ค้นหาข้อมูล ก่อนฉีดฟิลเลอร์
การจะตอบว่าต้องใช้ฟิลเลอร์เท่าไหร่ถึงจะพอนั้น จำเป็นต้องประเมินจากเคสจริงเท่านั้นค่ะ เพราะหมอต้องพิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้ง โครงสร้างใบหน้าเดิม การทรุดตัวของกระดูกและชั้นไขมัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามที่สุด แต่หากให้ประเมินเบื้องต้น ถ้าคนไข้เริ่มรู้สึกว่าหน้าตอบ โดยมากมักเกิดจาก 2 จุดหลักคือขมับและแก้มที่ตอบลง ซึ่งอาจทำให้โหนกแก้มดูเด่นชัดขึ้น
- เติมแก้มตอบ ข้างละ 2 cc = 4 cc
- เติมขมับ ข้างละ 1 cc = 2 cc
การเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินใบหน้าจริงจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดค่ะ
หมอขอสรุปให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้นะคะ สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำเลยคือ ฟิลเลอร์แท้ต้องสลายได้เอง 100% ค่ะ จะไม่มีคำว่า “ถาวร” เด็ดขาด ถ้าเราไปฉีดที่ไหนแล้วเขาบอกว่าอยู่ได้ตลอดไป ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยค่ะว่าอาจเป็นสารแปลกปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว ซึ่งอันตรายและแก้ไขได้ยากในอนาคต ความปลอดภัยต้องมาก่อนเสมอนะคะ
โดยทั่วไปฟิลเลอร์ในกลุ่มไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) ที่ได้มาตรฐานและผ่านอย. ที่เป็นกล่องๆที่เรามักคุ้นเคยกันนั้น จะมีระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์แตกต่างกันไปตามรุ่นและตำแหน่งที่ฉีดค่ะ สั้นที่สุดคือประมาณ 6-12 เดือน สำหรับฟิลเลอร์เนื้อนิ่มที่ใช้เติมบริเวณใต้ตาหรือริมฝีปาก และ นานที่สุดอาจอยู่ได้ถึง 1.5 – 2 ปี สำหรับฟิลเลอร์เนื้อแข็งที่ใช้ปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างคางหรือกรอบหน้าค่ะ ทุกครั้งไม่ว่าจะฉีดที่สถานพยาบาลไหน ก่อนฉีดอย่าลืมสอบถามคุณหมอถึงชนิดของฟิลเลอร์เพื่อความมั่นใจนะคะ
การฉีด ฟิลเลอร์เปิดหางตา เหมาะกับสาวๆ ที่รู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา หางตาตก ตาดูเศร้า หรือดวงตาดูเล็กไม่สดใส โปรแกรมนี้ช่วยยกหางตาขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ดวงตาดูเฉี่ยว สดใส และมั่นใจยิ่งขึ้น ไม่ต้องพักฟื้นนานและเห็นผลทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับโหงวเฮ้ง หรืออยากให้ตาดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างปลอดภัย
หากเติม ฟิลเลอร์เบ้าตาบน ควบคู่กับฟิลเลอร์เปิดหางตา จะช่วยแก้ปัญหา เบ้าตาลึก ตาโหล ตาหมอง ให้ดูเต็มขึ้น ตาดูกลมโต สดใส ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งขึ้น เมื่อทั้งสองเทคนิคนี้ทำพร้อมกัน จะช่วย ปรับสมดุลรูปตาให้สวยละมุน และดูเป็นธรรมชาติแบบ Personalized case by case เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องการ ความสวย โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรมใหญ่
ขมับเว้า หรือขมับตอบ ทำให้ใบหน้าแลดูโทรมหรือไม่อ่อนเยาว์ ปัญหานี้พบได้จากหลายสาเหตุ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น ไขมันบริเวณขมับลดลง หรือมีโครงสร้างกระดูกใบหน้าที่เว้าเดิม วิธีเพิ่มน้ำหนักดีขึ้นในบางราย แต่ถ้าขมับตอบจนใบหน้าดูไม่สมส่วน การ เติมฟิลเลอร์ขมับ เป็นทางเลือกยอดนิยมที่ช่วยเติมเต็มให้หน้าอิ่มเอิบ ดูอ่อนวัยขึ้นทันที
อย่างไรก็ตาม ก่อนตัดสินใจรักษา ควรส่งภาพถ่าย หรือเข้ามาให้แพทย์ประเมินใบหน้าก่อน เพราะบางครั้งใบหน้าแลดูขมับเว้า อาจเกิดจาก “โหนกแก้มสูง” ไม่ใช่ขมับตอบจริง ๆ ซึ่งทั้งสองปัญหานี้วิธีแก้แตกต่างกัน การเติมฟิลเลอร์ที่จุดเหมาะสมจะช่วยปรับรูปหน้าได้ตรงจุดมากกว่า ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการปรับรูปหน้าที่เหมาะกับคุณค่ะ
ปากแห้ง ลอก แตกง่าย มักเกิดจาก ดื่มน้ำน้อย หรือขาดการบำรุงริมฝีปาก หากเพิ่มการดื่มน้ำให้เพียงพอ ใช้ลิปบาล์มหรือมอยส์เจอไรเซอร์สำหรับริมฝีปากอย่างสม่ำเสมอ และงดเลียปาก อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้น นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ปาก ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและความอิ่มฟู ทำให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี ไม่แห้งลอกง่าย
แต่ถ้าคุณมั่นใจว่า ดื่มน้ำเพียงพอ และดูแลริมฝีปากดีแล้ว แต่ยัง แห้ง ลอก แตกเรื้อรัง หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย เช่น ปากแห้งร่วมกับตาแห้ง เหนื่อยง่าย แนะนำให้ปรึกษา แพทย์ผิวหนัง หรือ อายุรแพทย์ เพราะอาจเป็น “สัญญาณของโรค” เช่น โรคเบาหวาน ไทรอยด์ หรือโรคภูมิคุ้มกันผิดปกติบางอย่างได้ค่ะ
คนไข้บอกรักพี่เสียดายน้อง อันนี้เพื่อนบอกดี ยี่ห้อนี้ ดาราบอกดี หมอสรุปให้แบบนี้ค่ะ
ทั้งสองตัวเป็นกลุ่ม “Biostimulator” คือยากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว แต่แต่ละยี่ห้อจะมีจุดเด่นและวิธีออกฤทธิ์ต่างกัน แบบนี้ถ้าเราฉีดพร้อมกันในวันเดียว หรือจุดเดียวกัน อาจทำให้ผิวสับสน ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่เต็มที่ หรือผิวมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น ก้อนแข็งหรือการอักเสบได้มากขึ้นค่ะ และที่สำคัญ เราจะไม่รู้ว่า ตัวไหนทำงานได้ดีกับผิวเรา เพราะมันเข้าไปพร้อมกัน จุดเดียวกัน นึกภาพตามหมอได้เลย
ถ้าคนไข้มีปัญหาหลายอย่าง หมอจะวางแผนเลือกใช้ให้เหมาะสม แยกเป็นรอบหรือเลือกต่างจุด อย่างเช่น Sculptra หมออาจใช้เติมวอลลุ่มลึกๆ ส่วน JuveLook เหมาะกับผิวบางหรือใต้ตา ผลัดกันดูแลทีละอย่าง จะปลอดภัยกว่าและได้ผลสวยนาน หมออยากให้คนไข้มั่นใจว่าวิธีนี้ปลอดภัยกับผิวหน้าที่สุดค่ะ
หลังจากฉีด Sculptra แล้ว แนะนำให้เว้นระยะห่างก่อนที่จะฉีด โบท็อกซ์ หรือ ฟิลเลอร์ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ ค่ะ
เหตุผลก็เพราะ Sculptra จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึกซึ่งต้องใช้เวลาสักระยะในการเซตตัวและกระจายวัสดุให้ทั่วบริเวณที่ฉีดค่ะ การรบกวนด้วยหัตถการอื่นๆ (เช่น การเติมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์) อาจทำให้ผลลัพธ์ของ Sculptra ไม่สวยอย่างที่ควรจะเป็น หรือเพิ่มความเสี่ยงบวม/ช้ำมากขึ้น
ยกเว้นว่าอยากฉีดลดกราม สามารถฉีดไปพร้อมกันได้เลย เพราะโบท็อกซ์กรามฉีดเข้ากล้ามเนื้อกรามโดยตรง และไม่ส่งผลต่อการบวมช้ำ ทับซ้อนกับตำแหน่งฉีดพวก Biostimulator
หมอไม่แนะนำให้ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ถ้าไม่ได้มีปัญหาเยอะหรือผิดปกติจนรบกวนการเคี้ยวอาหารหรือการใช้ชีวิตจริง ๆ โดยเฉพาะในวัยรุ่น เพราะโครงสร้างใบหน้าจะเปลี่ยนไปอีกมาก ไขมันหน้าส่วนนี้เป็น “ทรัพย์สมบัติของวัยเด็ก” ที่จะหายไปเรื่อยๆเมื่ออายุมากขึ้น ถ้าเอาออกไปตั้งแต่วัยรุ่น เมื่ออายุมากจะเสียเปรียบเรื่องโครงสร้างผิวและความอ่อนเยาว์ในระยะยาว
รูปหน้าอาจดูเพรียวขึ้นนิดหน่อยช่วงแรก แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะพบว่าการมีไขมันกระพุ้งแก้มช่วยให้หน้าเด็กและช่วยผิวไม่ให้หย่อนคล้อยง่าย
หมอสรุปรายละเอียดอื่นๆไว้ด้านล่างนะคะ