ตอนหมอฉีดฟิลเลอร์ให้หมอบอกเราหนังเหนียว หมายความว่ายังไง

หมอจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิว รวมถึงความแตกต่างของผิวที่ดีในการฉีดฟิลเลอร์นะคะ

“หนังเหนียว” = ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น?

การที่ผิวมีชั้น SMAS หนาแน่น (หรือที่หมอแซวว่า “หนังเหนียว”) ไม่ได้แปลว่าผิวมีความยืดหยุ่นสูงนะคะ แต่หมายถึงผิวมีความแข็งแรงและมีโครงสร้างที่แน่นกระชับมากกว่าค่ะ

• ผิวแข็งแรง: หมายถึงผิวมีความต้านทานต่อแรงภายนอกได้ดี ไม่ฉีกขาดหรือบาดเจ็บง่าย
• ผิวแน่นกระชับ: หมายถึงผิวมีโครงสร้างที่รองรับเนื้อเยื่อได้ดี ไม่หย่อนคล้อยง่าย

แต่…ความแข็งแรงและความกระชับ ไม่ได้หมายถึงความยืดหยุ่นเสมอไปนะคะ ผิวที่ยืดหยุ่นดี คือผิวที่สามารถยืดออกได้ และกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ง่าย ซึ่งความยืดหยุ่นนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวค่ะ

แล้วผิวที่ไม่ดีเป็นยังไง? สอดเข็มเข้าง่ายไหม?

ผิวที่ไม่ดี หรือผิวที่เสื่อมสภาพ มักจะมีลักษณะดังนี้ค่ะ:

• ผิวบาง: ชั้น SMAS ไม่หนาแน่น
• ผิวหย่อนคล้อย: คอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ทำให้ผิวไม่กระชับและยืดหยุ่น
• ผิวขาดน้ำ: ทำให้ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าหน้าหมองๆ

ในกรณีที่ผิวบางและหย่อนคล้อย การสอดเข็มอาจจะง่ายกว่าผิวที่มีชั้น SMAS หนาแน่นค่ะ แต่…ไม่ได้หมายความว่าการฉีดฟิลเลอร์ในผิวแบบนี้จะดีกว่านะคะ เพราะ:

• ฟิลเลอร์อาจจะไม่คงรูป: เนื่องจากผิวไม่มีโครงสร้างที่แข็งแรงรองรับ ทำให้ฟิลเลอร์ไหล หรือผิดรูปได้ง่าย
• เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง: เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือใบหน้าไม่สมส่วน
• ต้องใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่มากกว่า: เพื่อชดเชยความหย่อนคล้อยของผิว

สรุปแล้ว…ผิวแบบไหนดีที่สุดสำหรับการฉีดฟิลเลอร์?

ผิวที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ คือผิวที่มีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และมีความกระชับในระดับที่เหมาะสมค่ะ

• มีความแข็งแรง: เพื่อให้ฟิลเลอร์อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
• มีความยืดหยุ่น: เพื่อให้ผิวสามารถปรับตัวเข้ากับฟิลเลอร์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
• มีความกระชับ: เพื่อให้ฟิลเลอร์คงรูปได้ดี และลดโอกาสเกิดการหย่อนคล้อย

การประเมินก่อนทำ สำคัญที่สุด

การประเมินสภาพผิวอย่างละเอียดก่อนฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ เพราะจะช่วยให้แพทย์เลือกชนิดฟิลเลอร์ และเทคนิคการฉีด หรือแม้แต่โปรแกรมยกกระชับอื่นๆที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุดค่ะ