เลือดไม่มีรสชาติ แต่มีกลิ่นเฉพาะ
เริ่มจากคำถามแรกก่อน เลือดแต่ละกรุ๊ปมีรสชาติไม่ค่อยต่างกันมากค่ะ เพราะจริง ๆ เลือดทุกกรุ๊ป ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ป A, B, AB หรือ O ต่างก็มีองค์ประกอบเคมีพื้นฐานเหมือนกัน เช่น มี ฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นโปรตีนในเลือดที่ทำให้เลือดมีสีแดง และมีธาตุเหล็กที่ทำให้เลือดมีรสโลหะที่เรารับรู้เวลามีกลิ่นสัมผัส แต่ถึงจะมีความคล้ายกัน ร่างกายเราเองก็ปล่อย “กลิ่น” หรือ “สารเคมีจาง ๆ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมา เช่น เหงื่อหรือกรดธรรมชาติบนผิวที่แบคทีเรียย่อยสลายไป ทั้งหมดนี้ต่างหากค่ะที่อาจจะดึงดูดยุง หรือสัตว์ที่ต้องอาศัยเลือดเป็นอาหาร
จริง ๆ มีงานวิจัยที่น่าสนใจเลยค่ะ พบว่ายุงชอบ “กลุ่มคน” ที่เลือดกรุ๊ป O มากกว่ากรุ๊ปอื่น แต่ใจเย็นนะคะ ฟังหมอก่อน! ความชอบของยุงไม่ได้เกิดจาก รสชาติเลือด ตรง ๆ หรอกค่ะ จริง ๆ เกิดจากสารเคมีที่ร่างกายคนกรุ๊ป O ผลิตออกมาต่างหากค่ะ ที่อาจทำให้ยุงรับรู้ได้ง่าย หรือมันอาจจะเหมือน “กลิ่นหอม ๆ” สำหรับยุง (เหมือนเราได้กลิ่นอาหารแล้วอยากทานอะไรแบบนั้นค่ะ)
ส่วนเรื่องสุขภาพเลือด หมอมองว่าคนไข้ควรตั้งใจตรวจสุขภาพเลือดอย่างสม่ำเสมอค่ะ โดยเฉพาะถ้ากังวลเรื่องความสมดุลของฮอร์โมน หรือวิตามินในร่างกาย เราสามารถตรวจได้จากการเช็คค่าทางเคมีในเลือด เช่น ถ้าคนไข้ขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 หรือโฟเลต อาจมีผลให้เกิดภาวะซีด (anemia) ได้ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพผิว ผม และเล็บ ซีดโทรม เหนื่อยง่าย หรือผิวแห้งค่ะ เพราะเลือดที่ดีจะช่วยนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงร่างกายนั่นเอง
ดังนั้นต่อให้ยุงชอบเลือดกรุ๊ปไหนแค่ไหน หมออยากให้คนไข้ทุกกรุ๊ปเน้นให้คุณภาพเลือดของตัวเองดีไว้ก่อนค่ะ ดื่มน้ำเยอะ ๆ รับประทานอาหารที่ครบถ้วน โดยเฉพาะอาหารกลุ่มโปรตีน ธาตุเหล็ก และวิตามิน รวมถึงตรวจฮอร์โมนเมื่อจำเป็นค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพผิวพรรณความงามของเราไปด้วยนะคะ
คนเป็นเบาหวาน เลือดจะหวานกว่าคนไม่เป็นจริงไหม
น้ำตาลในเลือดสูง ไม่ได้เท่ากับว่าเลือดจะหวานกว่าคนทั่วไปนะคะ 🙂 เพราะฉะนั้นคำตอบคือ ไม่เป็นความจริง
การที่คนไข้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง หมายความว่าในเลือดของคนไข้มีปริมาณ “กลูโคส” ซึ่งเป็นรูปแบบน้ำตาลที่ร่างกายใช้เป็นพลังงานมากเกินไป แต่เลือดของเรานั้นไม่ใช่ว่าจะหวานเหมือนน้ำเชื่อม หรือให้ความหวานที่เรารับรู้ได้เหมือนน้ำหวานนะคะ
เพราะรสหวานที่ลิ้นเรารับรู้ได้ เช่น เวลาทานขนมหวาน เกิดจากการที่โมเลกุลน้ำตาลสัมผัสกับปลายประสาทลิ้นที่รับรส แต่เลือดในร่างกาย เราไม่ได้ดื่มหรือชิมเลือดโดยตรงใช่ไหมคะ 🙃 ดังนั้นถึงเลือดจะมีน้ำตาลสูงก็ไม่ได้ทำให้เลือดของคนไข้หวานตามความรู้สึกในรสชาติค่ะ
หมออยากเล่าต่อว่า ในอดีต เวลาตรวจหาโรคเบาหวาน หมอจริง ๆ จะ “ชิมปัสสาวะ” ของคนไข้นะคะ เพราะถ้าคนไข้มีน้ำตาลในเลือดสูงมาก ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้หมด น้ำตาลส่วนหนึ่งจึงถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ (เราเรียกว่า Glucosuria ค่ะ) ปัสสาวะก็จะมีรสหวาน ซึ่งนี่เป็นสาเหตุที่ชื่อคำว่า “เบาหวาน” ในภาษาไทยนั้น หมายถึง “ปัสสาวะหวาน” เลยค่ะ
แต่ประเด็นนี้หมออยากให้คนไข้คิดไปไกลกว่าความ “หวาน” ของเลือดนะคะ เพราะ การที่น้ำตาลในเลือดสูงไม่ได้ดีเลยค่ะ มันมีผลต่อความงามและสุขภาพโดยตรง เช่น
- น้ำตาลสูงทำให้ผิวคนไข้แห้ง เพราะเสียการกักเก็บความชุ่มชื้น
- ยังส่งผลต่อคอลลาเจนในผิว ทำให้เกิดปัญหาริ้วรอยก่อนวัยหรือจุดด่างดำง่ายกว่า และเซลล์ในผิวของเราก็ฟื้นตัวได้ช้าลง
- ความเสียหายนี้ยังลามไปถึงหลอดเลือด ซึ่งถ้าหลอดเลือดเสื่อม ผิวเราก็จะดูซีดโทรม และสุขภาพโดยรวมก็จะไม่ดีค่ะ
ดังนั้น หมอแนะนำว่า คนไข้ที่กังวลเรื่องเบาหวานหรือสุขภาพน้ำตาลในเลือด ควรดูแลอาหารให้สมดุล เช่น ลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ขัดขาว (เช่น ข้าวขาวหรือของหวาน) ทานผักผลไม้ที่น้ำตาลต่ำ และตรวจเลือดเป็นประจำค่ะ เพราะการดูแลน้ำตาลในเลือดเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพทั้งภายในและความสวยของเราจริง ๆ