Turning back the hands of time is no longer a fantasy

ประโยคนี้อาจฟังดูเหมือนฝัน แต่ในวงการความงามปัจจุบัน การมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และเรียบเนียนโดยไม่ต้องพึ่งพามีดหมอหรือต้องเจ็บตัวบ่อยๆ นั้นเป็นจริงได้แล้วค่ะ สำหรับใครที่กำลังมองหาคำตอบของผิวสวยสุขภาพดีแบบยั่งยืน
Juvelook (จูวีลุค) คือ Skin Booster ที่ไม่ใช่แค่ฟิลเลอร์หรือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulator) ทั่วไป แต่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่าง PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid) และ HA (Hyaluronic Acid) แบบไม่ผ่านการเชื่อมขวาง (Non-crosslinked) ค่ะ

ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ทำให้ Juvelook สามารถมอบผลลัพธ์ที่โดดเด่นและแตกต่าง โดยถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ตามธรรมชาติ (Neocollagenesis) ช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีความยืดหยุ่น เต่งตึง และดูอ่อนเยาว์ลงอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดค่ะ
รีวิวงานผิว Biostimulator


ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ Juvelook แตกต่าง
- PDLLA (Poly-D,L-Lactic Acid): คือสารสังเคราะห์ที่เข้ากันได้ดีกับร่างกายและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ อนุภาคของ PDLLA ใน Juvelook มีลักษณะเป็นทรงกลมขนาดเล็กและมีรูพรุน (Porous & Microsphere) ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดการอักเสบและป้องกันการเกิดก้อนใต้ผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว PDLLA จะทำหน้าที่เป็นเหมือน “นั่งร้าน” ให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เข้ามายึดเกาะและกระตุ้นให้เกิดการผลิตคอลลาเจน Type 1 และ Type 3 ซึ่งเป็นคอลลาเจนชนิดที่สำคัญที่สุดต่อความอ่อนเยาว์และความยืดหยุ่นของผิวค่ะ
- Non-crosslinked HA (Hyaluronic Acid): ไฮยาลูรอนิก แอซิด ชนิดที่ไม่ผ่านการเชื่อมขวาง ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ทันทีหลังการฉีด ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ฉ่ำวาว และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ PDLLA จะค่อยๆ ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวต่อไปค่ะ

Juvelook ช่วยแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง?
ด้วยคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้นไปพร้อมกัน Juvelook จึงเป็นคำตอบสำหรับหลากหลายปัญหาผิว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวแบบองค์รวมค่ะ
- เพิ่มความยืดหยุ่นและยกกระชับผิว (Skin Elasticity & Lifting): ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ Juvelook จะเข้าไปช่วยสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ผิวจึงดูเต่งตึงและกระชับขึ้นค่ะ
- ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย (Wrinkle Reduction): ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หรือร่องแก้ม จะค่อยๆ จางลงและตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติค่ะ
- ฟื้นฟูหลุมสิวและลดขนาดรูขุมขน (Acne Scar & Pore Minimizing): การสร้างคอลลาเจนใหม่จะช่วยเติมเต็มเนื้อเยื่อบริเวณหลุมสิวให้ตื้นขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้รูขุมขนที่กว้างดูกระชับและเล็กลง ผิวจึงดูเรียบเนียนขึ้นค่ะ
- ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม (Overall Skin Quality): ผิวจะดูสุขภาพดีขึ้น มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว อิ่มฟู และดูสดใสเปล่งปลั่งค่ะ
- ลดรอยแตกลาย (Stretch Marks): สามารถใช้ Juvelook เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนบริเวณรอยแตกลาย ช่วยให้รอยดูจางลงได้ค่ะ

คอลลาเจนบูสเตอร์ที่ผสมผสานระหว่างกรดไฮยาลูโรนิก(HA) กับกรดโพลิแลกติก(PDLLA) เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของผิว ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น ช่วยให้ผิวกระชับอิ่มฟูยืดหยุ่น ฟื้นฟูผิวจากโครงสร้างผิวชั้นลึกทำให้ผิวแข็งแรงจากภายใน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ ริ้วรอยดูจางลงอย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยฟื้นฟูผิวที่แก่ก่อนวัย
- เพิ่มความยืดหยุ่นแก่ผิว
- ลดริ้วรอย ผิวเรียบเนียน
- รูขุมขนเล็กลง
- ลดรอยหลุมสิว
- ช่วยปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส
| คุณสมบัติ | 🔵 Juvelook | 🔴 Lenisna |
|---|---|---|
| ส่วนประกอบหลัก | PDLLA 42.5 mg + Non-crosslinked HA 7.5 mg | PDLLA 170 mg + Non-crosslinked HA 30 mg |
| ชั้นผิวที่เหมาะ | ชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) หรือชั้นตื้น | ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Layer) หรือชั้นลึก |
| เป้าหมายหลัก | ฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Rejuvenation) | เติมเต็มปริมาตร (Volume Restoration) |
| เหมาะสำหรับ | เติมเต็มร่องน้ำตาและริ้วรอยรอบดวงตาลดเลือนริ้วรอย บริเวณลำคอปรับผิวให้กระจ่างใส, กระชับรูขุมขนลดเลือน รอยแผลเป็นลดเลือนรอยแตกลาย | เติมเต็ม Volume ให้ใบหน้า (หน้าผาก, แก้ม, ขมับ)เติมเต็มร่องลึก (ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก)ยกกระชับผิวกาย |
ตารางเปรียบเทียบ Juvelook vs Restylane Vital Skinbooster
ตาราง
| คุณสมบัติ | Juvelook | Restylane Vital Skinbooster |
|---|---|---|
| ส่วนประกอบหลัก | Poly D,L Lactic Acid (PDLLA) + Hyaluronic Acid (HA) | Hyaluronic Acid (HA) แบบไม่เชื่อมโยงกัน (Non-crosslinked HA) |
| กลไกการออกฤทธิ์ | 1. HA: ให้ความชุ่มชื้นและเติมเต็มทันที 2. PDLLA: กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ของร่างกายอย่างต่อเนื่องและยาวนาน (Biostimulator) | 1. HA: ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึกจากภายใน 2. HA: ช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิว เพิ่มความยืดหยุ่น และลดเลือนริ้วรอยเล็กๆ |
| ลักษณะ | สารละลายที่มีอนุภาคเล็ก (Micro-particle solution) | เจลใส |
| เป้าหมายหลัก | – กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย – ปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม – ลดเลือนรอยแผลเป็นหลุมสิว | – เพิ่มความชุ่มชื้นและฉ่ำวาวให้ผิว – ฟื้นฟูสภาพผิวที่แห้งกร้านหรือเสื่อมโทรม – ลดริ้วรอยตื้นๆ และปรับผิวให้เรียบเนียน |
| ผลลัพธ์ที่เห็น | – ผิวกระชับขึ้น – ริ้วรอยลดลง – คุณภาพผิวดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง – รูขุมขนกระชับ | – ผิวดูอิ่มฟู ชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง มีออร่า – ผิวเรียบเนียนขึ้น – ริ้วรอยตื้นๆ ดูจางลง |
| ระยะเวลาเห็นผล | เริ่มเห็นผลการกระตุ้นคอลลาเจนใน 4-6 สัปดาห์ และดีขึ้นเรื่อยๆ | เห็นผลลัพธ์ความชุ่มชื้นทันทีหลังฉีด และชัดเจนขึ้นหลังทำครบตามคอร์ส |
| ระยะเวลาคงอยู่ | ประมาณ 12-18 เดือน (ผลจากการกระตุ้นคอลลาเจน) | ประมาณ 6-9 เดือน (แนะนำทำต่อเนื่อง 3 ครั้งห่างกัน 2-4 สัปดาห์) |
| บริเวณที่นิยมฉีด | ใต้ตา, รูขุมขน, ริ้วรอยทั่วใบหน้า, คอ, แผลเป็นหลุมสิว | ทั่วใบหน้า, ลำคอ, เนินอก, หลังมือ |
| ข้อดี | – กระตุ้นคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ – ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและค่อยเป็นค่อยไป – ช่วยเรื่องหลุมสิวและรูขุมขนได้ดี | – ให้ความชุ่มชื้นและอิ่มฟูได้ดีมาก – ลดริ้วรอยตื้นๆ และปรับผิวให้ดูสุขภาพดี – มีความปลอดภัยสูง ได้รับการยอมรับทั่วโลก |
| ข้อควรพิจารณา | – อาจต้องใช้เวลาเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน – มีโอกาสเกิดก้อนเล็กๆ ใต้ผิวหนังได้ หากฉีดไม่ถูกต้องหรือดูแลหลังฉีดไม่ดี | – ไม่ได้กระตุ้นคอลลาเจนมากเท่า Juvelook – ต้องทำเป็นคอร์สเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด |
ขั้นตอนการทำงานและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
Juvelook จะถูกผสมกับน้ำกลั่นสำหรับฉีดยา (Sterile Water) ก่อนใช้ และอาจมีการผสมยาชาเพื่อลดความเจ็บขณะทำหัตถการ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการฉีด Juvelook เข้าไปในชั้นหนังแท้ (Dermis Layer) อย่างแม่นยำ
- ผลลัพธ์ทันที: หลังฉีด HA จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและดูเต็มขึ้นทันทีค่ะ
- ผลลัพธ์ระยะยาว: หลังจากนั้นประมาณ 4-6 สัปดาห์ PDLLA จะเริ่มกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนอย่างเต็มที่ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนที่สุดในช่วง 2-3 เดือนหลังฉีดค่ะ
- ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนาน: ผลลัพธ์จากการรักษาด้วย Juvelook สามารถคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคลค่ะ
คำแนะนำในการรักษา
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แนะนำให้ทำการรักษาต่อเนื่อง 3 ครั้ง โดยเว้นระยะห่างทุกๆ 4-6 สัปดาห์ จากนั้นสามารถกลับมาทำซ้ำทุกๆ 12-18 เดือนเพื่อคงสภาพผิวที่ดีไว้ค่ะ

Juvelook เหมาะกับใครและใครที่ควรหลีกเลี่ยง?
เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่ต้องการป้องกันและชะลอการเกิดริ้วรอย
- ผู้ที่กังวลเรื่องปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยตื้นๆ บนใบหน้า ลำคอ หรือหลังมือ
- ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้าง
- ผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน อิ่มฟู และกระจ่างใสขึ้น
ข้อควรระวังและผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของ Juvelook (PDLLA, HA)
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Autoimmune disease)
- ผู้ที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่จะทำการรักษา
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
การเตรียมตัวก่อนและหลังทำ Juvelook
ก่อนทำ
- งดยาหรือวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนทำ
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทุกครั้ง
หลังทำ
- อาจมีอาการบวมแดงหรือรอยช้ำเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปเองใน 2-3 วัน สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมได้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส นวด หรือถูบริเวณที่ทำหัตถการแรงๆ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
- งดแต่งหน้าอย่างน้อย 12-24 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ การสัมผัสความร้อนจัด เช่น ซาวน่า หรือการตากแดดจัดๆ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก
- ดื่มน้ำให้เพียงพอและทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

| คุณสมบัติ | โปรแกรม SCULPTRA | โปรแกรม JUVELOOK |
|---|---|---|
| ส่วนประกอบหลัก | PDLLA + Hyaluronic Acid | PLLA |
| กลไกการทำงาน | กระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน เพิ่มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว | กระตุ้นคอลลาเจนลึก เติมเต็มปริมาตรใบหน้า ลดริ้วรอยลึก |
| ผลลัพธ์เด่น | ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื้น กระจ่างใส | ใบหน้าดูเต็มอิ่ม ยกกระชับ ลดริ้วรอยลึก |
| ปัญหาผิวเหมาะกับ | ผิวแห้ง ขาดน้ำ, ริ้วรอยตื้น, รอยแตกลายเล็กๆ, ผิวไม่กระชับเล็กน้อย, ผิวหมองคล้ำ, ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น | ผิวหย่อนคล้อยชัดเจน, ริ้วรอยลึก, แก้มตอบ, ใบหน้าขาดปริมาตร, โหนกแก้มไม่ชัด, ใต้ตาลึก, ถุงใต้ตา, คอและเหนียงเริ่มหย่อน |
| ระยะเวลาผลลัพธ์ | 6-12 เดือน | 1.5-2 ปี |
| จำนวนครั้งที่แนะนำ | 3 ครั้ง | 3 ครั้ง |
| ความเจ็บ/ ฟื้นตัว | เจ็บเล็กน้อย คล้ายฉีดโบท็อกซ์ ไม่มีเวลาพักฟื้น | อาจเจ็บมากกว่าเล็กน้อย มีส่วนผสมยาชาช่วย ทนได้ง่าย |
| เหมาะกับใคร | ต้องการฟื้นฟูผิว เติมน้ำ ลดริ้วรอยเล็กๆ ผิวกระจ่างใส | ต้องการยกกระชับ เติมเต็มปริมาตร ลดริ้วรอยลึก ผิวหย่อนคล้อยชัด |
ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ แข็งแรง และสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก ด้วยผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงอยู่ยาวนาน จึงตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัวค่ะ อย่างไรก็ตาม ควรเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ
Juvelook ราคา โปรโมชั่น

| ปริมาณ | ราคา |
|---|---|
| 1 cc | 3,999 บาท |
| 1 ขวด/6 cc | 15,900 บาท |
| 3 ขวด/18 cc | 44,900 บาท |
Atelocollagen และ Rh Collagen คือเทคโนโลยีฟื้นฟูผิวขั้นสูงที่แตกต่างกันที่ “แหล่งกำเนิด” ค่ะ โดย Atelocollagen (คอลลาเจนสด) สกัดจากธรรมชาติและตัดส่วนที่ก่อภูมิแพ้ออก เด่นเรื่อง โครงสร้าง Triple Helix ที่สมบูรณ์ ช่วย กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และรักษาหลุมสิว ได้ดีเยี่ยม ส่วน Rh Collagen เป็นคอลลาเจนจาก เทคโนโลยีชีวภาพ ที่มีโครงสร้าง เหมือนของมนุษย์ 100% จึงให้ความสำคัญกับ ความปลอดภัยสูงสุด (Safety) ไร้ความเสี่ยงจากสัตว์ และมีความเสถียรของตัวยา ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นทางเลือกหลักใน การฟื้นฟูโครงสร้างผิวระดับลึก ของวงการแพทย์ความงามยุคใหม่ค่ะ
Rh Collagen ประเภท Type III ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับที่พบมากในผิวเด็กทารก
ตามทฤษฎี ไหมน้ำ ที่เติมใต้ตาได้นั้น อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์จริงค่ะ แต่คนไข้ต้องเข้าใจธรรมชาติของเขาด้วย คือหลังทำจะเห็นผลทันทีก็จริง แต่ ผ่านไป 1 สัปดาห์จะยุบตัวลงก่อน แล้วจึงค่อย ๆ อิ่มฟูขึ้นมาใหม่จากการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจุดนี้อาจทำให้คนไข้แปลกใจได้ ต่างจากฟิลเลอร์ที่ ฉีดเท่าไหร่ได้เท่านั้น (Immediate Result) แล้วค่อย ๆ ยุบตัวลง ตามกาลเวลาค่ะ เวลาหมอแนะนำจึงต้องดูความสบายใจของคนไข้เป็นหลัก ถ้าใครกังวลเรื่องก้อนหรือไม่สบายใจกับฟิลเลอร์ ไหมน้ำก็ถือว่าตอบโจทย์ใต้ตาได้ดี แต่ถ้าใครต้องการ ความเรียบเนียนทันที และรับได้กับการมาเติมปีละครั้ง ฟิลเลอร์ก็ยังเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม มากกว่าค่ะ
โดยเฉลี่ยของเคสคนไข้หมออยู่ได้นานถึง 1-2 ปี ในขณะที่ฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน สาเหตุเพราะไหมน้ำทำหน้าที่เป็น Biostimulator กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเนื้อเยื่อใหม่ ของคนไข้เอง ซึ่งมีความคงทนกว่าสารเติมเต็ม และเหมาะกับคนไข้ที่ต้องการปรับสภาพผิวใต้ตาให้แน่นกระชับ มากกว่าคนที่ต้องการเติมถมร่องลึกมาก ๆ ซึ่งฟิลเลอร์ยังคงเป็นมาตรฐานหลัก (Gold Standard) ในการแก้ปัญหาเบ้าตาลึกค่ะ
ถ้าให้หมอสรุปย่อๆให้ฟังคือ “ร้อยไหม” กับ “ไหมน้ำ” เป็นหัตถการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงค่ะ การร้อยไหมจะเน้นการใช้เส้นไหมจริงๆ เพื่อยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยให้เห็นผลทันที เหมาะกับคนไข้ที่ต้องการแก้ปัญหาแก้มห้อยหรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน ในขณะที่ “ไหมน้ำ” เป็นการฉีดสารกระตุ้นเพื่อฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายในให้กลับมาแน่นและอิ่มฟูขึ้น ยกกระชับผิวได้แต่จะไม่ใช่การดึงผิวขึ้น ณ เวลานั้นเลย เหมาะกับคนไข้ที่ผิวบางและขาดคอลลาเจน ผิวเสื่อมต้องการฟื้นฟูระยะยาวค่ะ การจะเลือกทำอะไรนั้นขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้เป็นหลักค่ะ
หน้าทรุด ที่มาพร้อมกับอาการ ขมับตอบ, ถุงใต้ตา, หน้าแก้มแบน, และแก้มตอบ สามารถแก้ไขได้ด้วย ฟิลเลอร์ โดยการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ทำให้ใบหน้าดูอิ่มเอิบ อ่อนเยาว์ และมีมิติมากขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ต้องทำโดย แพทย์ผู้มีประสบการณ์จริงๆเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ เพราะหากแพทย์ไม่มีประสบการณ์ ประเมินผิดพลาด เน้นการเติมด้วยจำนวนที่เยอะเกินไป แทนที่จะได้ผิวหน้าที่ยกกระชับอ่อนกว่าวัย จะกลายเป็นหน้าอ้วน หน้า Overfield ได้
ดีเลิฟเวอรี่คลินิก จะมาสรุปคำแนะนำสำคัญเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมฉีดหรือเลเซอร์จากคลินิกของเรานะคะ เพื่อให้คุณลูกค้าเข้าใจและดูแลผิวได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ โดยรวมแล้ว การดูแลหลังทำมีความแตกต่างกันไปในแต่ละหัตถการ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดนะคะ สำหรับหัตถการกลุ่มฉีด เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เมโสแฟต หรือ Biostimulator ส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำให้งดแต่งหน้าประมาณ 4-24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการกดทับ การติดเชื้อ หรือการกระจายตัวของยา ส่วนกลุ่มเลเซอร์บางชนิด เช่น เลเซอร์ CO2 ที่มีแผลตกสะเก็ด จะต้องงดแต่งหน้าไปเลยจนกว่าสะเก็ดจะหลุดและผิวสมานตัวดี ซึ่งอาจใช้เวลา 7-14 วันเลยค่ะ และไม่ว่าจะทำหัตถการใดๆ ก็ตาม สิ่งที่ห้ามลืมเด็ดขาดคือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ รวมถึงการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนค่ะ หากคุณลูกค้ามีข้อสงสัยเพิ่มเติม หรือมีอาการผิดปกติหลังทำหัตถการ อย่าลังเลที่จะติดต่อสอบถามแอดมินหรือคุณหมอได้เลยนะคะ เรายินดีดูแลและให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดค่ะ
“ไหมน้ำ” คือนวัตกรรมใหม่ที่ใช้การ “ฉีด” สารกระตุ้นคอลลาเจนลงใต้ผิวหนังเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับมาเต่งตึง กระชับ แลดูอ่อนเยาว์ โดย ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น เหมือนการร้อยไหมแบบเดิมๆ ค่ะ ซึ่งไหมน้ำแต่ละชนิดก็จะมีจุดเด่นต่างกันไป เช่น PLLA (Sculptra) เน้นกระตุ้นคอลลาเจนอย่างเป็นธรรมชาติ, PDLLA (Juvelook) เป็นสูตรไฮบริดที่ทั้งกระตุ้นคอลลาเจนและเติมความชุ่มชื้น, PDO (Ultracol) ช่วยเพิ่มความหนาแน่นให้ผิวตึงกระชับ และ PCL (Gouri) โดดเด่นเรื่องการลดริ้วรอยและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การเลือกใช้จึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้แต่ละคนค่ะ
หากคนไข้ส่องกระจกแล้วเห็นว่าใต้ตา “เป็นร่องลึกชัดเจน” มีลักษณะยุบตัวลงไป การแก้ไขที่ตรงจุดคือ “การฉีดฟิลเลอร์” เพื่อเข้าไปเติมเต็มร่องนั้นให้ตื้นขึ้นค่ะ แต่ถ้าปัญหาหลักของคนไข้คือ “ผิวใต้ตาบาง” จนมองเห็นเป็นสีคล้ำๆ หรือมี “ริ้วรอยเล็กๆ” เยอะๆ แบบนี้การเลือกทำ “ไหมน้ำ” หรือ Biostimulator เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวหนาและแข็งแรงขึ้น จะเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่าค่ะ ซึ่งในบางเคสอาจต้องทำทั้งสองอย่างร่วมกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนะคะ
สรุปให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ แม้ Juvelook และ Sculptra จะเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนเหมือนกัน แต่มีความถนัดคนละด้านค่ะ Juvelook จะเน้นการฟื้นฟู “คุณภาพผิว” ในองค์รวม เหมาะสำหรับแก้ปัญหาริ้วรอยตื้นๆ รูขุมขน และปัญหาใต้ตา ทำให้ผิวดูละเอียด เนียนใส และอิ่มฟูขึ้น ในขณะที่ Sculptra จะเน้นเรื่อง “การยกกระชับและปรับโครงสร้าง” เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาความหย่อนคล้อย ปรับกรอบหน้าให้คมชัด หรือเติมเต็มใบหน้าที่ดูตอบลงค่ะ












