ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

Neuronox โบนิว คืออะไร

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

Botulinum Toxin

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

โบนิว BO-NEU คืออะไร ดียังไง อยู่ได้นานไหม ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา

ฉีดโบท็อกซ์ยังไงให้ได้กน้าสวยธรรมชาติคะ? #botox #ดีเลิฟเวอรี่คลินิก #filler #หมอต้าร์

อย่าเพิ่งฉีดโบที่ไหน ถ้ายังไม่ได้มาปรึกษาดีเลิฟเวอรี่คลินิก ความจริงใจที่คุณจะสัมผัสได้

รีวิวโบ ลดริ้วรอย

โบนิว ดียังไง

โบนิว คืออะไร

โบนิว เป็นชื่อเรียกใหม่ของ Neuronox (นิวโรน็อกซ์) ถือเป็นหนึ่งในโบท็อกซ์ยี่ห้อแรกๆ จากเกาหลีที่ได้รับการนำเข้ามายังประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติเด่นของสายพันธุ์ออริจินัล Hall A-hyper ทำให้โบท็อกซ์ชนิดนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากแพทย์และคลินิกความงามมากมาย ในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยโบท็อกซ์ Neuronox ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย. ประเทศไทย ซึ่งเป็นการยืนยันถึงคุณภาพและมาตรฐานในระดับสากล

โบนิว ดียังไง

  • ตึงไว: โบนิวมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าลดลง จะเห็นผลได้ตั้งแต่ 2-7 วันหลังฉีด
  • ตึงนาน: โบนิวมีประสิทธิภาพในการคงฤทธิ์อยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและบริเวณที่ฉีด
  • ไม่ทำให้ดื้อโบ: โบนิวผลิตจากเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า “Innovative Aggregation Technology” ทำให้โบนิวมีโครงสร้างที่คงตัว ไม่เกิดการกระจายตัว ส่งผลให้โบนิวออกฤทธิ์ได้เต็มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการดื้อโบ

โบนิวทำงานอย่างไร

Neuronox แตกต่างจากยี่ห้ออื่นๆ ในด้านคุณภาพและความปลอดภัยที่ได้รับการรับรอง ทำให้ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย การเลือกคลินิกหรือสถานที่ฉีดโบท็อกซ์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพ ควรเลือกสถานที่ที่มีมาตรฐานและได้รับการรับรอง เพื่อความมั่นใจในการรักษา

เมื่อแพทย์ทำการฉีดโบนิวเข้าไปในกล้ามเนื้อ โปรตีน Botulinum toxin A จะจับกับตัวรับที่ปลายประสาท ทำให้การส่งสัญญาณจากเส้นประสาทไปยังกล้ามเนื้อถูกยับยั้ง ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเกิดการคลายตัว

การออกฤทธิ์ของ Neuronox ใช้เวลาประมาณ 2-7 วัน และจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีดและบริเวณที่ฉีด

โบนิว มีกี่แบบ

การเรียกหน่วยของการฉีดโบ หลายคนจะทราบดีอยู่แล้ว ซึ่งจะเรียกว่า “ยูนิต” โบนิวมีการทำบรรจุภัณฑ์มาทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

โบนิว-50-ยูนิต

50 Units (ขวดสีแดง) เหมาะกับการฉีดบริเวณไม่ใหญ่ ปัญหาไม่เยอะ เช่น ลดริ้วรอย Upper face หรือลดกรามในเคสที่กล้ามเนื้อมัดไม่ใหญ่เกินไปก็เพียงพอ

โบนิว 100 ยูนิต

100 Units (ขวดสีฟ้า) เหมาะกับการฉีดในกล้ามเนื้อมัดใหญ่ หรือต้องการรักษาหลายบริเวณพร้อมกัน ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด

โบนิว 200 ยูนิต

200 Units (ขวดสีส้ม)  เหมาะกับการฉีดบริเวณที่มีขนาดกว้าง ต้องการลดกล้ามเนื้อให้เยอะ เช่นลดการปวดบ่า ไหล่ ออฟฟิศซินโดรม หรือลดขนาดมัดกล้ามเนื้อน่อง

โบนิว ฉีดตรงไหนได้บ้าง

  • บริเวณใบหน้า: ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น รอยย่นหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว รอยตีนกา รอยเหี่ยวย่นที่มุมปาก
  • บริเวณคอ: ช่วยลดริ้วรอยที่คอและลำคอ
  • บ่า ไหล่: ลดการปวด ออฟฟิศซินโดรม
  • น่อง: ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง ทำให้น่องดูเล็กลง ขาเรียวขึ้น
  • ลดเหงื่อ: ฉีดลดเหงื่อที่ออกบริเวณฝ่ามือ หรือใต้วงแขนได้
  • บริเวณอื่นๆ: ช่วยลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็ง เช่น ไมเกรน คอเคลียร์ไมโอโทเนีย ภาวะกล้ามเนื้อกระตุกในเด็ก (spasmodic torticollis)
ตำแหน่งปริมาณยูนิต
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก15-20 ยูนิต
โบท็อกซ์ริ้วรอยหว่างคิ้ว6-15 ยูนิต
โบท็อกซ์หางตา15-20 ยูนิต
โบท็อกซ์กราม25-30 ยูนิต (ข้างละ)
โบท็อกซ์ปีกจมูก10-15 ยูนิต
โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า30-40 ยูนิต
โบท็อกซ์ลดเหงื่อรักแร้50-100 ยูนิต (ข้างละ)
โบท็อกซ์ลดเหงื่อฝ่ามือฝ่าเท้า100-200 ยูนิต (ข้างละ)
โบท็อกซ์ลดขนาดกล้ามเนื้อน่อง100-200 ยูนิต (ข้างละ)

หมายเหตุ

  • ปริมาณยูนิตที่ใช้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพผิว อายุ ปริมาณริ้วรอย บริเวณที่ฉีด และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีด
  • ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดโบท็อกซ์ เพื่อประเมินปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย

ข้อควรระวังในการใช้โบนิว

  • ต้องตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าคลินิกใช้ของแท้
  • ต้องตรวจสอบแพทย์ให้แน่ใจ ว่าเป็นแพทย์ที่มีใบอนุญาต และเป็นแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการฉีดโบปรับบรูปหน้า
  • ต้องรับบริการในสถานพยาบาล ที่ได้รับอนุญาต จากกระทรวงสาธารณะสุขเท่านั้น
  • ตัวโบนิว ต้องไม่มีราคาถูกเกินจริง ซึ่ง 99% ของโบนิวที่ราคาถูกเกินไป มักจะเป็นของปลอมหรือไม่ได้คุณภาพ ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ได้รับผลข้างเคียงหลายประการ เช่น ไม่เห็นผล ปากเบี้ยว เกิดการอักเสบ ติดเชื้อตามมาได้
รีวิวฉีดโบ ลดริ้วรอย
โบท็อกซ์ตัวไหนเห็นผลไว เป็นธรรมชาติ ไม่ตึงไป #โบนิว หมอต้าร์ หมอมือเบา หมอมือโบ

การเตรียมตัวก่อนฉีดโบนิว

  • งดยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน ไดโคลเฟแนก อย่างน้อย 7 วันก่อนฉีดโบนิว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
  • งดอาหารเสริม เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากใบแปะก๊วย อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนฉีดโบนิว เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดรอยช้ำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนฉีดโบนิว
  • พักผ่อนให้เพียงพอก่อนวันฉีด

ขั้นตอนการฉีดโบนิว

  • แพทย์ต้องซักประวัติ ปัญหาที่กังวล ประวัติการรับการฉีดโบท็อกซ์ก่อนหน้านี้ แพ้ยาอะไร ควรแจ้งแพทย์ให้รับทราบโดยละเอียด
  • แพทย์ประเมินปัญหาผิว ริ้วรอย มัดกล้ามเนื้อ จุดบริเวณที่กังวล พร้อมให้คำอธิบาย ประเมินจำนวนยูนิตที่เหมาะสมกับคนไข้
  • คนไข้ที่ไม่เคยฉีด หากกังวลเรื่องความเจ็บ แพทย์จะแนะนำให้แปะยาชา 30 นาที
  • แพทย์ทำการรักษา ใช้เวลา 5-10 นาที
  • การฉีดลดริ้วรอยจะมีรอยเข็ม และตุ่มๆ หลังฉีด โดยจะหายได้เองใน 30 นาที
  • ฟังคำแนะนำจากแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่ของคลินิกในการดูแลตัวเองหลังรับบริการ
5 คำแนะนำ หลังฉีดโบท็อกซ์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก หมอต้าร์

การดูแลหลังฉีดโบนิว

  • หลีกเลี่ยงการนวดหน้า ออกกำลังกายอย่างหนัก อาบน้ำอุ่นจัด และแช่น้ำร้อน อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังฉีดโบนิว
  • หลีกเลี่ยงการขยับบริเวณที่ฉีดจนกว่าโบนิวจะออกฤทธิ์เต็มที่
  • สังเกตอาการผิดปกติหลังฉีดโบนิว เช่น ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด พูดไม่ชัด กลืนลำบาก หายใจลำบาก หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์ทันที

หลังจากฉีด Sculptra แล้ว แนะนำให้เว้นระยะห่างก่อนที่จะฉีด โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ค่ะ

เหตุผลก็เพราะ Sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการเซตตัวและกระจายวัสดุให้ทั่วบริเวณที่ฉีดค่ะ การรบกวนด้วยหัตถการอื่นๆ (เช่น การเติมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์) อาจทำให้ผลลัพธ์ของ Sculptra ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น หรือเพิ่มความเสี่ยงบวม/ช้ำมากขึ้น

ยกเว้นว่าอยากฉีดลดกราม สามารถฉีดไปพร้อมกันได้เลย เพราะโบท็อกซ์กรามฉีดเข้ากล้ามเนื้อกรามโดยตรง และไม่ส่งผลต่อการบวมช้ำ ทับซ้อนกับตำแหน่งฉีดพวก Biostimulator

อ่านเพิ่มเติม

ได้ผลค่ะ เพราะจมูกเรามีกล้ามเนื้ออยู่ การฉีดโบท็อกซ์ลดปีกจมูก “เห็นผลจริง” จากงานวิจัยใหม่ปี 2025 ที่ใช้ ultrasound ยืนยัน พบว่าการฉีด 2–3 จุดสำคัญรอบปีกจมูกและฐานปลายจมูก จุดละ 2-3 ยูนิต สามารถช่วยให้ปีกจมูกแคบลงและแนวสันจมูกดูคมชัดขึ้น โดยจะเริ่มเห็นผลประมาณ 3–7 วัน และผลชัดสุดใน 2 สัปดาห์ค่ะ ผลลัพธ์นี้รองรับด้วยข้อมูลกายวิภาคและภาพเปรียบเทียบก่อน-หลังจากในงานวิจัยจริงเลยค่ะ

เทคนิคนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ปีกจมูกบาน หรืออยากให้แนวแกนจมูกดูคมชัดขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนรูปจมูกแบบธรรมชาติ ปลอดภัย แผลน้อย และสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ โดยเฉพาะในเคสที่กล้ามเนื้อบริเวณปีกจมูกและฐานจมูกทำงานเด่น เช่น เวลายิ้มปีกจมูกขยายออก เวลาหายใจแรงหรือแสดงสีหน้าแล้วจมูกจะขยับหรือปีกจมูกบานโดยไม่ตั้งใจ หรือมีปัญหา nasal tip ตก หมอเองก็เคยเจอเคสแบบนี้บ่อยค่ะ การฉีดโบท็อกซ์จะช่วยลดการเคลื่อนไหวส่วนนี้ ทำให้จมูกดูเรียวขึ้น และนิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน เหมาะมากสำหรับใครที่อยากปรับรูปจมูกให้ดูดีขึ้นแบบธรรมชาติค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ถ้าคนไข้เพิ่งไปฉีดโบท็อกซ์หรือฟิลเลอร์ แล้วเพิ่งมารู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ไม่ต้องกังวลมาก เพราะจากข้อมูลทางการแพทย์ยังไม่มีหลักฐานว่าเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ค่ะ แต่ควรงดฉีดทุกชนิดในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตร สำหรับทีมแพทย์ของดีเลิฟเวอรี่คลินิก ซักประวัติก่อนรับบริการ ถ้าคนไข้มีตั้งครรภ์จะไม่แนะนำทุกกรณีค่ะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด หรือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมปรึกษาหมอประจำตัวหรือแพทย์ผู้ฝากครรภ์ได้เลยนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

หลายคนที่ใช้ชีวิตหรือทำงานอยู่ต่างประเทศ เมื่อถึงเวลาวันหยุดหรือกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ก็มักจะนัดมาปรึกษาหรือทำหัตถการความงามกัน ไม่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ เติมเต็มร่องลึก หรือโบท็อกซ์ลดริ้วรอย เพราะคนไข้บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า หมอไทยเรานี่แหล่ะดีสุดแล้ว ทั้งคุยเข้าใจง่าย รู้ความต้องการจริงๆ แม้จะไม่ได้บอก และงานบริการ ราคาก็เข้าถึงได้ง่ายกว่าหลายประเทศ ซึ่งหลายคนวางแผนไว้ว่ากลับไทยปีละครั้งก็ต้องสวยแบบจบครบ ก่อนบินกลับไปเริ่มต้นงานใหม่อีกครั้ง

คนไข้หมอถามบ่อยสุด ก็คือ “ถ้าหมอฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์วันนี้ พรุ่งนี้หรืออีกสองสามวันฉันบินเลยได้ไหม?” หรือบางคนฉีดแล้วบึ่งไปสนามบินเลยได้ไหม กลัวว่าจะมีปัญหา ต้องถูกปฏิเสธขึ้นเครื่อง หรือเกิดผลข้างเคียงระหว่างการเดินทางหรือเปล่า วันนี้หมอจะขอสรุปข้อควรรู้และคำแนะนำแบบเข้าใจง่าย ให้คนไข้เตรียมตัวและวางแผนความสวยได้อย่างมั่นใจก่อนเดินทางกลับต่างประเทศค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หมอเชื่อว่าหลายคนที่สนใจฉีดโบท็อกซ์ อาจจะยังมีคำถามหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีการเลือกคลินิกและการดูแลตัวเอง ก่อน–หลังฉีดอยู่บ้างนะคะ วันนี้หมอรวมข้อควรรู้ ให้ทุกคนใช้เป็นเช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจฉีดค่ะ

  • เลือกแบรนด์ชั้นนำ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี ควรยึดแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแบรนด์บ่อยๆ
  • อยากลองแบรนด์ใหม่ๆ ต้องมั่นใจว่าหาข้อมูลดีพอ
  • อย่าเชื่อโปรโมชั่นที่ไม่จำกัดยูนิต โบท็อกซ์ที่ดีควรฉีดครั้งเดียวจบ
  • เลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์จริงๆ เพราะการฉีดโบท็อกซ์มีรายละเอียด แต่คนไข้มักคิดว่าที่ไหนก็เหมือนกัน
  • หลังฉีดควรเลี่ยงความร้อน 72 ชั่วโมง เช่น การเข้าซาวน่า เพราะอาจมีผลต่อประสิทธิภาพของยา
  • ไม่ควรฉีดบ่อยเกินไป ควรเว้นระยะห่างประมาณ 4-6 เดือน หลีกเลี่ยงการฉีดซ้ำในช่วงเวลาน้อยกว่า 3 เดือน

อ่านเพิ่มเติม

ไม่ใช่เรื่องแปลกไปนะคะ ความจริงแล้วคอเหี่ยวก่อนหน้าทั้งที่โดนแดดน้อยกว่า เพราะผิวบริเวณคอบางกว่า มีคอลลาเจนน้อยกว่า แล้วก็แทบไม่มีต่อมไขมันเหมือนผิวหน้า เวลาที่เราดูแลผิวหน้ากันอย่างดี—ทาครีม ทาเซรั่ม ลงกันแดด—แต่ส่วนใหญ่จะลืมดูแลผิวคอไปค่ะ คอก็เลยขาดการบำรุงสะสมไว้นาน ๆ พออายุมากขึ้นผิวตรงคอเลยหย่อนคล้อยเร็วกว่าหน้านั่นเอง

อีกอย่างหนึ่ง เวลาทำกิจกรรมเช่นก้มหน้าดูโทรศัพท์ หรือเล่นมือถือบ่อย ๆ ก็ทำให้เกิดรอยพับลึกที่คอ (เรียกว่า tech neck) ซึ่งไปเร่งให้คอเหี่ยวไวขึ้นอีก ดังนั้นหมอแนะนำว่าต่อไปนี้ดูแลผิวหน้าท่าไหน ก็ขยับลงมาทาครีมและกันแดดที่คอด้วยนะคะ จะช่วยให้คอดูอ่อนวัยใกล้เคียงกับผิวหน้าค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ถ้าเราฉีดฟิลเลอร์ตอนอายุมากๆ ซึ่งคำว่ามากของหมอในที่นี้คือ เกิน 60 ขึ้นไป จะมีความเสี่ยงบางประการที่เราต้องระวังค่ะ เนื้อเยื่อบริเวณนั้นบอบบางมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบวม ช้ำมากกว่าปกติ เพราะโครงสร้างผิวไม่แข็งแรงเหมือนตอนหนุ่มสาว

อีกอย่างหนึ่งที่คนไข้มักจะสงสัย คือเรื่องปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้จะมากขึ้น เพื่อช่วยเติมเต็มรูปหน้าและแก้ไขริ้วรอยที่ลึกขึ้นตามวัย เพราะโครงสร้างกระดูกและผิวที่เปลี่ยนไปนี่เองค่ะ อย่างไรก็ตาม หมอจะประเมินละเอียด ใช้เทคนิคพิเศษและเลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสม เพื่อให้คนไข้ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

สายพันธุ์ไม่สำคัญเท่า ความชำนาญของมือหมอ หรือแพทย์ผู้ทำการรักษาค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกใช้โบท็อกซ์ของแท้ ได้มาตรฐาน ถูกต้องตามกฎหมาย และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผลลัพธ์ที่ได้ในเรื่องระยะเวลาการออกฤทธิ์ ความอยู่นาน และความปลอดภัย ไม่ว่าผลิตภัณฑ์จะนำเข้าจากประเทศไหน แทบไม่มีความแตกต่างกันเกิน 10%

เพราะความสำเร็จในการรักษาขึ้นอยู่กับเทคนิค ความรู้ และประสบการณ์ของแพทย์เป็นหลัก มากกว่าสายพันธุ์หรือยี่ห้อของยา ดังนั้น การเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ และให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยของยาและทีมแพทย์จึงเป็นหัวใจสำคัญของการฉีดโบท็อกซ์ที่ได้ผลลัพธ์สวย ปลอดภัย และตรงใจคนไข้มากที่สุดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

15

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

ฉีดโบยังไง ให้ตึงไว ตึงนาน ไม่ดื้อโบ เข้ามาปรึกษาแพทย์ที่มีประสบการณ์ได้เลยค่ะ

★★ ความประทับใจ ★★

facebook
Tay Pattara
Tay Pattara
แนะนำเลย
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
facebook
Kwan Engwarin
Kwan Engwarin
แนะนำเลย
google
วิภัทร พงศ์ทิพากร
วิภัทร พงศ์ทิพากร
facebook
Wipat Pongtipagorn
Wipat Pongtipagorn
แนะนำเลย
facebook
วสิทธิ์ ทองโผ
วสิทธิ์ ทองโผ
แนะนำเลย
facebook
Suthasinee Jitbut
Suthasinee Jitbut
แนะนำเลย