สิวที่เกิดจากไรฝุ่น จริงๆ แล้วมักจะไม่ได้เกิดจาก ‘ตัวไรฝุ่น’ โดยตรงค่ะ แต่เกิดจากการที่ผิวหน้าได้รับการกระตุ้นจากสารก่อภูมิแพ้ที่ตัวไรฝุ่นปล่อยออกมา ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิว แล้วต่อมาก็ก่อให้เกิดปัญหาสิวขึ้นได้ โดยลักษณะของสิวที่เกิดจากปฏิกิริยานี้มักจะคล้ายสิวอักเสบ สิวตุ่มแดง หรือสิวผดเล็กๆ กระจายกันอยู่บนใบหน้า โดยเฉพาะในคนที่มีผิวแพ้ง่ายค่ะ
วิธีการรักษาและดูแลสิวแบบนี้ หมอแนะนำดังนี้ค่ะ
- ควรเริ่มต้นด้วยการปรับพฤติกรรมเพื่อควบคุมปัจจัยกระตุ้นค่ะ
- ล้างทำความสะอาดผิวหน้าอย่างอ่อนโยน โดยใช้น้ำอุ่นและผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย และไม่มีสารระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์
- ซักผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และควรใช้ผ้าที่ไม่อมไรฝุ่น เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือแนะนำให้ใช้ปลอกหมอนกันไรฝุ่นเลยค่ะ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า เช่น การจับ หรือเกาผิวมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวระคายเคือง และอาจมีสิ่งสกปรกเข้าไปในรูขุมขน
- เริ่มต้นรักษาสิวด้วยยาทา
- ใช้ ยาทาที่ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการอุดตันของสิว เช่น ยาทาในกลุ่ม Benzoyl peroxide (ฆ่าเชื้อ P.acnes), Clindamycin (ลดการอักเสบ), หรือ Adapalene ซึ่งช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน และรักษาสิวอักเสบได้ดีค่ะ
- หากมีอาการแพ้หรือแดง เช่น คัน แสบผิว หมอแนะนำให้ใช้ ยาแก้แพ้ (Antihistamines) ร่วมด้วยเพื่อลดอาการแพ้จากสารก่อภูมิแพ้
- ปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาเพิ่มเติมในกรณีสิวเรื้อรังหรือรุนแรง
- หากยาทาทั่วไปไม่เพียงพอ อาจต้องใช้ การรักษาด้วยยากิน เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือในกรณีรุนแรงมาก อาจพิจารณา Isotretinoin เพื่อลดการผลิตน้ำมันในผิว และลดการอักเสบ
- การทำหัตถการ เช่น การกดสิว การทำเลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ผิวอื่นๆ เพื่อฟื้นฟูผิวและลดรอยแดง
- ป้องกันไม่ให้สิวกลับมาเป็นซ้ำ
- ทาครีมกันแดดเสมอค่ะ เลือกครีมเนื้อบางเบาที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic)
- หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่อาจก่อการระคายเคือง เช่น น้ำมันหรือผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม
- รักษาสภาพอากาศในห้องให้สะอาด เช่น เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หรือลงทุนซื้อเครื่องฟอกอากาศค่ะ
เปรียบเทียบสิวไรฝุ่นกับสิวแพ้น้ำ
หัวข้อเปรียบเทียบ | สิวไรฝุ่น | สิวแพ้น้ำ |
---|---|---|
สาเหตุ | แพ้โปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นในที่นอน ผ้าปูที่นอน หรืออากาศ | ผิวแพ้หรือระคายเคืองจากน้ำที่มีเกลือแร่ โลหะหนัก หรือคลอรีนในน้ำ |
ลักษณะอาการสิว | สิวผดเม็ดเล็กๆ หรือสิวอักเสบเล็กน้อย แดงและคัน มักเป็นบริเวณที่สัมผัสหมอนหรือลำคอ | สิวผดหรือตุ่มเล็กๆ ที่เกิดหลังจากสัมผัสน้ำ มีอาการระคายเคืองหรือแสบผิว |
ตำแหน่งที่พบบ่อย | แก้ม คาง ลำคอ (ส่วนที่สัมผัสหมอนหรือไรฝุ่น) | หน้าผาก ไรผม แก้ม (ส่วนที่โดนน้ำบ่อย) |
ปัจจัยกระตุ้น | ผ้าปูที่นอนและหมอนที่ไม่สะอาด สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น | น้ำประปาปนเปื้อน หรือมีสารที่ระคายเคือง เช่น คลอรีนหรือแร่ธาตุ |
การรักษาเบื้องต้น | – ใช้ยาทาลดการอักเสบ เช่น Benzoyl Peroxide, Clindamycin, ยาแก้แพ้ – เปลี่ยนมาใช้ปลอกหมอนกันไรฝุ่น – ซักและดูดฝุ่นในที่พักประจำ | – ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีน (อาจใช้น้ำต้มสุกหรือแบบกรอง) – เลี่ยงน้ำที่เป็นต้นเหตุ ใช้ครีมบำรุงผิวลดการแพ้ หรือยาบำรุง barrier |
โอกาสกลับมาเป็นซ้ำ | สูงหากไม่เปลี่ยนพฤติกรรมดูแลสุขอนามัยในชีวิตประจำวัน | อาจเกิดอีก หากยังสัมผัสน้ำที่มีสารระคายเคืองหรือไม่ได้กรองน้ำ |
การป้องกัน | – ใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน – ซักปลอกหมอนและที่นอนประจำ | – ติดตั้งเครื่องกรองน้ำ – ล้างหน้าด้วยน้ำดื่มหรือน้ำที่ผ่านการกรองแล้ว |
หมายเหตุ:
- สิวทั้งสองชนิดเกี่ยวข้องกับการระคายเคืองและภูมิแพ้ จึงควรปรึกษาแพทย์หากอาการสิวไม่ดีขึ้น หรือมีการอักเสบรุนแรง
สิวที่เกิดจากไรฝุ่น ไม่ได้แก้ที่การกำจัดสิวจากภายนอกอย่างเดียว แต่ต้องใส่ใจเรื่องสุขอนามัย และลดการสัมผัสสารกระตุ้นให้มากที่สุดนะคะ ถ้าไม่แน่ใจว่ารักษาถูกทางหรือเปล่า หมอแนะนำให้พบแพทย์เพื่อประเมินและหาวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับผิวเราที่สุดค่ะ