รีวิวฟิลเลอร์ขมับ มีเคสไหนคล้ายปัญหาคุณบ้าง






ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับฟิลเลอร์ขมับ
- ฟิลเลอร์ขมับคืออะไร?
- เป็นสารเติมเต็มที่ปลอดภัย ฉีดเข้าบริเวณขมับ
- ช่วยเติมเต็มส่วนที่เว้าให้ดูอิ่มเต็ม
- ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส
- การฉีดฟิลเลอร์ขมับ ไม่ใช่การทำศัลยกรรม ไม่มีเปิดแผล ไม่มีผ่าตัด มีเพียงรอยเข็ม เหมือนฉีดยาทั่วๆไป
- เหมาะสำหรับใคร?
- ผู้ที่มีขมับเว้าแต่กำเนิด
- ผู้สูงวัยที่มีปัญหาไขมันหรือกระดูกยุบ
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า
- ข้อดีของฟิลเลอร์ขมับ
- ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัย
- เห็นผลทันที
- กลับบ้านได้ทันที ไม่มีพักฟื้น ดมยาสลับ ฉีดยาชาแต่อย่างใด
- ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ (หลังจากเข้าที่)
- การดูแลเมื่อฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- ห้ามนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ 1-2 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 1-2 วัน ได้จะดี
- งดอาบน้ำร้อน หรือเข้าซาวน่า 1 วัน ได้จะดี
- ทานยาตามที่แพทย์สั่ง (ถ้ามี)
- ข้อควรรู้เพิ่มเติม
- ผลอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี ตามรุ่นที่เลือก ตามที่แพทย์แนะนำว่าเหมาะสม
- ควรทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ มีรีวิวคล้ายกับปัญหาของเรา
- สามารถเพิ่มเติมได้ในภายหลังถ้าต้องการ ค่อยๆเติมเพื่อความเป็นธรรมชาติได้
ปัญหาขมับตอบ ขมับยุบ เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
สาเหตุของขมับตอบ
- ความเสื่อมตามวัย
- การลดลงของชั้นไขมัน
- การยุบตัวของกล้ามเนื้อ
- การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างกระดูก
- พันธุกรรม
- โครงสร้างใบหน้าที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ
- ลักษณะเฉพาะของเชื้อชาติ
- พฤติกรรมและการใช้ชีวิต
- การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
- ความเครียด
- การขาดสารอาหาร
ความแตกต่างระหว่างคนไทยกับชาติอื่น
- โครงสร้างใบหน้า
- คนไทยและชาวเอเชียมักมีโครงหน้าที่เล็กกว่าชาวตะวันตก
- มีแนวโน้มที่จะมีโหนกแก้มสูงตามธรรมชาติ
- ความแตกต่างทางกายวิภาค
- ชั้นไขมันที่บางกว่าในบริเวณขมับ
- การกระจายตัวของไขมันใบหน้าที่แตกต่างจากชาวตะวันตก
- ปัจจัยทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
- อาหารการกินที่แตกต่าง
- สภาพภูมิอากาศร้อนชื้นที่อาจส่งผลต่อการสูญเสียไขมัน
- ความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งที่มีผลต่อการให้ความสำคัญกับลักษณะขมับ
การแก้ไขปัญหาขมับตอบ ต้องอาศัยการเติมเต็มเป็นหลัก เช่น การฉีดฟิลเลอร์ก็ถือเป็นทางเลือกอันดับต้นๆที่แพทย์แนะนำ การดูแลสุขภาพ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เหล่านี้เป็นวิธีชะลอให้ผิวของเราเสื่อมช้าลง แต่มิใช่วิธีที่จะทำให้ขมับเต็ม หรือผิวกลับมาเต่งตึงเหมือนวัยหนุ่มสาว
ข้อดี ข้อจำกัด ของการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ข้อดี | ข้อจำกัด |
---|---|
1. ประสิทธิภาพการรักษา | |
– เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังการรักษา | – ผลลัพธ์ไม่ถาวร ต้องฉีดซ้ำทุก 8-24 เดือน |
– สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ | – อาจต้องฉีดหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ |
– ช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า | – ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ |
2. ความปลอดภัยและการรักษา | |
– เป็นการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัด | – อาจเกิดการอุดตันของหลอดเลือด (หากฉีดผิดตำแหน่ง) |
– ใช้เวลารักษาสั้น (15-30 นาที) | – เสี่ยงต่อการติดเชื้อหากรับบริการกับหมอเถื่อน คลินิกเถื่อน หมอกระเป๋า |
– แทบจะไม่มีการพักฟื้นหลังทำ | – อาจเกิดรอยเข็มหรือตุ่มนูน ผิวนูนหลังฉีด แต่จะหายไปเอง |
3. ความสะดวกและการดูแล | |
– กลับไปทำงานได้ทันที | – ต้องหลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีด 1-2 สัปดาห์ |
– ไม่ต้องการการเตรียมตัวมาก | – ต้องระวังการสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก |
– สามารถแก้ไขได้หากไม่พอใจผลลัพธ์ | – ต้องหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมง |
4. ค่าใช้จ่าย | |
– ราคาถูกกว่าการผ่าตัด | – มีค่าใช้จ่ายในระยะยาวเนื่องจากต้องฉีดซ้ำ |
– สามารถทยอยฉีดได้ตามงบประมาณ | – ราคาแตกต่างกันตามแบรนด์และปริมาณที่ใช้ |
- ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนทำ
- ศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการรักษา
- ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาหรือโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบก่อนทำการรักษา
ขมับไม่ได้ยุบตัว แต่เพราะโหนกแก้มสูง
ในฐานะแพทย์ด้านความงามที่ดูแลคนไข้มากว่า 10 ปี หมอเจอเคสแบบนี้บ่อยมากค่ะ ประมาณ 20% ของคนไข้ที่มาปรึกษาเรื่องขมับตอบ แท้จริงแล้วไม่ได้มีปัญหาขมับยุบจริงๆ แต่เป็นเพราะโครงสร้างใบหน้าที่มีโหนกแก้มสูง ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของคนเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยและจีน
เวลาที่โหนกแก้มสูง มันจะสร้างภาพลวงตาให้บริเวณขมับดูตอบลงไป เหมือนเป็นร่องลึก ทั้งที่จริงๆ แล้วปริมาณไขมันและเนื้อเยื่อในบริเวณขมับอยู่ในเกณฑ์ปกติ หมอมักจะแนะนำคนไข้ให้ถ่ายรูปด้านข้างและดูกระจกในมุมต่างๆ จะเห็นว่าเป็นเพราะโหนกแก้มที่นูนขึ้นมา ทำให้เกิดเงาและความรู้สึกว่าขมับตอบ
ในกรณีแบบนี้ การแก้ไขอาจจะต้องมองภาพรวมของใบหน้าทั้งหมด ไม่ใช่แค่การเติมเต็มขมับอย่างเดียว บางครั้งอาจต้องปรับสมดุลของโหนกแก้มด้วย เพื่อให้ใบหน้าดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
📋 ตารางเปรียบเทียบ ขมับเว้า ขมับยุบ VS ขมับดูเว้าจากโหนกแก้มสูง
หัวข้อ | ขมับยุบ/เว้า | โหนกแก้มสูง |
---|---|---|
สาเหตุ | – ไขมันขมับลดลงตามวัย – พันธุกรรม – น้ำหนักลดมาก – กระดูกยุบ | – โครงสร้างกระดูกแก้มสูงตามธรรมชาติ – พันธุกรรม |
ลักษณะที่เห็น | – ขมับเว้าลึกชัดเจน – ผิวอาจหย่อนคล้อย – มองเห็นเส้นเลือด | – ขมับดูเว้าเมื่อเทียบกับแก้ม – โหนกแก้มเด่นชัด – ใบหน้าดูมีมิติมาก |
การวินิจฉัย | – คลำพบการยุบตัวของเนื้อเยื่อ – เห็นความเว้าชัดทุกมุมมอง | – เห็นความเว้าชัดเฉพาะบางมุม – คลำพบโหนกแก้มชัดเจน |
วิธีการรักษา | – ฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มโดยตรง – อาจต้องฉีดหลายชั้น – อาจต้องทำซ้ำบ่อย | – ฉีดฟิลเลอร์แบบ Temple balancing – เน้นการสร้างสมดุล – อาจรักษาร่วมกับการปรับแก้ม |
ปริมาณฟิลเลอร์ | มักใช้ปริมาณมากกว่า | ใช้ปริมาณน้อยกว่า เน้นการปรับสมดุล |
เป้าหมาย | เพิ่มปริมาตรให้เต็ม | ปรับสมดุลให้กลมกลืน |
ผลลัพธ์ | – ขมับเต็มขึ้นทันที – ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ | – ใบหน้าดูนุ่มนวล – ลดความแตกต่างของระดับ |
ข้อควรระวัง | – ระวังการฉีดลึกเกินไป – อาจต้องทำซ้ำบ่อยกว่า | – ระวังไม่ให้ขมับนูนเกินโหนกแก้ม – ต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งใบหน้า |
– ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แท้จริง
– ผลลัพธ์ที่ดีต้องคำนึงถึงความสมดุลของใบหน้าโดยรวม
ฉีดขมับให้สวย ต้องให้รับกับหน้าผาก
เคยสังเกตไหมคะว่า ใบหน้าที่สวยงามนั้น ส่วนบนจะต้องมีความกลมกลืนกัน โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ขมับ และโหนกแก้ม ซึ่งเปรียบเสมือนกรอบรูปที่ล้อมรอบดวงตาของเรา มันคือเรื่องของ กายวิภาคและความสมดุล แพทย์ที่มีประสบการณ์ และใส่ใจเท่านั้นถึงจะเข้าใจเรื่องเหล่านี้ เพราะการเติมฟิลเลอร์ มิใช่การเติมให้เต็ม หรือถมร่องลึกให้ตื้นขึ้นเพียงอย่างเดียว
- ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง
- หน้าผากและขมับเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกัน
- ระนาบความลึกควรมีความต่อเนื่อง
- แนวโค้งต้องดูเป็นธรรมชาติ
- สัดส่วนที่เหมาะสม
เราเรียกว่า Temple-Forehead Continuity- หน้าผากควรโค้งมนเล็กน้อย
- ขมับไม่ควรเว้าลึกเกินไป
- แนวต่อระหว่างขมับและหน้าผากต้องกลมกลืน
ปริมาณฟิลเลอร์ขมับที่เหมาะสม
การฉีดฟิลเลอร์ขมับเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ในการประเมินและเลือกปริมาณที่เหมาะสม ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ระดับความรุนแรงของขมับตอบ อายุ เพศ โครงสร้างใบหน้า และความต้องการของผู้รับการรักษา
สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ การฉีดฟิลเลอร์ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัย
ระดับความรุนแรง | ปริมาณฟิลเลอร์ต่อข้าง | ลักษณะที่พบ | ข้อแนะนำ | ราคาโดยประมาณ (บาท) |
---|---|---|---|---|
เล็กน้อย (Grade 1) | 0.5-1 cc | – ขมับเริ่มตอบเล็กน้อย – เห็นชัดในมุม 45 องศา | – อาจแบ่งฉีด 1-2 ครั้ง – เหมาะกับการป้องกัน | 15,000 – 20,000 |
ปานกลาง (Grade 2) | 1-2 cc | – ขมับตอบชัดเจน – รูปหน้ามีความเว้าทั้งหน้าตรงด้านข้าง | – ควรแบ่งฉีด 2 ครั้ง – ห่างกัน 2-4 สัปดาห์ | 15,000 – 35,000 |
รุนแรง (Grade 3) | 2-3 cc | – ขมับตอบลึก เห็นชัดทุกองศา – มองเห็นเส้นเลือด – ดูแก่กว่าอายุ | – แนะนำแบ่งฉีด 2-3 ครั้ง – อาจต้องรักษาร่วมกับวิธีอื่น | 30,000 – 45,000 |
- ปริมาณที่ระบุเป็นเพียงค่าเฉลี่ย อาจปรับเพิ่มหรือลดตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
- ราคาอาจแตกต่างกันตามแบรนด์ฟิลเลอร์และสถานพยาบาล
- ควรเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน FDA และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์เท่านั้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 8-24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดฟิลเลอร์และการเผาผลาญของแต่ละบุคคล
ขมับ 2 ข้างไม่เท่ากัน ผิดปกติไหม
ความไม่สมมาตรของใบหน้าเป็นเรื่องธรรมชาติที่พบได้บ่อยมาก โดยเฉพาะบริเวณขมับที่ไม่เท่ากันนั้น พบได้ถึง 70-80% ของผู้ที่มาปรึกษาปัญหาเรื่องขมับ เปรียบเหมือนกับคิ้วสองข้างที่เรามักได้ยินว่า ‘คิ้วไม่ใช่พี่น้องกัน’ ขมับก็เช่นกันค่ะ ความไม่เท่ากันนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูกที่ไม่สมมาตรตั้งแต่กำเนิด
- พฤติกรรมการนอนทับด้านใดด้านหนึ่งเป็นประจำ
- การเคี้ยวอาหารด้านเดียวเป็นนิสัย ทำให้กล้ามเนื้อพัฒนาไม่เท่ากัน
- การสูญเสียไขมันใต้ผิวหนังที่ไม่เท่ากันตามวัย
กล้ามเนื้อขมับ (Temporalis Muscle)
- เป็นกล้ามเนื้อรูปพัด กว้างและแบนอยู่ด้านข้างศีรษะ
- หน้าที่หลัก: ช่วยในการเคี้ยวและขยับขากรรไกร
- เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้ฝ่อลงหรือพัฒนาไม่เท่ากัน จะทำให้เกิดขมับตอบไม่เท่ากันได้
สิ่งที่น่ายินดีก็คือ ปัจจุบันเราสามารถแก้ไขความไม่สมมาตรนี้ได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ โดยแพทย์จะประเมินความแตกต่างของทั้งสองข้าง และวางแผนการฉีดแบบ Customized เฉพาะบุคคล บางรายอาจต้องฉีดข้างที่ตอบมากกว่าในปริมาณที่มากกว่า หรือบางรายอาจต้องฉีดทั้งสองข้างในปริมาณที่ต่างกัน เพื่อให้ได้ความสมดุลที่สวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด
ทั้งนี้ ความสมบูรณ์แบบที่เท่ากัน 100% อาจไม่ใช่เป้าหมายที่ดีที่สุดเสมอไป เพราะใบหน้าที่มีความไม่สมมาตรเล็กน้อยจะดูเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์มากกว่า ดังนั้น การปรับแต่งจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างความกลมกลืนและความสมดุลที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละคนมากกว่าค่ะ
เลือกอะไรดี ระหว่างฉีดฟิลเลอร์และฉีดไขมันขมับ
ในการแก้ไขปัญหาขมับตอบให้กลับมาดูเต็มและอ่อนเยาว์ขึ้นนั้น วิธีการเติมเต็มเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยเฉพาะสองวิธีหลักที่แพทย์และคนไข้มักเลือกรับบริการ คือ การฉีดฟิลเลอร์และการฉีดไขมันตัวเอง ทั้งสองวิธีนี้มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ซึ่งการเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งสภาพผิว อายุ ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของแต่ละบุคคล
หัวข้อเปรียบเทียบ | การฉีดฟิลเลอร์ | การฉีดไขมันตัวเอง |
---|---|---|
สิ่งที่ใช้เติม | สารเติมเต็มสังเคราะห์ (HA) | ไขมันจากร่างกายตัวเอง |
ระยะเวลาการรักษา | 15-30 นาที | 1-2 ชั่วโมง (รวมการดูดไขมัน) |
การเตรียมตัว | – งดยาต้านการแข็งตัวของเลือด – งดแอลกอฮอล์ 24 ชม. | – ต้องมีไขมันพอให้ดูด – งดอาหาร 6-8 ชม. – ต้องตรวจเลือดก่อนทำ |
ความรู้สึกตอนทำ | น้อยมาก ไม่ต้องฉีดหรือแปะยาชาได้ | ปานกลาง-มาก เพราะมีการดูดไขมันร่วมด้วย |
การฟื้นตัว | – กลับบ้านได้ทันที – อาจมีรอยเข็ม บวมได้บ้าง | – พักฟื้น 1-2 วัน – บวมช้ำบริเวณดูดไขมัน 1-3 สัปดาห์ อาจมีการใช้ผ้าพันแผลตลอด |
ความคงอยู่ | 8-24 เดือน | ถาวร (50-70% ของไขมันที่ติด) |
ผลลัพธ์ | – เห็นผลทันที – ปรับแต่งได้ง่าย | – เห็นผลชัดเจนหลังยุบบวม ไขมันยุบตัว หลัง 2-6 เดือน – ธรรมชาติกว่า |
ข้อดี | – ไม่ต้องผ่าตัด – ควบคุมปริมาณได้แม่นยำ – แก้ไขได้ถ้าไม่พอใจ | – ผลลัพธ์ถาวร – ไม่มีการแพ้ – ได้ผลลัพธ์ที่นุ่มนวลกว่า |
ข้อจำกัด | – ต้องทำซ้ำ – ราคาในระยะยาว จะดูเยอะกว่า | – ต้องมีไขมันพอ ดูดมาจากคนอื่นไม่ได้ – ยากในการคาดเดาผลลัพธ์ – เมื่อมีการลดน้ำหนัก ความอ้วน ไขมันยุบตามได้ |
ราคา (โดยประมาณ) | 15,000-45,000 บาท/ครั้ง | 50,000-100,000 บาท |
เหมาะสำหรับ | – ผู้ที่ต้องการเห็นผลเร็ว – ผู้ที่กลัวการผ่าตัด – ผู้ที่ต้องการลองผลลัพธ์ก่อน | – ผู้ที่ต้องการผลระยะยาว – ผู้ที่มีไขมันส่วนเกิน – ผู้ที่ชอบความเป็นธรรมชาติ |
ข้อควรระวัง | – การอุดตันของหลอดเลือด – การเกิดก้อน – การติดเชื้อ | – การอักเสบ – ความไม่สม่ำเสมอ – การยุบตัวมากเกินไป ทำให้ดูเหมือนไม่มีการเติมเต็มได้ |
การดูแลหลังทำ | – หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีด 2 สัปดาห์ – งดออกกำลังกายหนัก 24-48 ชม. | – สวมชุดรัดบริเวณดูดไขมัน 1 เดือน – งดออกกำลังกายหนัก 2-4 สัปดาห์ |
- ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
- พิจารณาทั้งด้านงบประมาณและเวลาในการฟื้นตัว
- ตัดสินใจจากข้อมูลที่ครบถ้วนและความพร้อมของตนเอง
- เลือกสถานพยาบาลและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ขมับ
พบแพทย์ ประเมินปัญหา หมอ/ทีมแพทย์จะต้องสอบถามประวัติ และประเมินปัญหาผิวหน้า ก่อนรับบริการทุกเคส
ทำความสะอาดผิวหน้า ทำความสะอาดผิวด้วยคลีนซิ่ง ลบเครื่องสำอาง ก่อนเริ่มทำการรักษา
แพทย์เริ่มทำการรักษา คุณหมอจะทำการรักษาบริเวณที่คนไข้กังวล โดยโปรแกรม ฟิลเลอร์ขมับ ใช้เวลาในการรักษาไม่นาน 10-30 นาที
รับยาตามแพทย์สั่ง แพทย์จ่ายยา (ถ้ามี) และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเอง
ติดตามผล ควรเข้ามาพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์การรักษาให้ออกมาอย่างที่คาดหวัง
ฟิลเลอร์ขมับปลอดภัยไหม มีผลข้างเคียงอะไร
ฟิลเลอร์ที่ใช้ในปัจจุบันมีประวัติการใช้งานทางการแพทย์มายาวนานกว่า 25 ปี โดยได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำระดับโลก เช่น
- FDA สหรัฐอเมริกา
- CE Mark จากสหภาพยุโรป
- อย. ประเทศไทย”
ความปลอดภัยของฟิลเลอร์ขมับ
- ใช้สาร HA (Hyaluronic Acid) ที่เข้ากันได้กับร่างกาย
- ผ่านการทดสอบความปลอดภัยระดับสากล
- คลินิกเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรอง อย. เท่านั้น
- ประสบการณ์ของแพทย์ เทคนิคการใช้เข็ม ให้เหมาะสมกับความลึกของชั้นผิวของคนไข้แต่ละเคส
เทคนิคการฉีดที่ปลอดภัย
แพทย์ที่มีประสบการณ์จะประเมินผิวคนไข้อย่างละเอียด และเลือกใช้เทคนิค ชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาของคนไข้แต่ละเคส
- ป้องกันการฉีดเข้าเส้นเลือดโดยตรง
- ทดสอบด้วยการกดผิวหนัง
- สังเกตการไหลกลับของเลือดภายใน 2 วินาที
- ประเมินสีผิวและการตอบสนอง
- ฉีดแบบค่อยเป็นค่อยไป
- นัดติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
- ให้คำแนะนำการดูแลตัวเอง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางเคส
- ปวดขมับ เนื่องจากมีฟิลเลอร์ทำให้ผิวตึงกว่าปกติ แต่จะหายไปได้เอง
- ผิวบริเวณขมับ 1-2 วันอาจจะมีการแห้งได้ ทาครีมบำรุงได้ และจะหายไปได้เอง
- รอยเข็มหลังฉีดฟิลเลอร์ หายได้เองใน 1-2 ชม.
- ผลข้างเคียงเหล่านี้เป็นแค่ผลชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอันตราย
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ขมับ
เตรียมตัวล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดยาและอาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- ยาแอสไพริน
- วิตามินอี
- น้ำมันตับปลา
- งดผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ
- เรตินอล
- กรดวิตามินเอ
- AHA/BHA
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์
เตรียมตัวล่วงหน้า 1 สัปดาห์ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม
- แอลกอฮอล์ทุกชนิด
- เครื่องดื่มชูกำลัง
- ชา/กาแฟปริมาณมาก
- งดกิจกรรมที่ทำให้เกิดบาดแผล
- ขัดหน้า
- นวดหน้า
1 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- นอนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำมากๆ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
วันรับบริการฟิลเลอร์
- การแต่งหน้า
- มาด้วยหน้าสะอาด
- ไม่แต่งหน้า
- ไม่ทาครีมบำรุง
- ไม่ควรมีสิวอักเสบบริเวณที่ฉีด
- การแต่งกาย
- สวมเสื้อผ้าสบายๆ
- หลีกเลี่ยงเครื่องประดับบริเวณใบหน้า
- รวบผมให้เรียบร้อย
- การเตรียมตัวอื่นๆ
- มาถึงคลินิกก่อนเวลานัด 15-30 นาที
- ทานอาหารมาพอประมาณ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ปล่อยใจให้ว่าง ไม่ต้องเครียม ฉีดฟิลเลอร์ไม่อันตรายหรือน่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด
เอกสารที่ต้องเตรียม
- บัตรประชาชน/พาสปอร์ต
- ประวัติการแพ้ยา (ถ้ามี)
- ประวัติการรักษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
⚠️ ข้อควรแจ้งแพทย์
- มีประวัติแพ้ยา/แพ้อาหาร
- กำลังตั้งครรภ์/ให้นมบุตร
- มีโรคประจำตัว
- มีแผลหรือการอักเสบบริเวณที่จะฉีด
- เคยฉีดฟิลเลอร์ หรือทำศัลยกรรม ผ่าตัด บริเวณนั้นๆมาก่อน
การปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
ข้อสำคัญในการปฏิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์ขมับ
- การประคบและการนอน (24 ชั่วโมงแรก)
- ประคบเย็น 15-20 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
- นอนศีรษะสูง 30-45 องศา
- การทำความสะอาดและดูแลผิวได้ตามปกติ
- ล้างหน้าเบาๆ ด้วยน้ำอุ่น
- ทาครีมกันแดด SPF 50+
- ใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน
- กิจกรรมที่ต้องงด (1 สัปดาห์)
- นวด กดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดรุนแรง
- ออกกำลังกายหนัก เช่นต่อยมวย หรือกิจกรรมที่มีการกระแทกบริเวณนั้นโดยตรง
- อาการปกติที่อาจพบได้
- บวมเล็กน้อย
- รอยแดง
- รู้สึกตึงๆผิวบริเวณนั้นได้บ้าง
- สัญญาณอันตราย (ต้องรีบแจ้งแพทย์)
- ปวดรุนแรงผิดปกติ
- ผิวเปลี่ยนสีซีดหรือคล้ำ
- มีไข้/ตามัว
- การติดตามผล
- มาตามนัดติดตามผล 7-14 วัน
- ถ่ายรูปก่อน-หลังเพื่อเปรียบเทียบ
- ปรึกษาแพทย์/เจ้าหน้าที่ทันทีเมื่อมีข้อสงสัยสำคัญอื่นๆ
เลือกใช้ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดี
การเลือกฟิลเลอร์สำหรับเติมขมับนั้น มีความพิเศษตรงที่ขมับเป็นพื้นที่ที่ต้องการฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ คือ ต้องมีความยืดหยุ่นสูง (High Elasticity) และความเหนียว (High Viscosity) ที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถรักษารูปทรงได้ดีแม้มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณขมับบ่อยๆ นอกจากนี้ ต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นของ HA (Hyaluronic Acid) ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นาน
D’ Lovevery Clinic มีให้บริการเติมฟิลเลอร์ขมับ
- Juvederm (จูวิเดิร์ม)
- Voluma
- ความเข้มข้น: 20 mg/ml
- ข้อดี: อยู่ได้นาน 18-24 เดือน
- เหมาะกับ: ขมับตอบปานกลางถึงมาก
- คุณสมบัติพิเศษ: เทคโนโลยี VYCROSS ให้การกระจายตัวที่ดี
- Volift
- ความเข้มข้น: 17.5 mg/ml
- ข้อดี: ให้ผลธรรมชาติมากขึ้น
- เหมาะกับ: ขมับตอบเล็กน้อยถึงปานกลาง
- คุณสมบัติพิเศษ: การไหลตัวดี ปรับแต่งง่าย
- Voluma
- Restylane (เรสทิเลน)
- Lyft
- ความเข้มข้น: 20 mg/ml
- ข้อดี: ให้โครงสร้างที่ดี อยู่ได้นาน
- เหมาะกับ: ขมับตอบมาก ต้องการการยกที่ชัดเจน
- คุณสมบัติพิเศษ: เทคโนโลยี NASHA ให้การยกที่ดี
- Defyne
- ความเข้มข้น: 20 mg/ml
- ข้อดี: ยืดหยุ่นสูง เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ
- เหมาะกับ: ผู้ที่มีการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมาก
- คุณสมบัติพิเศษ: XpresHAn Technology ช่วยรองรับการเคลื่อนไหว
- Lyft
ฉีดฟิลเลอร์ขมับ ราคาเท่าไหร่
การคิดราคาฉีดฟิลเลอร์ขมับจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือ แบรนด์ที่เลือกใช้และปริมาณที่ต้องการฉีด โดยทั่วไปการฉีดขมับจะใช้ปริมาณตั้งแต่ 0.5-1.5 cc ต่อข้าง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของขมับตอบ ทั้งนี้ ราคาที่แสดงเป็นราคาโดยประมาณ อาจแตกต่างกันในแต่ละสถานพยาบาล
แบรนด์/รุ่น | ราคา/1cc | ปัญหาน้อย | ปัญหาปานกลาง-มาก |
---|---|---|---|
Ultra V Hyal | |||
Hard | 8,999 | 8,999-17,000 | 17,000-26,900 |
Restylane | |||
Lyft | 15,000 | 15,000-30,000 | 30,000-45,000 |
Defyne | 15,000 | 15,000-30,000 | 30,000-45,000 |
Juvederm | |||
Voluma XC | 18,000 | 18,000-36,000 | 36,000-54,000 |
Volift XC | 18,000 | 18,000-36,000 | 29,000-54,000 |
- ไม่ควรเลือกจากราคาถูกเพียงอย่างเดียว
- ควรพิจารณาคุณภาพ ผลลัพธ์และความปลอดภัยเป็นหลัก
- อาจแบ่งฉีดเป็นหลายครั้งเพื่อกระจายค่าใช้จ่าย
ความเชื่อ เรื่องขมับ กับโหงวเฮ้ง
เรื่องขมับกับโหงวเฮ้งเป็นความเชื่อที่มีการถ่ายทอดกันมาในวัฒนธรรมจีนและเอเชียตะวันออกมาอย่างยาวนาน โดยมีการตีความลักษณะขมับในแง่มุมต่างๆ ดังนี้
ขมับโหนก (นูนเต็ม) ดียังไง
- เชื่อว่าเป็นคนมีปัญญา คิดการณ์ไกล
- มักประสบความสำเร็จในการงาน
- มีความสามารถในการวางแผน
ขมับตอบไม่ดียังไง
- เชื่อว่าอาจมีอุปสรรคในช่วงอายุ 31-35 ปี
- อาจต้องระมัดระวังเรื่องการเงิน
- ควรรอบคอบในการตัดสินใจ
ขมับไม่เท่ากัน จะไม่ดียังไง
- เชื่อว่าชีวิตอาจมีความไม่แน่นอน
- อาจมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิตบ่อย
- ต้องปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ
ข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ ลักษณะของขมับเป็นผลมาจากปัจจัยทางกายภาพที่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักการทางการแพทย์และกายวิภาคศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงของขมับสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติและสามารถปรับแต่งได้ด้วยวิธีการทางการแพทย์ที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับ
วิทยาศาสตร์สามารถอธิบายลักษณะทางกายภาพและการเปลี่ยนแปลงของขมับได้อย่างเป็นระบบ ความเชื่อเรื่องโหงวเฮ้งก็เป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมา การเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคล และไม่ควรด่วนตัดสินว่าถูกหรือผิด ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและความงามควรยึดหลักการทางการแพทย์ที่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ
ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี
- คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณะสุข ตรวจสอบใบอนุญาต สถานพยาบาลได้ที่นี่
- แพทย์ผู้ฉีดมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
พิจารณาอะไรบ้าง
- ความน่าเชื่อถือของสถานที่ฉีด
- รีวิวบอกต่อจากผู้เข้ารับบริการจริง ที่ไม่ใช่ดารา ไอดอล
- ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์
- ราคาและโปรโมชั่น

การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น
- เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
- เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc
การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ
หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำเลยคือ ฟิลเลอร์แท้ต้องสลายได้เอง 100% ค่ะ จะไม่มีคำว่า “ถาวร” เด็ดขาด ถ้าเราไปฉีดที่ไหนแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ตลอดไป ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าอาจเป็นสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งอันตรายและแก้ไขได้ยากในอนาคต ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ที่เป็นกล่องๆที่เรามักคุ้นเคยกันนั้น จะมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามรุ่นและตำแหน่งที่ฉีดค่ะ สั้นที่สุดคือประมาณ 6-12 เดือน สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ใช้เติมบริเวณใต้ตาหรือริมฝีปาก และ นานที่สุดอาจอยู่ได้ถึง 1.5 – 2 ปี สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างคางหรือกรอบหน้าค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะฉีดที่สถานพยาบาลไหน ก่อนฉีดอย่าลืมสอบถามคุณหมอถึงชนิดของฟิลเลอร์เพื่อความมั่นใจนะคะ
ปัญหาขอบตาคล้ำและใต้ตาลึกถือเป็นหนึ่งในปัญหายอดฮิตของคนวัยทำงานและสาว ๆ หลาย ๆ คน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งกรรมพันธุ์ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือแม้แต่โครงสร้างผิวที่เริ่มบางลงเมื่ออายุมากขึ้น ปัจจุบันทางการแพทย์มีทางเลือกในการแก้ไขอยู่มากมาย ทั้งแบบแก้ด่วนและฟื้นฟูระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือแต่ละวิธีให้ผลลัพธ์และความรวดเร็วที่ แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าต้องการผลลัพธ์แบบเร่งด่วน กลุ่มฟิลเลอร์ใต้ตาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันทีหลังฉีด เหมาะกับคนที่อยากเปลี่ยนลุคในเวลาอันสั้น รองลงมาคือเมโสใต้ตาที่ช่วยให้ผิวใต้ตาสว่างกระจ่างใสในไม่กี่วัน ขณะที่เลเซอร์และ กลุ่มไหมน้ำ จะค่อย ๆ ฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและชัดเจนในระยะยาว ดังนั้นการเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงควรขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคนและความต้องการที่ชัดเจนค่ะ หมอทำข้อมูลเพิ่มเติมให้ด้านล่างนะคะ
การฉีด ฟิลเลอร์เปิดหางตา เหมาะกับสาวๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา หางตาตก ตาดูเศร้า หรือดวงตาดูเล็กไม่สดใส โปรแกรมนี้ช่วยยกหางตาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดวงตาดูเฉี่ยว สดใส และมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักฟื้นนานและเห็นผลทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง หรืออยากให้ตาดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างปลอดภัย
หากเติม ฟิลเลอร์เบ้าตาบน ควบคู่กับฟิลเลอร์เปิดหางตา จะช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล ตาหมอง ให้ดูเต็มขึ้น ตาดูกลมโต สดใส ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสองเทคนิคนี้ทำพร้อมกัน จะช่วย ปรับสมดุลรูปตาให้สวยละมุน และดูเป็นธรรมชาติแบบ Personalized case by case เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการ ความสวย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมใหญ่
ขมับเว้า หรือขมับตอบ ทำให้ใบหน้าแลดูโทรมหรือไม่อ่อนเยาว์ ปัญหานี้พบได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น ไขมันบริเวณขมับลดลง หรือมีโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่เว้าเดิม วิธีเพิ่มน้ำหนักดีขึ้นในบางราย แต่ถ้าขมับตอบจนใบหน้าดูไม่สมส่วน การ เติมฟิลเลอร์ขมับ เป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มให้หน้าอิ่มเอิบ ดูอ่อนวัยขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจรักษา ควรส่งภาพถ่าย หรือเข้ามาให้แพทย์ประเมินใบหน้าก่อน เพราะบางครั้งใบหน้าแลดูขมับเว้า อาจเกิดจาก “โหนกแก้มสูง” ไม่ใช่ขมับตอบจริง ๆ ซึ่งทั้งสองปัญหานี้วิธีแก้แตกต่างกัน การเติมฟิลเลอร์ที่จุดเหมาะสมจะช่วยปรับรูปหน้าได้ตรงจุดมากกว่า ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการปรับรูปหน้าที่เหมาะกับคุณค่ะ
ลองนึกภาพ หรือส่องกระจกและทำตามหมอนะคะ หน้าเรา มุมปากเรา และลองทำตามดู
- ลองยิ้มหรือทำหน้าธรรมชาติ แล้วแตะที่ข้างมุมปากลากนิ้วลงมาถึงขอบคาง ร่องนี้คือ “ร่องน้ำหมาก”
- ตำแหน่งนี้คือจุดที่หมอจะฉีดฟิลเลอร์เติมเต็ม เพื่อช่วยให้ใบหน้าโดยรวมดูสดใส และอ่อนเยาว์ขึ้น
- ใครมีมาก มีน้อย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆคืออายุที่เพิ่มขึ้น
การแก้ไข หมอจะฉีดฟิลเลอร์เข้าไปเติมบริเวณข้างมุมปากที่เป็นร่องลงไปถึงข้างคาง ทำให้ร่องดูตื้นขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ สดใส และมุมปากดูยกขึ้น ไม่ดูเศร้าค่ะ
- หลังฉีดจะเห็นทันทีว่าร่องน้ำหมากดูตื้นขึ้น
- ใช้ 1-3 cc แล้วแต่บุคคล
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 8-18 เดือน ขึ้นกับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแล
ช่วง 5 ปีหลังมานี้ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า “สายฉีด” ออกมาจนนับกันไม่หวาดไม่ไหว เดี๋ยวนี้แบรนด์ใหม่ทยอยเปิดตัว แค่เฉพาะ Skin Boosters+Biostimulator ก็นับได้เกือบ 20 แบรนด์ บางแบรนด์เคลมว่าผิวอิ่มน้ำทันที บางแบรนด์บอกกระตุ้นคอลลาเจนลึก ๆ จะเลือกตัวไหนดี
จริง ๆ แล้วหลัก ๆ ขอให้มองแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ “Skin Boosters” เน้นเติมน้ำ เติมความชุ่มชื้นทันที เหมาะกับสายต้องการผิวใสฉ่ำวาวไว ๆ หมอเรียกว่าใช้หน้าด่วน อะไรแบบนั้น กับ “Biostimulators” ที่ไปกระตุ้นเซลล์ให้สร้างคอลลาเจนเอง ผลลัพธ์จะค่อย ๆ มาแต่ชัดในแง่ฟื้นฟูผิวและลดริ้วรอยระยะยาว เลือกตามความต้องการของผิวเราดีที่สุดค่ะ
ในประสบการณ์ของหมอ มากกว่า 60% ของคนไข้ที่เข้ามาปรึกษาหา “พังผืด” ใต้ผิวหน้า คือกลุ่มผู้ที่มีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเมื่อย้อนถามลึกๆ มักเป็นกลุ่มที่ “เคย” ไปฉีดสารเติมเต็มสมัยก่อนมาแล้วกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์รุ่นเก่า, ซิลิโคนเหลว หรือผ่านเทรนด์ร้อยไหมแบบจัดเต็มที่ฮิตกันช่วงหนึ่ง บางคนร้อยเข้าไปนับร้อยเส้น หรือใช้ไหมทองคำที่ขณะนั้นยังไม่มีมาตรฐานความปลอดภัยชัดเจน มีวิธีประเมินได้เองเบื้องต้น แต่ถ้าให้แน่ใจและเจอทางออกที่เหมาะสมแนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจให้ละเอียดค่ะ
- คลำดูเอง
- เจอก้อนแข็งใต้ผิว ไม่ขยับตามเนื้อ กดแล้วตึง ไม่ยืดหยุ่นเหมือนบริเวณอื่น
- สังเกตหน้าเปลี่ยน
- รอยยิ้มขยับไม่คล่อง หน้าเบี้ยว หรือบางจุดบุ๋ม เวลากลิ้งผิวมีบางส่วนติด
- อาการผิดปกติหลังผ่านไปนาน
- หลังหัตถการ 10-20 ปี หน้าแข็งๆ เปลี่ยนแปลกๆ
- ให้แพทย์ประเมิน
- ตรวจคลำ หรือตรวจด้วย ultrasound เพื่อความแม่นยำ