลอร์ตัวแรกที่ผสมโมเลกุล 2 ชนิด
- ปลอดภัย ผ่านการรับรอง อย.ไทย
- เนื้อยึดเกาะดี คงรูปได้ดี และเรียบเนียนดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อมีความชุ่มชื้นสูง ทำให้ช่วยลดอาการบวมหลังการฉีด เห็นผลลัพธ์จริงหลังฉีดทันที
- มียาชาในตัว ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
- เข็มรูปแบบพิเศษ ผนังบาง ช่วยลดอาการบาดเจ็บ และการบวมหลังฉีด
Ultra V Hyal Filler ฉีดตรงไหนได้บ้าง

Ultra V Hyal Filler มีกี่รุ่น
มีทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ดังนี้

HYAL FINE
เหมาะกับ ใต้ตา เนื้อปาก ร่องแก้ม

HYAL MEDIUM
เหมาะกับ หน้าผาก ร่องแก้ม ปาก

HYAL HARD
เหมาะกับ ขมับ หน้าผาก แก้ม กรอบหน้า คาง
ULTRA V HYAL FILLER เปรียบเทียบแต่ละรุ่น
คุณสมบัติ | Fine | Medium | Hard |
---|---|---|---|
ส่วนประกอบ | Cross-linked HA | Cross-linked HA | Cross-linked HA |
ความเข้มข้น HA | 20mg/ml | 20mg/ml | 20mg/ml |
ค่า G’ | 200-250 pa | 600-700 pa | 700-800 pa |
ขนาดอนุภาค | 80 µm | 300 µm | 800 µm |
ความแน่น | ●●○○ (ปานกลางค่อนข้างนิ่ม) | ●●●○ (ค่อนข้างแน่น) | ●●●● (แน่นมาก) |
ปริมาณ Lidocaine | 0.3% | 0.3% | 0.3% |
จุดประสงค์การใช้งาน | แก้ไขริ้วรอย | แก้ไขริ้วรอยลึก | เพิ่มปริมาตรและปรับรูปหน้า |
ระยะเวลาอยู่นาน | 6-8 เดือน | 8-16 เดือน | 16-24 เดือน |
คำอธิบายเพิ่มเติม:
- ค่า G’ คือค่าที่แสดงความแข็งของฟิลเลอร์ ยิ่งสูงยิ่งแข็ง
- ขนาดอนุภาคที่ใหญ่ขึ้นเหมาะสำหรับการเพิ่มปริมาตรและการปรับโครงสร้าง
- ระยะเวลาอยู่ตัวจะแตกต่างกันตามความเข้มข้นและการใช้งาน





ฉีด Hyal Filler ที่ไหนดี

การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ โดยมีเหตุผลหลักๆ ที่ควรพิจารณา ดังนี้
- แพทย์ผู้มีประสบการณ์: ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ เพราะแพทย์ที่มีความรู้และประสบการณ์จะสามารถประเมินใบหน้าและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ รวมถึงสามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- เทคนิคและวิธีการฉีด: ควรเลือกคลินิกที่ใช้เทคนิคและวิธีการฉีดฟิลเลอร์ที่ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง
- ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้: ควรเลือกคลินิกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีการทดสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
- มาตรฐานความปลอดภัย: ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุมการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการฉีดฟิลเลอร์จะดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ
- การบริการและการดูแลหลังการรักษา: ควรเลือกคลินิกที่มีการบริการที่ดี มีการให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างละเอียดก่อนการรักษา และมีการดูแลติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้รับบริการจะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและปลอดภัย
- ราคาไม่ควรถูกเกินจริง: ควรตรวจสอบ หลีกเลี่ยงฟิลเลอร์ที่มีราคาถูกจนน่าตกใจ ซึ่งอาจจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ หมดอายุ จะส่งผลต่อความปอดภัยต่อผู้เข้ารับบริการ
แท้ ได้คุณภาพ ปลอดภัยทุกกล่อง
ฉีดฟิลเลอร์ที่นี่
สบายใจทุกยี่ห้อ
ฟิลเลอร์แท้ อย. ทุกกล่อง
แกะกล่องต่อหน้าทุกเคส
แจ้งราคาชัดเจน
ตรวจสอบชื่อแพทย์ได้

การเตรียมตัวก่อนฉีด Hyal Filler
การฉีด HA Filler เป็นวิธีการเสริมความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวสวย แก้ไขริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า และเพิ่มความอวบอิ่มให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจฉีด HA Filler ควรมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้การฉีดเป็นไปอย่างปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฉีด HA Filler เพื่อประเมินสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับชนิดของ HA Filler ที่เหมาะสม ปริมาณที่ควรฉีด และบริเวณที่ควรฉีด รวมถึงอธิบายถึงขั้นตอนการฉีด ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการดูแลหลังการฉีดอย่างละเอียด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัว: ก่อนการฉีด HA Filler ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวทั้งหมดให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อให้แพทย์สามารถพิจารณาความเหมาะสมในการฉีด HA Filler และหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์อาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรงดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือดและทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการฉีด HA Filler ได้ ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์เกี่ยวกับยาที่กำลังรับประทานอยู่ทั้งหมด และควรหยุดใช้ยาที่แพทย์สั่งให้หยุดใช้ก่อนการฉีด HA Filler
- เตรียมตัวในวันฉีด: ในวันฉีด HA Filler ควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้สะอาด งดแต่งหน้าและทาครีมบำรุงผิวบริเวณที่จะฉีด ควรสวมเสื้อผ้าที่หลวมสบายและสามารถถอดได้ง่าย เพื่อให้แพทย์สามารถเข้าถึงบริเวณที่จะฉีดได้อย่างสะดวก

การดูแลหลังฉีด Hyal Filler
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดโดยตรงในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการกระจายตัวของ HA Filler
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวของ HA Filler และการเกิดภาวะแทรกซ้อน
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังฉีด HA Filler เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำมากขึ้น
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: หากแพทย์สั่งยาใดๆ ให้รับประทานตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดอาการบวมและช้ำ และป้องกันการติดเชื้อ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์: ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เช่น การนัดหมายติดตามผลการรักษา การดูแลรักษาบริเวณที่ฉีด และการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน
Ultra V Hyal Filler ราคาเท่าไหร่
ฟิลเลอร์ที่ได้คุณภาพ เก็บรักษาได้มาตรฐาน นำเข้าถูกต้อง ควรมีราคาอยู่ที่ 8,000-9,000 บาท/CC

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
เมื่อคลินิกความงามมีให้เลือกมากมาย สิ่งสำคัญคือต้องเลือกด้วยวิจารณญาณ ไม่หลงกับกับดักราคาถูกหรือโปรโมชั่นล่อใจ เพราะความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด การเสียเวลาศึกษาข้อมูลและตรวจสอบมาตรฐานคลินิกย่อมคุ้มค่ากว่าการต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจผิดพลาด อ่านบทความ การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียด ได้ที่นี่
มาตรฐานสถานพยาบาลที่จะฉีดฟิลเลอร์
- ต้องเป็นคลินิกที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาลอย่างถูกต้อง
- มีการแสดงใบอนุญาตและใบประกอบวิชาชีพของแพทย์อย่างชัดเจน
- มีมาตรฐานด้านความสะอาดและความปลอดภัย
คุณสมบัติแพทย์ผู้ทำหัตถการฟิลเลอร์
- ต้องเป็นแพทย์ที่ได้รับการรับรองและมีความเชี่ยวชาญด้านความงาม
- มีประสบการณ์การฉีดฟิลเลอร์โดยเฉพาะ
- ควรมีผลงานที่สามารถตรวจสอบได้
วิธีการตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์
- สามารถตรวจสอบใบอนุญาตคลินิกผ่านเว็บไซต์กองกฎหมาย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- สอบถามประวัติและประสบการณ์ของแพทย์ได้
- มีการให้คำปรึกษาและประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ


การฉีดฟิลเลอร์ในผู้ชายมีความแตกต่างจากผู้หญิงอย่างชัดเจนในเรื่องของเป้าหมายและเทคนิคค่ะ สำหรับผู้ชายจะเน้นการฉีดเพื่อเสริมสร้างความคมชัดของกรอบหน้า (Masculinization) เช่น การทำให้หน้าผากดูกว้างและตรง, สร้างสันจมูกให้คม, เพิ่มความกว้างและความเหลี่ยมของคาง, และสร้างแนวกรามให้คมชัดเป็นสัน เพื่อส่งเสริมโครงสร้างที่ดูแข็งแรงตามแบบผู้ชาย ในขณะที่ การฉีดในผู้หญิงจะเน้นการสร้างความโค้งมน อ่อนหวาน (Feminization) เช่น การทำให้หน้าผากโหนกนูน, สร้างโหนกแก้มให้ดูอิ่มเอิบ, ทำให้คางเรียวเป็น V-shape และปั้นปากให้อวบอิ่มสวยงามค่ะ
อย่างไรก็ตาม ในบริเวณอื่นๆ เช่น ใต้ตาและร่องแก้ม เทคนิคและเป้าหมายจะมีความคล้ายคลึงกัน เนื่องจากปัญหาเกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างใต้ผิวหนังเหมือนกัน เป้าหมายหลักจึงเป็นการ “เติมเต็ม” เพื่อแก้ปัญหาร่องลึกและความโทรมให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น แต่ทั้งนี้ แพทย์จะยังคงพิจารณาปริมาณฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับโครงสร้างใบหน้าของแต่ละเพศ และใช้เทคนิคการเกลี่ยที่พิถีพิถัน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและส่งเสริมเอกลักษณ์ของคนไข้แต่ละคนได้ดีที่สุดค่ะ
ฟิลเลอร์ประเภท Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีในร่างกาย รวมถึงฟิลเลอร์ ที่เป็นกล่องๆ ที่ผ่าน อย. แบบที่เราคุ้นเคยกันนั้นจะค่อย ๆ สลายตัวเองตามกระบวนการปกติของร่างกายค่ะ โดยมีเอนไซม์มาค่อย ๆ ย่อยสลายฟิลเลอร์จนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กมาก ๆ สุดท้ายจะถูกดูดซึมและขับออกจากร่างกายไปตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับของเสียอื่น ๆ จึงมั่นใจได้ว่า ไม่มีการตกค้างเป็นอันตราย หรือไหลไปสะสมที่อื่นแน่นอนค่ะ
คนไข้หลายคนเข้าใจว่าตอนแรกฟิลเลอร์มีลักษณะเป็น “เจล” เพราะคลินิกต้องเอาหลอดฟิลเลอร์ให้ดูก่อนฉีดอยู่แล้ว และสุดท้ายก็กลายเป็นน้ำ “ถูกขับออกจากร่างกายไป” อันนี้ก็ต้องบอกว่าถูกต้องเหมือนกันค่ะ แต่หมอขอขยายส่วนที่บอกว่ากลายเป็น “น้ำ” นิดนึงค่ะ
จริงๆ แล้วฟิลเลอร์ HA ไม่ได้สลายตัวกลายเป็น “น้ำ” (H₂O) โดยตรงค่ะ แต่กระบวนการที่ถูกต้องคือ
- จากเจลสู่โมเลกุลน้ำตาล: เอนไซม์ในร่างกายจะย่อยสลายเนื้อเจลของฟิลเลอร์ ให้กลายเป็นโมเลกุลที่เล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายอยู่ในรูปของ “โมเลกุลน้ำตาล” ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสาร Hyaluronic Acid ค่ะ
- ร่างกายนำไปใช้และขับออก: หลังจากนั้น ร่างกายก็จะดูดซึมโมเลกุลน้ำตาลเหล่านี้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือ ขับออกตามกระบวนการขับของเสียปกติของร่างกาย ซึ่งก็คือผ่านทางปัสสาวะหรือเหงื่อนั่นเองค่ะ
ดังนั้น ที่คนไข้เข้าใจว่ามันกลายเป็นของเหลวแล้วถูกขับออกนั้นถูกต้องเลยค่ะ แต่ถ้าจะให้เป๊ะๆ ตามหลักวิทยาศาสตร์ ก็คือ จากเจล กลายเป็นน้ำตาล แล้วจึงถูกขับออก นั่นเองค่ะ
มีอะไรสงสัยถามหมอได้อีกเลยนะคะ ยินดีตอบเสมอค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์มือจะเน้นฉีดที่บริเวณ “หลังมือ” เป็นหลัก ไม่ได้ฉีดที่ “ข้อมือ หรือนิ้วมือ” โดยตรง นะคะ เพราะเป็นการแก้ปัญหา มือเหี่ยว ผิวบางจนเห็นเส้นเลือดและเส้นเอ็น ได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ดู เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ มากที่สุดค่ะ การเติมเต็มที่หลังมือจะช่วยฟื้นฟูให้มือกลับมาดูอวบอิ่มและอ่อนเยาว์ขึ้นโดยรวมค่ะ
หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ
เบื้องต้นควรฉีด 2 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 4 สัปดาห์ก่อนเพื่อให้ผิวฟื้นฟู จากนั้นสามารถทิ้งระยะในการฉีดได้โดยฉีดทุกๆ 6 เดือนนะคะ
การฉีด Profhilo บริเวณใบหน้าจำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 1 ไซริงค์ (2 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 25,000 บาทค่ะ แต่หากเป็นการฉีดบริเวณใบหน้าและลำคอ จำนวน 1 ครั้ง / ใช้ 2 ไซริงค์ (4 ml.) จะมีราคาอยู่ที่ 45,000 บาทค่ะ
สวัสดีค่ะ D’Lovevery Clinic ยินดีให้บริการค่ะ 😊
ไม่ทราบว่าสนใจสอบถามข้อมูลฟิลเลอร์ JUVEDERM ตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทุกโมเลกุลราคาเดียวเลยค่ะ
- 1 cc ราคา 18,000 บาท
- 2 cc ราคา 30,000 บาท
- 3 cc ราคา 39,000 บาท
สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนได้นะคะ หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม ถามแอดมินได้เลยค่า
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้ลิปสติกติดทนนานขึ้นได้จริงค่ะ แต่เป็นการช่วยทางอ้อมนะคะ เพราะคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ช่วย เติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากของเราเรียบเนียนและไม่แห้งแตก เมื่อพื้นผิวปากดีขึ้น ลิปสติกจึงเกาะติดได้ดีขึ้น ไม่ตกร่อง และดูสวยเป๊ะยาวนานกว่าเดิม นอกจากนี้ การสร้างขอบปากให้คมชัดยังช่วยป้องกันลิปสติกเลอะ ทำให้ไม่ต้องเติมบ่อยๆ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อให้การทาลิปสติกสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นค่ะ