ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

Sculptra คืออะไร

ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังหาข้อมูล

Biostimulator

ไม่มีเจตนาโปรโมทเครื่องมือแพทย์

รู้จักหมอต้าร์ ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ใบอนุญาต ว.49465

แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านปรับรูปหน้าและการชะลอวัย ประจำดีเลิฟเวอรี่คลินิก

Sculptra คืออะไร กระตุ้นคอลลาเจนได้ยังไง ราคาเท่าไหร่ คำถามที่พบบ่อย

พบแพทย์ก่อนทุกเคส แจ้งราคาชัดเจน ไม่มีบวกเพิ่มภายหลัง รับกล่องกลับบ้าน ผสมตัวยาต่อหน้า ติดตามผลการรักษา
เลือกอ่านเนื้อหา

จุดเด่นของ Sculptra

The first & original collagen biostimulator คอลลาเจนที่มีความสําคัญกับผิวหนังของเรามากที่สุด ก็คือคอลลาเจน ประเภทที่ 1 Sculptra ช่วยกระตุ้น Collagen Type I ให้เพิ่มกว่า 66.5% สภาพผิวแก่ช้าลง 10 ปี นอกจากนั้น Sculptra มีสภาพที่คงตัวและเร่งปฏิกริยาการเพิ่ม Collagen ได้เอง ต่อเนื่องนาน 2 ปี ซึ่งนานที่สุดเท่าที่เคยมีงานวิจัยมา

ผิวมีกี่ชั้น-สรุปให้-Sculptra-เหมาะกับผิวชั้นไหน

รีวิวโปรแกรม Sculptra

  • ฟื้นฟูสภาพผิวที่หย่อนคล้อย
  • เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
  • พยุงโครงสร้างผิว ให้ผิวแน่นขึ้น
  • ยกกระชับ ปรับรูปหน้า
  • ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
  • หลังรับบริการ รักษาตามจุดที่หย่อนคล้อยเห็นผลว่าหน้ายกกระชับขึ้นทันที
  • หลังรักษาไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ เช่น บวม แดง เป็นก้อน
  • มาตรฐาน USFDA approved และผ่าน อย. ประเทศไทย มั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัย

Sculptra คืออะไร

Sculptra เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีดที่ประกอบด้วยไหมน้ำชนิด PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารกระตุ้นคอลลาเจนในกลุ่มของ Biostimulator Sculptra ถือว่าเป็น Biostimulator ที่มีการศึกษาแล้วและมีผลกระตุนคอลลาเจนอย่างธรรมชาติได้ถึง 66.5% เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA) และได้ใช้ตั้งแต่ปี 1999 โดยมีการฉีดจริงมาแล้วจากอเมริกาและจึงมีความมั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์

Biostimulator เป็นการรักษาที่ใช้ในการแพทย์เพื่อชะลอวัยและการดูแลความงามโดยใช้หลักการกระตุ้น Natural Healing และ Regenerative process โดยการใช้สารบางอย่างในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟูด้วยตนเอง

สรุปง่ายๆ แบบไม่ต้องจำคำศัพธ์อะไรกันมากก็จะได้ประมาณว่า…

Sculptra เป็นสารกำเนิดคอลลาเจนในรูปแบบฉีดที่ใช้ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชนิดที่ 1 โดยใช้ Biostimulator และมีผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัยตามมาตรฐานการรักษาและอนุมัติจาก อย. แล้ว

คอลลาเจนคืออะไร สำคัญกับผิวเราอย่างไร

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่พบมากที่สุดในร่างกาย มักเปรียบเทียบกับโครงสร้างของร่างกาย คอลลาเจนมีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นแก่ผิวหนัง กระดูก ข้อต่อ และอวัยวะอื่นๆ เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง ทำให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และปัญหาสุขภาพอื่นๆ

คอลลาเจนใต้ผิว

กระบวนการทำงานของ Sculptra

Sculptra ประกอบด้วยกรดโพลี-แอล-แลคติก (PLLA) ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ย่อยสลายได้ เมื่อฉีด Sculptra เข้าไปในผิวหนัง PLLA จะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะค่อยๆ เติมเต็มและเพิ่มปริมาณของบริเวณที่ฉีด ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วงหลายเดือนและอาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Sculptra กับวิธีอื่นๆ ต่างกันอย่างไร

Sculptra แตกต่างจากวิธีการเสริมความงามอื่นๆ เช่น

  • สารเติมเต็มแบบชั่วคราว: สารเติมเต็มแบบชั่วคราว เช่น Restylane และ Juvederm ให้ผลลัพธ์ทันที แต่จะสลายตัวภายใน 6-12 เดือน
  • การผ่าตัด: การผ่าตัด เช่น การเสริมคางและการยกกระชับใบหน้า ให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แต่มีค่าใช้จ่ายสูงและมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
  • การรักษาด้วยเลเซอร์และคลื่นความถี่วิทยุ: การรักษาด้วยเลเซอร์และคลื่นความถี่วิทยุสามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้ แต่ผลลัพธ์มักจะไม่คงอยู่ถาวรเท่ากับ Sculptra
SCULPTRA-vs-RADIESSE เลือกอะไรดี

Sculptra กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร

Sculptra และฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มทั้งคู่ แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญบางประการ

  • องค์ประกอบ: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ซึ่งเป็นสารชีวภาพที่ย่อยสลายได้ ส่วนฟิลเลอร์ทั่วไปมักประกอบด้วยไฮยาลูโรนิกแอซิด ซึ่งเป็นสารที่พบตามธรรมชาติในร่างกาย
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วนฟิลเลอร์จะเติมเต็มบริเวณที่ฉีดโดยตรง
  • ระยะเวลาผลลัพธ์: ผลลัพธ์ของ Sculptra อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี ส่วนฟิลเลอร์ทั่วไปจะสลายตัวภายใน 6-12 เดือน

Sculptra กับ เมโสหน้าใส ต่างกันอย่างไร

Sculptra และเมโสหน้าใสเป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • จุดประสงค์: Sculptra ใช้เพื่อเพิ่มปริมาณและปรับรูปร่างของใบหน้าและร่างกาย ส่วนเมโสหน้าใสใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วนเมโสหน้าใสประกอบด้วยวิตามิน สารต้านอนุมูลอิสระ และสารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อผิว
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วนเมโสหน้าใสให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

โปรแกรม Sculptra กับ Juvelook ต่างกันอย่างไร

คุณสมบัติโปรแกรม SCULPTRAโปรแกรม JUVELOOK
ส่วนประกอบหลักPDLLA + Hyaluronic AcidPLLA
กลไกการทำงานกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน เพิ่มความชุ่มชื้น
ฟื้นฟูผิว
กระตุ้นคอลลาเจนลึก เติมเต็มปริมาตรใบหน้า ลดริ้วรอยลึก
ผลลัพธ์เด่นผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น กระจ่างใสใบหน้าดูเต็มอิ่ม ยกกระชับ ลดริ้วรอยลึก
ปัญหาผิวเหมาะกับผิวแห้ง ขาดน้ำ, ริ้วรอยตื้น, รอยแตกลายเล็กๆ,
ผิวไม่กระชับเล็กน้อย, ผิวหมองคล้ำ, ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
ผิวหย่อนคล้อยชัดเจน, ริ้วรอยลึก, แก้มตอบ, ใบหน้าขาดปริมาตร,
โหนกแก้มไม่ชัด, ใต้ตาลึก, ถุงใต้ตา, คอและเหนียงเริ่มหย่อน
ระยะเวลาผลลัพธ์6-12 เดือน1.5-2 ปี
จำนวนครั้งที่แนะนำ3 ครั้ง3 ครั้ง
ความเจ็บ/ ฟื้นตัวเจ็บเล็กน้อย คล้ายฉีดโบท็อกซ์ ไม่มีเวลาพักฟื้นอาจเจ็บมากกว่าเล็กน้อย มีส่วนผสมยาชาช่วย ทนได้ง่าย
เหมาะกับใครต้องการฟื้นฟูผิว เติมน้ำ ลดริ้วรอยเล็กๆ ผิวกระจ่างใสต้องการยกกระชับ เติมเต็มปริมาตร ลดริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยชัด

Sculptra กับ Rejuran ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Rejuran เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Rejuran ประกอบด้วยโพลีนิวคลีโอไทด์ (PN) ซึ่งเป็นสารที่พบในเซลล์ของร่างกาย
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Rejuran กระตุ้นการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Rejuran ให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra กับ Gouri ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Gouri เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Gouri ประกอบด้วยไฮดรอกซีอะพาไทต์ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบในกระดูกและฟัน
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Gouri เติมเต็มบริเวณที่ฉีดโดยตรง
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Gouri ให้ผลลัพธ์ที่ทันทีและถาวร

Sculptra กับ Exosome ต่างกันอย่างไร

Sculptra และ Exosome เป็นการรักษาที่แตกต่างกัน

  • สารที่ใช้: Sculptra ประกอบด้วย PLLA ส่วน Exosome เป็นถุงขนาดเล็กที่ปล่อยออกมาจากเซลล์และมีโปรตีนและโมเลกุลอื่นๆ
  • กลไกการทำงาน: Sculptra กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใหม่ ส่วน Exosome กระตุ้นการซ่อมแซมและการฟื้นฟูเซลล์
  • ผลลัพธ์: Sculptra ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและยาวนาน ส่วน Exosome ให้ผลลัพธ์ที่ชั่วคราวและมักใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra เหมาะกับใคร

Sculptra เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ

  • เพิ่มปริมาณและปรับรูปร่างของใบหน้าและร่างกาย
  • แก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  • ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม
sculptra ลำคอ ยกกระชับผิว

Sculptra ช่วยอะไรได้บ้าง

Sculptra สามารถใช้เพื่อช่วย

  • เติมเต็มบริเวณที่ยุบตัว เช่น ร่องแก้มและขมับ
  • ปรับรูปร่างของใบหน้า เช่น คางและจมูก
  • แก้ไขริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
  • กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน
  • ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม

ขั้นตอนการฉีด Sculptra

ขั้นตอนการฉีด Sculptra มีดังนี้

  1. ปรึกษาแพทย์เพื่อหารือเกี่ยวกับเป้าหมายและความคาดหวังของคุณ
  2. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณที่ฉีด
  3. ฉีด Sculptra เข้าไปในบริเวณที่ต้องการโดยใช้เข็มขนาดเล็ก
  4. นวดบริเวณที่ฉีดเพื่อกระจาย Sculptra อย่างสม่ำเสมอ
  5. ประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง

หลังฉีด Sculptra ดูแลตัวอย่างไร

หลังฉีด Sculptra ควรดูแลตัวเองดังนี้

  • ประคบเย็นบริเวณที่ฉีดเพื่อลดอาการบวมและรอยแดง
  • หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่รุนแรง
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือซาวน่า

Sculptra ต้องนวดหลังทำ?

การดูแลตัวเองที่บ้าน (สำคัญมาก!) คนไข้จะต้องทำการนวดบริเวณที่ฉีดตามหลัก “Triple 5” คือ นวดครั้งละ 5 นาที, ทำวันละ 5 ครั้ง, ติดต่อกัน 5 วัน การนวดจะช่วยให้อนุภาคของ Sculptra กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและกลมกลืนไปกับชั้นผิว ป้องกันการจับตัวเป็นก้อน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

sculptra ท่านวด

4 ขั้นตอนการนวดหน้าด้วยเทคนิค Triple 5 หลังฉีด Sculptra

ขั้นตอนที่ 1: นวดบริเวณขมับและหน้าผาก
กำมือหลวมๆ แล้วยกนิ้วโป้งขึ้นมาค่ะ จากนั้นใช้ “ข้อนิ้วโป้ง” ค่อยๆ นวดคลึงเป็นวงกลมบริเวณ “ขมับ” แล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นไปจนสุดแนวไรผม ทำสลับซ้าย-ขวา ช้าๆ ค่ะ

ขั้นตอนที่ 2: นวดบริเวณแก้ม (ส่วนหน้า)
ใช้ “ข้อนิ้วโป้ง” เช่นเดิม นวดคลึงบริเวณ “หน้าแก้ม” (บริเวณข้างจมูก) โดยนวดในทิศทางยกขึ้น วนขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณ “ข้างแก้ม” ค่ะ

ขั้นตอนที่ 3: นวดบริเวณโหนกแก้ม
ใช้ “อุ้งมือหรือสันกำปั้น” วางทาบลงบนใบหน้า แล้วค่อยๆ นวดในทิศทางยกขึ้น จากบริเวณ “แก้มส่วนล่าง” ไล่ขึ้นไปจนถึง “โหนกแก้ม” เพื่อช่วยยกกระชับ ทำซ้ำไปมาหลายๆ ครั้งค่ะ

ขั้นตอนที่ 4: นวดบริเวณแนวกรามและกรอบหน้า
ใช้ “อุ้งมือหรือสันกำปั้น” เริ่มนวดจาก “ปลายคาง” แล้วค่อยๆ นวดไล่ขึ้นไปตาม “แนวกราม” จนถึงบริเวณข้างหู เพื่อให้กรอบหน้าคมชัดขึ้น ทำซ้ำหลายๆ รอบได้เลยค่ะ

Sculptra ราคาเท่าไหร่

sculptra ราคา สเก๊าต้า ราคา

ฉีด Sculptra อันตรายไหม

Sculptra เป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (FDA) อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น

  • อาการบวมและรอยแดง
  • อาการปวดและช้ำ
  • การติดเชื้อ
  • การก่อตัวของก้อนแข็ง

ข้อควรระวังการฉีด Sculptra

ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อฉีด Sculptra ในบริเวณต่อไปนี้

  • บริเวณที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ
  • บริเวณที่มีประวัติเป็นแผลเป็นนูน
  • บริเวณที่มีเส้นประสาทหรือเส้นเลือดสำคัญ

หลังฉีด Sculptra มีผลข้างเคียงไหม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Sculptra ได้แก่

  • อาการบวมและรอยแดง
  • อาการปวดและช้ำ
  • การติดเชื้อ
  • การก่อตัวของก้อนแข็ง
  • การแพ้
Sculptra กระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอและกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนใน 3 เดือน

ฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล

ผลลัพธ์ของ Sculptra จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นในช่วงหลายเดือน ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์อาจใช้เวลาถึง 6 เดือน

ฉีด sculptra ต้องฉีดกี่ครั้ง

จำนวนครั้งในการฉีด Sculptra ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความคาดหวังของคุณ โดยทั่วไปแล้วอาจจำเป็นต้องฉีด 2-3 ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

Sculptra ต้องทำกี่ครั้ง

ฉีด Sculptra อยู่ได้นานไหม

ผลลัพธ์ของ Sculptra อาจอยู่ได้นานถึง 2 ปี

Sculptra ของแท้ดูยังไง

Sculptra ของแท้ ดูยังไง ทำไมบางที่ราคาถูกผิดปกติ

Sculptra ของแท้จะมีคุณสมบัติต่อไปนี้

  • มีการปิดผนึกที่ปลอดภัย
  • มีฉลากที่ชัดเจนระบุชื่อผลิตภัณฑ์ ปริมาณ และวันหมดอายุ
  • มีการติดตามและตรวจสอบได้

Atelocollagen และ Rh Collagen คือเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวขั้นสูงที่แตกต่างกันที่ “แหล่งกำเนิด” ค่ะ โดย Atelocollagen (คอลลาเจนสด) สกัดจากธรรมชาติและตัดส่วนที่ก่อภูมิแพ้ออก เด่นเรื่อง โครงสร้าง Triple Helix ที่สมบูรณ์ ช่วย กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และรักษาหลุมสิว ได้ดีเยี่ยม ส่วน Rh Collagen เป็นคอลลาเจนจาก เทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีโครงสร้าง เหมือนของมนุษย์ 100% จึงให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยสูงสุด (Safety) ไร้ความเสี่ยงจากสัตว์ และมีความเสถียรของตัวยา ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นทางเลือกหลักใน การฟื้นฟูโครงสร้างผิวระดับลึก ของวงการแพทย์ความงามยุคใหม่ค่ะ

Rh Collagen ประเภท Type III ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่พบมากในผิวเด็กทารก

อ่านเพิ่มเติม

ตามทฤษฎี ไหมน้ำ ที่เติมใต้ตาได้นั้น อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์จริงค่ะ แต่คนไข้ต้องเข้าใจธรรมชาติของเขาด้วย คือหลังทำจะเห็นผลทันทีก็จริง แต่ ผ่านไป 1 สัปดาห์จะยุบตัวลงก่อน แล้วจึงค่อย ๆ อิ่มฟูขึ้นมาใหม่จากการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คนไข้แปลกใจได้ ต่างจากฟิลเลอร์ที่ ฉีดเท่าไหร่ได้เท่านั้น (Immediate Result) แล้วค่อย ๆ ยุบตัวลง ตามกาลเวลาค่ะ เวลาหมอแนะนำจึงต้องดูความสบายใจของคนไข้เป็นหลัก ถ้าใครกังวลเรื่องก้อนหรือไม่สบายใจกับฟิลเลอร์ ไหมน้ำก็ถือว่าตอบโจทย์ใต้ตาได้ดี แต่ถ้าใครต้องการ ความเรียบเนียนทันที และรับได้กับการมาเติมปีละครั้ง ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม มากกว่าค่ะ

โดยเฉลี่ยของเคสคนไข้หมออยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ในขณะที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน สาเหตุเพราะไหมน้ำทำหน้าที่เป็น Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ของคนไข้เอง ซึ่งมีความคงทนกว่าสารเติมเต็ม และเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการปรับสภาพผิวใต้ตาให้แน่นกระชับ มากกว่าคนที่ต้องการเติมถมร่องลึกมาก ๆ ซึ่งฟิลเลอร์ยังคงเป็นมาตรฐานหลัก (Gold Standard) ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึกค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ถ้าให้หมอสรุปย่อๆให้ฟังคือ “ร้อยไหม” กับ “ไหมน้ำ” เป็นหัตถการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงค่ะ การร้อยไหมจะเน้นการใช้เส้นไหมจริงๆ เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เห็นผลทันที เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการแก้ปัญหาแก้มห้อยหรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน ในขณะที่ “ไหมน้ำ” เป็นการฉีดสารกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายในให้กลับมาแน่นและอิ่มฟูขึ้น ยกกระชับผิวได้แต่จะไม่ใช่การดึงผิวขึ้น ณ เวลานั้นเลย เหมาะกับคนไข้ที่ผิวบางและขาดคอลลาเจน ผิวเสื่อมต้องการฟื้นฟูระยะยาวค่ะ การจะเลือกทำอะไรนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้เป็นหลักค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หน้าทรุด ที่มาพร้อมกับอาการ ขมับตอบ, ถุงใต้ตา, หน้าแก้มแบน, และแก้มตอบ สามารถแก้ไขได้ด้วย ฟิลเลอร์ โดยการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์ และมีมิติมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดย แพทย์ผู้มีประสบการณ์จริงๆเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เพราะหากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ประเมินผิดพลาด เน้นการเติมด้วยจำนวนที่เยอะเกินไป แทนที่จะได้ผิวหน้าที่ยกกระชับอ่อนกว่าวัย จะกลายเป็นหน้าอ้วน หน้า Overfield ได้

อ่านเพิ่มเติม

ดีเลิฟเวอรี่คลินิก จะมาสรุปคำแนะนำสำคัญเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดหรือเลเซอร์จากคลินิกของเรานะคะ เพื่อให้คุณลูกค้าเข้าใจและดูแลผิวได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ โดยรวมแล้ว การดูแลหลังทำมีความแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดนะคะ สำหรับหัตถการกลุ่มฉีด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เมโสแฟต หรือ Biostimulator ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้งดแต่งหน้าประมาณ 4-24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดทับ การติดเชื้อ หรือการกระจายตัวของยา ส่วนกลุ่มเลเซอร์บางชนิด เช่น เลเซอร์ CO2 ที่มีแผลตกสะเก็ด จะต้องงดแต่งหน้าไปเลยจนกว่าสะเก็ดจะหลุดและผิวสมานตัวดี ซึ่งอาจใช้เวลา 7-14 วันเลยค่ะ และไม่ว่าจะทำหัตถการใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ รวมถึงการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนค่ะ หากคุณลูกค้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือมีอาการผิดปกติหลังทำหัตถการ อย่าลังเลที่จะติดต่อสอบถามแอดมินหรือคุณหมอได้เลยนะคะ เรายินดีดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

“ไหมน้ำ” คือนวัตกรรมใหม่ที่ใช้การ “ฉีด” สารกระตุ้นคอลลาเจนลงใต้ผิวหนังเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับมาเต่งตึง กระชับ แลดูอ่อนเยาว์ โดย ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น เหมือนการร้อยไหมแบบเดิมๆ ค่ะ ซึ่งไหมน้ำแต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นต่างกันไป เช่น PLLA (Sculptra) เน้นกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติPDLLA (Juvelook) เป็นสูตรไฮบริดที่ทั้งกระตุ้นคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นPDO (Ultracol) ช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้ผิวตึงกระชับ และ PCL (Gouri) โดดเด่นเรื่องการลดริ้วรอยและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้แต่ละคนค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ

อ่านเพิ่มเติม

สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ แม้ Juvelook และ Sculptra จะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่มีความถนัดคนละด้านค่ะ Juvelook จะเน้นการฟื้นฟู “คุณภาพผิว” ในองค์รวม เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ รูขุมขน และปัญหาใต้ตา ทำให้ผิวดูละเอียด เนียนใส และอิ่มฟูขึ้น ในขณะที่ Sculptra จะเน้นเรื่อง “การยกกระชับและปรับโครงสร้าง” เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัด หรือเติมเต็มใบหน้าที่ดูตอบลงค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้เวลารับบริการ:

60

นาที

ให้บริการโดย:

แพทย์ประจำ

รู้หรือไม่ว่าสาเหตุหลักของผิวเหี่ยวย่นคือการสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังในอัตราเฉลี่ยร้อยละ 1 ต่อปี

★★ ความประทับใจ ★★

google
Junny Berry
Junny Berry
13/06/2025
google
Pakjira Lerttaweevit
Pakjira Lerttaweevit
24/12/2024
facebook
Pakjira Leattaveevit
Pakjira Leattaveevit
แนะนำเลย
24/12/2024
facebook
Zypher Kun
Zypher Kun
แนะนำเลย
21/07/2024
facebook
Hana Mizu
Hana Mizu
แนะนำเลย
16/06/2024
google
วริศรา บํารุงชาติ
วริศรา บํารุงชาติ
16/06/2024
Chuttanun Thirawadee
Chuttanun Thirawadee
29/04/2024