ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

Pico เลเซอร์ลบรอยแตกลายได้ไหม

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

Pico Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่เน้นการทำงานด้วยพลังงานสูงในเวลาที่สั้นมาก (picosecond) ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยในเรื่องเม็ดสี ผิวคล้ำ หรือรอยแผลเป็นจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สำหรับ “รอยแตกลาย” จริงๆ แล้ว Pico Laser ก็สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ แต่ไม่ใช่การลบรอยแตกลายให้หายสนิท 100% นะคะ ดังนั้นจึงเป็นเพียงทางเลือก ส่วนมากหมอจะแนะนำสำหรับเคสคนไข้ที่เพิ่งเกิดรอยใหม่ๆ จะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนดีกว่ารอยแตกลายที่เป็นมานานหลายปี แต่การทำเลเซอร์ก็ต้องประเมินจากบริเวณ ความกว้างของปัญหา ลักษณะผิวก่อนทำการรักษาด้วยค่ะ

ลองส่งภาพหรือเข้ามาให้หมอประเมินก่อนได้นะคะ ว่าวิธีไหนจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ดีที่สุดค่ะ

pico-laser-ลบรอยแตกลาย
หน้าท้องลาย ลบรอยแตกลายงา ตอนท้อง

รอยแตกลายเกิดจากอะไร

รอยแตกลาย ในทางการแพทย์เรียกว่า Striae Distensae หรือในบางกรณีอาจเรียกว่า Striae Gravidarum (ถ้าเป็นช่วงตั้งครรภ์) รอยแตกลายเป็นภาวะที่พบได้ค่อนข้างบ่อยในผู้หญิงค่ะ เกิดขึ้นจากการที่ผิวหนังถูกยืดออกเร็วๆ หรือถูกทำให้ขยายตัวเกินขีดจำกัดของเนื้อเยื่อในชั้นผิว ส่งผลให้ คอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระชับและยืดหยุ่น ถูกทำลายลง ส่งผลให้ผิวบางลงและกลายเป็นรอยแตกลายนั่นเองค่ะ

สาเหตุที่พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

  1. การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
    ช่วงตั้งครรภ์ ผิวหนังบริเวณหน้าท้อง ขา สะโพก และหน้าอกจะถูกยืดออกอย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายต้องเตรียมพื้นที่ให้กับลูกน้อย รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ที่ส่งผลให้การผลิตคอลลาเจนลดลง จึงทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้นได้ง่ายค่ะ
  2. วัยรุ่นที่ร่างกายเจริญเติบโตเร็ว (Puberty)
    ในวัยเจริญเติบโต ฮอร์โมนเพศเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับการเติบโตของร่างกาย เช่น ส่วนสูงเพิ่มเร็ว กล้ามเนื้อสะสม หรือไขมันสะสมในบางจุด เช่น สะโพก หน้าอก และต้นขา เป็นเหตุให้ผิวหนังปรับตัวไม่ทันจนเกิดรอยแตกลายได้ค่ะ
  3. น้ำหนักตัวที่เปลี่ยนแปลงเร็ว (Weight Fluctuation)
    การที่น้ำหนักตัวพุ่งขึ้นเร็วหรือแม้แต่การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วสามารถทำให้ผิวเกิดรอยแตกลายได้ โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง ต้นขา และสะโพก
  4. การใช้ยาสเตียรอยด์หรือฮอร์โมนบางประเภท
    เช่น การใช้ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ทั้งในรูปแบบยากินหรือยาทาผิว ที่ใช้งานต่อเนื่อง อาจทำให้ผิวบางลงและเกิดรอยแตกลายได้ง่ายขึ้นค่ะ
  5. กรรมพันธุ์ (Genetics)
    ถ้าคนในครอบครัว เช่น แม่ หรือพี่สาว มีปัญหารอยแตกลาย ก็มีโอกาสที่เราจะได้รับลักษณะทางพันธุกรรมหรือความเสี่ยงตรงนี้ต่อค่ะ

รอยแตกลายมีโอกาสหายเองไหม?

รอยแตกลายนั้นมีโอกาสที่จะจางลงได้เองตามธรรมชาติค่ะ โดยเฉพาะรอยแตกลายที่อยู่ในระยะเริ่มต้น (มีสีแดงหรือม่วง ซึ่งเรียกว่า Striae Rubra) เมื่อเวลาผ่านไป รอยจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเงินหรือสีขาวจาง (Striae Alba) แต่โอกาสหายไปอย่างสมบูรณ์นั้นค่อนข้างยากค่ะ เพราะเนื้อเยื่อที่เสียหายใต้ผิวหนังไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ 100%

การรักษารอยแตกลายที่ใช้ได้ผลดี

  • เลเซอร์ (Laser Treatment): เช่น Pico Laser, Fractional CO2 Laser, หรือ Pulse Dye Laser ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดรอยแตกลายได้
  • Microneedling: ใช้เข็มขนาดเล็กกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว
  • ทายา (Topical Cream): เช่น เซราไมด์, เรตินอยด์ หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามิน E, คอลลาเจน ก็ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นได้
  • การทำ Radiofrequency (RF): ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิว
  • PRP (Platelet-Rich Plasma): การฉีดพลาสม่าที่มาจากเลือดตัวเอง กระตุ้นซ่อมแซมเนื้อเยื่อ

คำแนะนำคือต้องปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุดค่ะ เพราะแต่ละคนจะตอบสนองต่อการรักษาแตกต่างกันไป