ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

JuveLook ฉีดตรงไหนได้บ้าง เหมือน Sculptra ไหม

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

หมอสรุปให้ฟังง่ายๆ นะคะ 😊 JuveLook กับ Sculptra ฉีดได้บริเวณใกล้เคียงกันค่ะ เช่น ใบหน้า ใต้ตา และคอ แต่ทั้งสองตัวมีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน JuveLook จะเหมาะกับคนที่อยากเห็นผลเร็วทันใจ ฟื้นฟูผิวให้ดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น เหมาะสำหรับริ้วรอยเล็กๆ ใต้ตาที่ลึก ดูเหนื่อยล้า หรือปัญหาผิวที่ต้องการความสดใสทันทีหลังฉีด ส่วนสาขา Sculptra จะเหมาะกับการกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ฟื้นฟูโครงสร้างผิวลึกๆ เหมาะกับปัญหาผิวหย่อนคล้อย หรือจุดที่ต้องการความแน่นกระชับมากขึ้นค่ะ

ถ้าถามว่าเหมือนกันไหม จะบอกว่า มีจุดที่คล้ายกันตรงที่ฉีดช่วยฟื้นฟูผิว แต่ JuveLook เน้นความสดใสทันทีหลังฉีด ส่วน Sculptra จะเน้นค่อยๆ กระตุ้นคอลลาเจนและช่วยแก้ปัญหาระยะยาวตามธรรมชาติค่ะ เลือกตัวไหนก็ขึ้นกับปัญหาและความต้องการของคนไข้เลยค่ะ ถ้าสงสัย หมอช่วยดูแลและให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้เสมอนะคะ

รีวิว sculptra
biostmulator ราคาเท่าไหร่

JuveLook ปริมาณการฉีดในแต่ละบริเวณ

บริเวณที่ฉีดปริมาณที่แนะนำ
ใต้ตา1 โดส
หน้าผาก2-3 โดส
ขมับ1-2 โดส
แก้มตอบ1-2 โดส
หน้าแก้ม1 โดส
คอ3-5 โดส
ร่องแก้ม1 โดส
ร่องน้ำหมาก1 โดส
ข้อเข่า ข้อศอก2-3 โดส

หมายเหตุ: ปริมาณการฉีดอาจขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการรักษา


JuveLook เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการ ผลลัพธ์เร็ว และ ฟื้นฟูผิว หลังฉีด
  • เหมาะกับคนที่มีปัญหา ริ้วรอย หรือ ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
  • หลังฉีดจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ผิวดู ชุ่มชื้น อิ่มฟู

Sculptra เหมาะกับใคร?

  • คนที่ต้องการ ฟื้นฟูผิวในระยะยาว โดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวกระชับและเรียบเนียน
  • ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการผลเร็ว เพราะผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดเจนหลังจาก 6-8 สัปดาห์
  • หมอแนะนำสำหรับคนที่เน้น ผิวเต่งตึง แบบเป็นธรรมชาติและต้องการผลที่อยู่ได้นาน

สรุป

  • ถ้าคนไข้ต้องการผิวสวยแบบทันใช้ผิวโดยเร็ว JuveLook จะตอบโจทย์
  • ถ้าคนไข้เน้นผลลัพธ์ระยะยาว ผิวเฟิร์ม แน่น หนา Sculptra จะเหมาะกว่า
  • ทั้งสองโปรแกรม ต้องรับการแนะนำจากแพทย์ผู้มีประสบการณ์ และรักษาในสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองเท่านั้นนะคะ