
กลไกการทำงาน เติมเต็ม หรือ สร้างใหม่?
เพื่อให้คนไข้เห็นภาพชัดเจน หมอขอยกตัวอย่างแบบนี้นะคะ
- ฟิลเลอร์ (Filler): เปรียบเสมือนการ “เทน้ำลงในแก้ว” ค่ะ คือเราฉีดสารเติมเต็ม (Hyaluronic Acid) เข้าไปปุ๊บ ร่องลึกใต้ตาก็เต็มปั๊บ เห็นผลทันที ผิวดูอิ่มน้ำ สดใสขึ้นเดี๋ยวนั้นเลย
- ไหมน้ำ: เปรียบเสมือนการ “หว่านเมล็ดพันธุ์ลงดิน” ค่ะ ตัวยา (มักเป็น PDO หรือ PLLA ในรูปแบบของเหลว) จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกาย สร้างคอลลาเจนรอบ ๆ ตัวยา ขึ้นมาเอง ช่วงแรกอาจจะยังไม่เห็นผลชัดเจนมากนัก ต้องรอเวลาให้เมล็ดพันธุ์โต (สร้างเนื้อเยื่อ) ประมาณ 1-3 เดือน ถึงจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่
เปรียบเทียบระยะเวลา ใครอยู่ทนกว่า?
จุดนี้คือสิ่งที่คนไข้สงสัยที่สุด หมอสรุปตัวเลขให้ดูง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ
- ฟิลเลอร์ใต้ตา: โดยปกติบริเวณใต้ตาเป็นจุดที่มีการขยับน้อยกว่าปาก แต่ผิวบาง หมอมักเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด ซึ่งจะสลายตัวได้เร็วกว่าเนื้อแข็ง อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6-12 เดือน (ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและการดูแลตัวเองค่ะ)
- ไหมน้ำ: เนื่องจากเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมา ผลลัพธ์จึงอยู่ได้นาน 12-24 เดือน (หรือ 1.5 – 2 ปี) เพราะสิ่งที่สร้างขึ้นมาคือเนื้อเยื่อจริง ๆ ของเรา ไม่ใช่สารเติมเต็มที่รอวันสลายค่ะ
ข้อควรระวังที่หมออยากฝากไว้ (สำคัญมาก!)
ถึงแม้ไหมน้ำจะอยู่นานกว่า แต่ ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับไหมน้ำใต้ตา นะคะ
- คนไข้ที่ใต้ตาลึกมาก ๆ: ฟิลเลอร์จะตอบโจทย์กว่า เพราะเติมวอลลุ่มได้ทันทีและแม่นยำกว่า
- ความเสี่ยง: ไหมน้ำบางชนิดหากฉีดตื้นเกินไปในผิวใต้ตาที่บาง อาจเกิด ก้อนไต (Nodules) ได้ง่ายกว่าฟิลเลอร์ (ซึ่งฟิลเลอร์ถ้าไม่ชอบยังมียาฉีดสลายได้ แต่ไหมน้ำต้องรอเวลาสลายเองค่ะ)





![[รีวิว] กู้ใต้ตาคล้ำให้สดใส! หน้าไม่เหนื่อย ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ D’ Lovevery Clinic](https://dloveveryclinic.com/storage/2025/11/case-112-under-eye-filler-dlovevery-before-after.webp)


