เช็คผิวก่อนทำโปรแกรมกระตุ้นคอลลาเจน
- การประเมินสภาพผิวพื้นฐาน
- ความยืดหยุ่นของผิว (ทดสอบด้วยการบีบเบาๆ)
- ความหนาของชั้นผิว
- ปริมาณคอลลาเจนที่มีอยู่
- ความชุ่มชื้นของผิว
- การวิเคราะห์ปัญหาผิว
- ตำแหน่งและความลึกของริ้วรอย
- บริเวณที่มีปัญหาหย่อนคล้อย
- รอยหมองคล้ำหรือปัญหาสีผิว
- ความสมมาตรของใบหน้า
- การพิจารณาปัจจัยส่วนบุคคล
- อายุและประวัติการรักษาที่ผ่านมา
- ไลฟ์สไตล์และการดูแลผิวประจำวัน
- เวลาในการฟื้นฟูที่ผู้รับการรักษาสะดวก
- งบประมาณที่เหมาะสม
จากตารางเปรียบเทียบ เราจะเห็นว่าทั้ง Juvelook และ Sculptra มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับผลการประเมินข้างต้น เช่น
- หากผิวบางและต้องการความอ่อนโยน Juvelook อาจเหมาะสมกว่า
- หากต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและไม่ติดเรื่องการนวดหลังทำ Sculptra อาจเป็นตัวเลือกที่ดี
คุณสมบัติ | JUVELOOK | SCULPTRA |
---|---|---|
ประเทศต้นกำเนิด | เกาหลี | สหรัฐอเมริกา |
ส่วนประกอบหลัก | PDLLA + HA | PLLA + CMC |
จำนวนครั้งที่ฉีด | 3 ครั้ง | 3-4 ครั้ง |
ระยะเวลาที่ผลอยู่ | 1.5 ปี | 2 ปี |
ประโยชน์หลัก | • ช่วยเพิ่มรายละเอียดผิวดีขึ้นนาน • ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ • แก้ปัญหารอยหมองคล้ำ และกระชับรูปหน้า • เหมาะสำหรับผิวบริเวณใต้ตา | • ช่วยกระชับผิวหน้า • ช่วยกระชับบริเวณรอบหน้า |
พื้นที่การรักษา | สามารถฉีดได้ทั่วหน้า | ฉีดได้เฉพาะบางจุด |
การดูแลหลังทำ | อนุภาคขนาดเล็กและนุ่ม ไม่ต้องนวดหลังฉีด | อนุภาคมีความแข็ง ต้องนวดหลังฉีด |
จุดเด่นที่แตกต่าง:
- Juvelook มีความอ่อนโยนต่อผิวมาก เนื่องจากอนุภาคเล็กและนุ่ม
- Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้นาน แต่ต้องการการดูแลหลังทำที่มากกว่า
- Juvelook มีความยืดหยุ่นในการรักษามาก สามารถใช้ได้กับทุกบริเวณของใบหน้า
- ทั้งสองตัวเลือกมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน แต่มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน
จุดเด่นของ PDLLA คือการออกแบบโครงสร้างอนุภาคที่เป็นมิตรต่อเนื้อเยื่อ ทำให้การรักษาปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากกว่าค่ะ 😊
โครงสร้างอนุภาค PDLLA
คุณสมบัติ | PLLA | PDLLA |
---|---|---|
ลักษณะอนุภาค | รูปทรงแตกมีมุมแหลมคม ไม่สม่ำเสมอ | ทรงกลมมีรูพรุน คล้ายฟองน้ำ |
โครงสร้างภายใน | แข็ง ไม่มีรูพรุน | มีโครงข่ายรูพรุนภายใน |
การสลายตัว | สลายตัวไม่สม่ำเสมอ อาจเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดฉับพลัน | สลายตัวจากภายในทีละน้อย ค่าความเป็นกรดเปลี่ยนแปลงน้อย |
ผลต่อเนื้อเยื่อ | – อาจระคายเคืองเนื้อเยื่อ – เสี่ยงต่อการเกิดก้อนแข็ง – กระตุ้นภูมิคุ้มกันมากเกินไป | – อ่อนโยนต่อเนื้อเยื่อ – ความเสี่ยงต่อการเกิดก้อนแข็งต่ำ – กระตุ้นภูมิคุ้มกันพอเหมาะ |
การสร้างคอลลาเจน | ไม่สม่ำเสมอ ควบคุมทิศทางได้ยาก | สม่ำเสมอทั่วบริเวณ ควบคุมทิศทางได้ดี |
ผลลัพธ์ที่ได้ | อาจไม่เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์ไม่แน่นอน | เป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์สม่ำเสมอ |
ความเหมาะสม | เหมาะกับการเพิ่มปริมาตร บริเวณกว้าง | เหมาะกับการฟื้นฟูผิว และเพิ่มปริมาตรแบบละเอียด |
ลองนึกภาพว่า ถ้าเรามีก้อนน้ำแข็งสองแบบ แบบแรกเป็นก้อนที่แตกมีมุมแหลมคม กับอีกแบบที่เป็นทรงกลมมีรูพรุนข้างใน ทรงกลมจะกลืนเข้ากับผิวได้ดีกว่า
PLA แบบทั่วไปจะมีโครงสร้างแบบแรก คือมีรูปทรงที่แตกมีมุม เวลาสลายตัวอาจทำให้
- การสร้างคอลลาเจนไม่สม่ำเสมอ
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันมากเกินไป
- เสี่ยงต่อการเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง (แกรนูโลมา)
แต่ PDLLA มีความพิเศษตรงที่มีโครงสร้างเป็นทรงกลมและมีรูพรุนข้างในคล้ายฟองน้ำค่ะ ซึ่งให้ข้อดีหลายอย่าง
- สลายตัวจากด้านในทีละน้อย เหมือนฟองน้ำค่อยๆ ปล่อยน้ำออกมา
- ไม่ทำให้ความเป็นกรดในเนื้อเยื่อเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน
- ผิวที่เรียบนุ่มไม่มีมุมแหลมคม จึงไม่ระคายเคืองเนื้อเยื่อ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้สม่ำเสมอทั่วบริเวณ
ผลลัพธ์ที่ได้คือ การเพิ่มปริมาตรผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ สม่ำเสมอ และปลอดภัยค่ะ เหมือนเราค่อยๆ ฟื้นฟูผิวจากภายใน ไม่ใช่การเติมเต็มแบบฉับพลัน
เปรียบเทียบง่ายๆ ก็เหมือนการรดน้ำต้นไม้ค่ะ PDLLA ก็เหมือนฟองน้ำที่ค่อยๆ ปล่อยน้ำให้ต้นไม้ ดีกว่าการเทน้ำทีเดียวจำนวนมากๆ ผิวของเราก็เช่นกัน ต้องการการฟื้นฟูที่ค่อยเป็นค่อยไป จึงจะได้ผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัยที่สุดค่ะ 😊