ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

เปปไทด์กับคอลลาเจนที่ใช้ทาผิวแตกต่างกันอย่างไร อะไรดีกว่า?

เปปไทด์มีประสิทธิภาพดีกว่าคอลลาเจนชนิดทา เนื่องจากมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ง่ายและลึกกว่า ในขณะที่คอลลาเจนมีโมเลกุลใหญ่กว่า 300 kDa จึงซึมผ่านได้แค่ชั้นผิวหนังกำพร้า (Stratum corneum) และให้ผลลัพธ์เพียงความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่เปปไทด์ทำหน้าที่เป็น Signal Molecule ที่ส่งสัญญาณกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ พร้อมทั้งช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจนเดิม ผลลัพธ์คือช่วยลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น โครงสร้างผิวแข็งแรง และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


หมายเหตุ: คำตอบนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้น กรุณาทำนัดเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรับข้อมูลโดยละเอียด

collagen biostimulator มีอะไรบ้าง
คุณสมบัติคอลลาเจน (ชนิดทา)เปปไทด์
ขนาดโมเลกุลใหญ่ (มากกว่า 300 kDa)เล็กมาก
การซึมผ่านผิวอยู่แค่บนชั้นผิวหนังกำพร้า (Stratum Corneum) ไม่สามารถซึมสู่ชั้นผิวแท้ได้ซึมซาบสู่ผิวได้ง่ายและล้ำลึก
กลไกการทำงานทำหน้าที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้น (Humectant) โดยการเคลือบผิวไว้ด้านบนทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณ (Signal Molecule)
สั่งการให้เซลล์ผิวทำงาน
ผลลัพธ์หลักให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นนอกชั่วคราว– กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน%%BR%%- ชะลอการสลายของคอลลาเจนเดิม%%BR%%- ลดเลือนริ้วรอย%%BR%%- เพิ่มความยืดหยุ่นและกระชับ
เหมาะกับใครผู้ที่ต้องการความชุ่มชื้นผิวแบบเร่งด่วน ผิวแห้งขาดน้ำผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว
ตัวอย่างในส่วนผสมHydrolyzed Collagen, Soluble Collagen– Palmitoyl Tripeptide-5%%BR%%- Acetyl Hexapeptide-8 (Argireline)%%BR%%- Copper Tripeptide-1

คำถามอื่นๆที่พบบ่อย