ทำไมการใช้ยาแต้มสิวอย่างเดียวถึงไม่พอ?
หลายคนคิดว่าแค่ ยาแต้มสิว ก็เอาอยู่ แต่จริงๆ แล้วการรักษาสิวมีอะไรที่มากกว่านั้นค่ะ เพราะสิวเกิดจากหลายปัจจัย การใช้ยาแต้มสิวอย่างเดียวจึงอาจจะไม่ตอบโจทย์และมีข้อเสียดังนี้ค่ะ
- แก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ: ยาแต้มสิวมักจะช่วย ลดการอักเสบ หรือ ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เฉพาะจุด แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดสิว เช่น ความมันส่วนเกิน, การอุดตันของรูขุมขน, หรือฮอร์โมน ที่ไม่สมดุลค่ะ
- สิวกลับมาเป็นซ้ำ: เมื่อเราไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ สิวก็จะ กลับมาขึ้นอีก ในบริเวณเดิมหรือบริเวณใกล้เคียง ถึงแต้มไปก็เหมือน วนลูปไม่จบไม่สิ้น ค่ะ
- อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง: ยาแต้มสิวบางชนิดมีส่วนผสมที่ ทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อใช้ในปริมาณมากหรือใช้เป็นประจำ อาจทำให้ผิวบริเวณนั้น แดง, ลอก, หรือแสบร้อน ได้ค่ะ
- อาจเกิดรอยดำรอยแดง: ถ้าใช้ยาแต้มสิวไม่ถูกวิธี หรือไป แกะ/บีบสิว ร่วมด้วย อาจทำให้เกิด รอยดำรอยแดง ที่รักษายากกว่าเดิมได้ค่ะ
- ไม่สามารถรักษาสิวอุดตัน: ยาแต้มสิวมักจะใช้ได้ผลดีกับ สิวอักเสบ แต่ ไม่สามารถรักษาสิวอุดตัน ได้ เพราะยาไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปละลายสิ่งอุดตันในรูขุมขนได้ค่ะ
ตัวอย่าง
สมมติคนไข้มีสิวอักเสบบริเวณคาง หมอให้ใช้ยาแต้มสิวเพื่อลดการอักเสบ แต่คนไข้ไม่ได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิว เช่น การนอนดึก, การกินอาหารที่มีไขมันสูง, หรือการใช้เครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการอุดตัน สิวก็จะกลับมาขึ้นอีกเรื่อยๆ ค่ะ แถมยาแต้มสิวที่ใช้บ่อยๆ ก็อาจทำให้ผิวบริเวณคางแห้งและระคายเคือง จนเกิดเป็นรอยดำตามมาอีกด้วย
ดังนั้น การรักษาสิวที่ได้ผลดี ต้องอาศัยการ ดูแลผิวโดยรวม และ การแก้ไขที่ต้นเหตุ ควบคู่ไปกับการใช้ยาแต้มสิวค่ะ หมอแนะนำให้คนไข้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาสิวของแต่ละคนนะคะ









