หัวข้อเนื้อหา เกี่ยวกับรายละเอียด Restylane ฟิลเลอร์ ที่มีการค้นหาบ่อยที่สุด
รวบรวมข้อมูลที่มีการค้นหาบ่อยที่สุดเกี่ยวกับ Restylane ฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในการเติมเต็มริ้วรอยและปรับรูปหน้า เนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ความหมายของ Restylane ฟิลเลอร์ ประเภทและความแตกต่างจากฟิลเลอร์ยี่ห้ออื่น บริเวณที่เหมาะสำหรับการฉีด ขั้นตอนการฉีด ผลลัพธ์และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายและข้อควรพิจารณาในการเลือกสถานพยาบาลและแพทย์

สรุปย่อ ฟิลเลอร์ Restylane
คุณสมบัติ | รายละเอียด |
---|---|
ชนิดของฟิลเลอร์ | Hyaluronic acid |
ประเทศต้นกำเนิด | สวีเดน |
ระยะเวลาที่ใช้ในวงการแพทย์ | มากกว่า 25 ปี |
ความปลอดภัย | สูง เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรอง |
การย่อยสลาย | ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยเอนไซม์ Hyaluronidase ในผิวหนัง |
ผลข้างเคียง | บวม แดง ได้บ้างในบางประเภทผิว |
ความเป็นธรรมชาติ | สูง เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลเลียนแบบโครงสร้างธรรมชาติของผิวหนัง |
ความหลากหลายของเนื้อฟิลเลอร์ | มีหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบริเวณบนใบหน้า |
การรับรองจาก อย. ไทย | ผ่านการรับรอง |
Restylane ฟิลเลอร์ คืออะไร?
Restylane เป็นฟิลเลอร์ชนิด Hyaluronic acid จดทะเบียนในประเทศสวีเดน และใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกมานานกว่า 25 ปี ด้วยคุณสมบัติของเนื้อเจลที่มีความเป็นธรรมชาติ และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบัน Restylane มีเนื้อฟิลเลอร์หลากหลายชนิดให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของโครงสร้างผิวหน้าและลักษณะผิวหนังในแต่ละบริเวณ
Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติโดยเอนไซม์ Hyaluronidase ในผิวหนัง จึงไม่ก่อให้เกิดการตกค้างหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลของ Hyaluronic acid ใน Restylane มีการเชื่อมโยงกันน้อยมาก และเลียนแบบโครงสร้างธรรมชาติของผิวหนังได้อย่างดีเยี่ยม
Restylane ฟิลเลอร์ เหมาะกับการเติมเต็มส่วนใดบ้าง?
ฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม ที่แพทย์สามารถนำมารักษา ปรับรูปหน้า แก้ไขรูปหน้า ให้สมส่วน อ่อนกว่าวัย ดูเป็นธรรมชาติได้ โดยแต่ละบริเวณที่ปริมาณการใช้ฟิลเลอร์ที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละบุคคลดังนี้
บริเวณที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ และปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้โดยประมาณ
บริเวณ | ปริมาณฟิลเลอร์ (cc) |
---|---|
ฟิลเลอร์ขมับ | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์แก้ม | 1-3 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ใต้ตา | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ร่องน้ำหมาก | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์คาง | 1-2 cc |
ฟิลเลอร์ปาก | 0.5-1 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์กรอบหน้า | 2-4 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์หลังมือ | 1-2 cc/ข้าง |
ฟิลเลอร์ลำคอย่น | 2-3 cc |
หมายเหตุ:
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีด ช่วงอายุ ปัญหา ความต้องการของแต่ละบุคคล และความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการฉีด
ฟิลเลอร์ Restylane ต่างจากฟิลเลอร์อื่นๆอย่างไร?
OBT Dermal Fillers เป็นรุ่นที่มีเนื้อ Soft Gel ที่ช่วยเติมเต็มริ้วรอยด้วยสาร Hyaluronic Acid ให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางและต้องการแสดงสีหน้าได้อย่างเต็มที่ โดยผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้นานถึง 24 เดือน*
- OBT Dermal Fillers
- VOLYME: เติมเต็มใบหน้า ขมับ และแก้มตอบ เพื่อคืนความอ่อนเยาว์
- DEFYNE: ยกกระชับและปรับโครงสร้างใบหน้า เสริมความนุ่มนวล
- KYSSE: เติมเต็มและปรับรูปทรงริมฝีปากให้สวยน่าหลงใหล
- REFYNE: เติมเต็มริ้วรอย ร่องแก้ม และร่องน้ำหมาก ให้ผิวเรียบเนียนและยืดหยุ่นได้ดี




NASHA Dermal Filler (Firm Gel) เป็นฟิลเลอร์ที่มีความแข็งแรงและคงรูปได้ดี โดยไม่ผสานกับผิวข้างเคียง เหมาะสำหรับการเติมเต็มและปรับรูปหน้าให้ได้รูปทรงที่สวยงาม คมชัด และโดดเด่นมากขึ้น ฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มนี้ ได้แก่ Restylane Lyft และ Restylane Classic ซึ่งใช้ในการฉีดยกกระชับแก้ม เสริมรูปทรงคาง จมูก กรอบขากรรไกรล่าง รวมถึงเติมเต็มขมับหรือยกคิ้ว
- NASHA Dermal Filler
- CLASSIC ช่วยเติมเต็มใบหน้าเหมาะสำหรับบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก และใต้ตาช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 24 เดือน*
- LYFT ช่วยยกกระชับโครงหน้าเหมาะสำหรับบริเวณแก้ม คาง และโครงสร้างใบหน้าโดยรวมช่วยให้ใบหน้าดูสวยคมและมีมิติ กรอบหน้าชัดเจนให้ผลลัพธ์ความงามที่ยาวนานถึง 24 เดือน*



ขั้นตอนการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- ปรึกษาแพทย์ ปัญหา บริเวณที่ต้องการแก้ไข
- ทายาชาก่อนการฉีด หากมีการแพ้ยาชา ควรแจ้งเจ้าหน้าที่
- แพทย์ทำการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- ประคบเย็นหลังการฉีด
ผลลัพธ์หลังการฉีด Restylane ฟิลเลอร์
- เห็นผลลัพธ์หลังฉีดทันที
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับรุ่น ตำแหน่ง การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น รอยเข็ม รอยช้ำ อาการบวม
- ฟิลเลอร์จะเริ่มสลายตัวไปตามธรรมชาติเมื่อระยะเวลาผ่านไป
ทำไม ฟิลเลอร์ Restylane ได้รับความนิยม?
เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ ดังนี้
- มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากผลิตจากกรดไฮยาลูโรนิคที่ได้จากการสังเคราะห์ทางชีวภาพ ไม่ได้มาจากสัตว์ จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรืออาการข้างเคียง
- มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ตอบโจทย์ความต้องการในการฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณต่างๆ ของใบหน้า ทั้งบริเวณที่ต้องการความอ่อนนุ่ม และบริเวณที่ต้องการความแข็งแรงและคงทน
- ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ใบหน้าดูแข็งกระด้าง หรือเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของใบหน้ามากจนเกินไป
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือนหรือเป็นปี ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และบริเวณที่ฉีด
- เป็นแบรนด์ที่มีมานาน จึงมี Knowledge Know How ให้แพทย์ได้ศึกษาเยอะ มีงานวิจัย ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย
Restylane ของแท้ ของปลอม เช็คอย่างไร?
Restylane ฟิลเลอร์ ราคาเท่าไหร่?
รุ่น | ราคาโดยประมาณ |
---|---|
Restylane Lyft | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Classic | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Refyne | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Defyne | 15,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Kysse | 12,000 – 25,000 บาท/cc |
Restylane Vital | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
Restylane Skinboosters Vital Light | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
Restylane Skinboosters Vital | 12,000 – 20,000 บาท/cc |
หมายเหตุ:
- ราคาที่ระบุเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานพยาบาลและโปรโมชั่น
- ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการฉีดและความต้องการของแต่ละบุคคล
- ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ตรวจสอบได้ เพื่อประเมินความเหมาะสมและเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับคุณ

ทำไม ฟิลเลอร์ Restylane บางที่ราคาถูกผิดปกติ?
ฟิลเลอร์ Restylane ที่มีราคาถูกผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้
- ฟิลเลอร์ปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน: ฟิลเลอร์ปลอมมักมีราคาถูกกว่าฟิลเลอร์แท้ เนื่องจากผลิตจากสารที่ไม่ได้รับการรับรองและอาจมีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย การใช้ฟิลเลอร์ปลอมมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น การอักเสบ ติดเชื้อ หรือเนื้อเยื่อตาย
- ฟิลเลอร์ใกล้หมดอายุ: ฟิลเลอร์ที่ใกล้หมดอายุอาจมีราคาถูกกว่าฟิลเลอร์ใหม่ เนื่องจากผู้ขายต้องการระบายสินค้าออก การใช้ฟิลเลอร์ใกล้หมดอายุอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลงและอาจไม่คงอยู่นานเท่าที่ควร
ฟิลเลอร์ Restylane ของแท้ ของปลอม ตรวจสอบอย่างไร?
การตรวจสอบฟิลเลอร์ Restylane ว่าแท้หรือไม่นั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงสแกนที่ QR code ข้างกล่องฟิลเลอร์ โดยใช้แอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan ซึ่งจะแสดงผลทันทีว่าเป็นของแท้หรือไม่ รวมถึงแสดงวันหมดอายุ และคำแนะนำในการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์

วิธีการตรวจสอบ:
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน eZTracker : Safety in Each Scan จาก App Store หรือ Google Play
- เปิดแอปพลิเคชัน eZTracker
- สแกน QR code ที่อยู่ข้างกล่องฟิลเลอร์ Restylane
- แอปพลิเคชันจะแสดงผลทันที


ผลลัพธ์:
- หน้าจอสีเขียว: ผลิตภัณฑ์แท้ “ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ถูกนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดย บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย) จำกัด”
- หน้าจอสีส้ม: ผลิตภัณฑ์ปลอม สามารถกดรายงานในแอปพลิเคชันให้บริษัทตรวจสอบได้ทันที
ข้อดีของการตรวจสอบด้วย QR Code:
- สะดวก รวดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน
- ตรวจสอบได้ทันที ไม่ต้องรอผลตรวจนาน
- ปลอดภัย มั่นใจได้ว่าเป็นของแท้ *ต้องตรวจสอบก่อนแพทย์ให้การรักษา ไม่ใช่หลังรับการรักษา
- ช่วยป้องกันการใช้ฟิลเลอร์ปลอม


ข้อควรระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์ทุกยี่ห้อ
- ต้องรับบริการในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือและได้รับอนุญาตเท่านั้น
- คนไข้มีสิทธิในการขอดูผลิตภัณฑ์ก่อนรับการรักษา
- ตรวจสอบวันหมดอายุของฟิลเลอร์ก่อนการฉีด
- ต้อสามารถทราบ หรือตรวจสอบชื่อแพทย์ ใบอนุญาต ผู้จะทำการรักษาได้
- ไม่ควรหลงเชื่อราคาที่ถูกผิดปกติ
สวัสดีค่ะ D’Lovevery Clinic ยินดีให้บริการค่ะ 😊
ไม่ทราบว่าสนใจสอบถามข้อมูลฟิลเลอร์ JUVEDERM ตัวไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ ตอนนี้เรามีโปรโมชั่นสุดพิเศษ ทุกโมเลกุลราคาเดียวเลยค่ะ
- 1 cc ราคา 18,000 บาท
- 2 cc ราคา 30,000 บาท
- 3 cc ราคา 39,000 บาท
สามารถปรึกษาคุณหมอเพื่อประเมินใบหน้าก่อนได้นะคะ หรือถ้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม ถามแอดมินได้เลยค่า
การรักษาริ้วรอยที่คอต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ โดย ริ้วรอยที่เป็นเส้นขวางตามลำคอ (เหมือนสร้อยคอ) ซึ่งเกิดจากร่องลึกของผิวหนังที่สูญเสียคอลลาเจน จะต้องใช้ “ฟิลเลอร์” ในการ “เติมเต็ม” ร่องลึกนั้นให้ตื้นขึ้นและเรียบเนียน ในขณะที่ เส้นเอ็นแนวตั้งที่เห็นชัดตอนเกร็งคอ เกิดจากการทำงานของกล้ามเนื้อ จะต้องใช้ “โบท็อกซ์” เพื่อฉีด “คลายกล้ามเนื้อ” ไม่ให้หดตัวจนเกิดเป็นเส้นขึ้นมาค่ะ ในบางเคส อาจมีการผสมผสานการรักษา หรือแม้กระทั่งกลุ่ม Biostimulator ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีในบางเคสค่ะ
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยให้ลิปสติกติดทนนานขึ้นได้จริงค่ะ แต่เป็นการช่วยทางอ้อมนะคะ เพราะคุณสมบัติของฟิลเลอร์ที่ช่วย เติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้น ทำให้ริมฝีปากของเราเรียบเนียนและไม่แห้งแตก เมื่อพื้นผิวปากดีขึ้น ลิปสติกจึงเกาะติดได้ดีขึ้น ไม่ตกร่อง และดูสวยเป๊ะยาวนานกว่าเดิม นอกจากนี้ การสร้างขอบปากให้คมชัดยังช่วยป้องกันลิปสติกเลอะ ทำให้ไม่ต้องเติมบ่อยๆ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุเพื่อให้การทาลิปสติกสวยสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นค่ะ
ถ้าฉีดฟิลเลอร์แล้วใต้ตาดูคล้ำขึ้น มองไปแล้วเป็นสี เขียวๆ เทาๆ น้ำเงินๆ นั่นหล่ะค่ะ เราเรียกว่า Tyndall Effect
เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากเกินไป หรือฉีดในชั้นผิวที่ตื้นเกินไปสำหรับคนที่มีผิวใต้ตาบางมากๆ ค่ะ เมื่อแสงมาตกกระทบโมเลกุลของฟิลเลอร์ที่อยู่ตื้นๆ จะทำให้เกิดการสะท้อนของแสงสีน้ำเงินหรือเขียวออกมา ทำให้เรามองเห็นว่าใต้ตาดูคล้ำขึ้นค่ะ วิธีแก้ไขคือต้องฉีดสลายด้วยตัวยาเฉพาะ ใช้เวลา 1-7 วัน เพื่อดูว่าสลายหมดหรือไม่ หากเป็น ฟิลเลอร์ HA แท้ก็สลายได้ 99.99% ค่ะ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ ราคา 5,000-10,000 บาท *ตามจำนวนจุด
ขูดฟิลเลอร์ (ใบหน้า) ราคา 30,000-50,000 *ตามปัญหาของแต่ละบุคคล
อาการเป็นก้อนแข็งหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ เช่น
- เทคนิคการฉีด: อาจเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์ในชั้นผิวที่ตื้นเกินไป หรือวางในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม เช่น ฉีดเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อแทนชั้นไขมันที่ถูกต้อง
- การเลือกชนิดฟิลเลอร์: การเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแข็งเกินไปสำหรับบริเวณผิวใต้ตาที่บอบบาง
- การกระจายตัวของฟิลเลอร์: ฟิลเลอร์อาจกระจายตัวได้ไม่สม่ำเสมอ ทำให้เกิดการจับตัวเป็นก้อนค่ะ
- การตอบสนองของร่างกาย: ในบางกรณีอาจเกิดจากการแพ้ การติดเชื้อ หรือการอักเสบหลังฉีดได้เช่นกันค่ะ
ที่ดีเลิฟเวอรี่คลินิก 80% คนไข้ที่มาสลายหรือแก้ไข ซักประวัติอย่างละเอียดแล้วมักพบว่าไม่ได้ฉีดกับแพทย์ มักเป็นการฉีดโดยผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ จนทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะคนไข้กลุ่มอายุเกิน 50 ขึ้นไป เป็นสารเหลว ที่อยู่ถาวรมานานเป็นสิบๆปี ไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดสลาย ต้องผ่าตัดเท่านั้นค่ะ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ ราคา 5,000-10,000 บาท *ตามจำนวนจุด
ขูดฟิลเลอร์ (ใบหน้า) ราคา 30,000-50,000 *ตามปัญหาของแต่ละบุคคล
ลองวาดภาพว่าผิวเราเหมือนสปริงที่ยืดหยุ่นน้อยลง คอลลาเจน–อีลาสทินค่อยๆลด ทำให้ผิวบางลง แห้งง่าย และเกิดริ้วรอยทั้งตอนยิ้มขยับและตอนพักเฉยๆ ไขมันชั้นตื้นที่เคยพยุงผิวก็กระจายและไหลลง ทำให้ใต้ตาล้า ร่องแก้มเริ่มมา แก้มแฟบลง หน้าดูโทรมกว่าที่เคยเป็น
ลึกลงไป กล้ามเนื้อบางมัดทำงานหนักขึ้น (เช่น กราม) จึงดึงหน้าให้ตกลง ส่วนบางมัดกลับฝ่อ สมดุลเสีย กระดูกก็หดร่นเล็กลง โดยเฉพาะรอบเบ้าตาและแนวกราม ทำให้ตาดูลึก ขมับแบน และเกิดแก้มตกห นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ทาครีมอย่างเดียว” จึงดีขึ้นไม่ได้ เพราะปัญหาอยู่หลายชั้นตั้งแต่ผิว ไขมัน กล้ามเนื้อ ไปจนถึงกระดูก
พื้นฐานคือทากันแดดสม่ำเสมอ บางคนแค่กันแดดก็บอกลำบากแล้ว อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง บำรุงด้วยเรตินอยด์ วิตามินซี และมอยส์เจอไรเซอร์ จากนั้นเราปรับตามปัญหา โบท็อกซ์ช่วยคลายริ้วรอยได้ เลเซอร์/คลื่นพลังงานกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นขึ้น ฟิลเลอร์ใน “ชั้นลึก” ยกเครื่องโครงหน้าใหม่ เช่นโหนกแก้ม–ขมับ–แนวกราม และในบางเคสอาจใช้ไหมพยุงหรือพิจารณาศัลยกรรมเมื่อหย่อนมาก จุดสำคัญคือทำอย่างพอดี ปลอดภัย และวางแผนระยะยาวให้เหมาะกับใบหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดีที่สุดค่ะ ทุกโปรแกรม ทุกเครื่องมีข้อดีข้อจำกัด เหมาะกับคนอื่นแต่อาจจะไม่เหมาะกับเรา
การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น
- เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
- เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc
การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ
หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำเลยคือ ฟิลเลอร์แท้ต้องสลายได้เอง 100% ค่ะ จะไม่มีคำว่า “ถาวร” เด็ดขาด ถ้าเราไปฉีดที่ไหนแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ตลอดไป ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าอาจเป็นสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งอันตรายและแก้ไขได้ยากในอนาคต ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ที่เป็นกล่องๆที่เรามักคุ้นเคยกันนั้น จะมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามรุ่นและตำแหน่งที่ฉีดค่ะ สั้นที่สุดคือประมาณ 6-12 เดือน สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ใช้เติมบริเวณใต้ตาหรือริมฝีปาก และ นานที่สุดอาจอยู่ได้ถึง 1.5 – 2 ปี สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างคางหรือกรอบหน้าค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะฉีดที่สถานพยาบาลไหน ก่อนฉีดอย่าลืมสอบถามคุณหมอถึงชนิดของฟิลเลอร์เพื่อความมั่นใจนะคะ