ไขมันช่องท้อง VS ไขมันใต้ผิวหนัง
ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) | ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat) | |
---|---|---|
แหล่งที่มา | – พฤติกรรมกินอาหารไขมัน/น้ำตาลสูง – ความเครียด – ดื่มแอลกอฮอล์ – ไม่ออกกำลังกาย | – รับพลังงานเกิน – พันธุกรรม – ฮอร์โมน (มักพบมากบริเวณสะโพก/ต้นขาในผู้หญิง) |
อันตราย/ผลกระทบ | – เสี่ยงเบาหวาน – โรคหัวใจและหลอดเลือด – ความดันโลหิตสูง | – ความเสี่ยงเรื้อรังน้อยกว่า Visceral – ส่วนใหญ่มีผลต่อรูปร่าง/ความมั่นใจในตัวเอง |
วิธีการลดไขมัน | – ออกกำลังกายแบบแอโรบิก – คุมอาหารลดแคลอรี – ลดคาร์บขัดสี/น้ำตาล – ลดแอลกอฮอล์ | – ควบคุมแคลอรีต่อเนื่อง – เวทเทรนนิ่งและแอโรบิกควบคู่ – ปรับลดอาหารหวาน มัน ทอด |
ตัวอย่างงานวิจัย | – Harvard T.H. Chan, 2021 – Ross et al., Annals of Internal Medicine 2015 | – Fitzpatrick SL et al., Current Obesity Reports 2019 – งานวิจัยเวทเทรนนิ่งกับไขมันใต้ผิวหนังต่าง ๆ |
ปากกาลดน้ำหนัก มักได้ผลกับไขมันสะสมแบบไหน
ปากกาลดน้ำหนัก (เช่น กลุ่มยาฉีด GLP-1 agonist: Liraglutide, Semaglutide) จะได้ผลดีกับไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) มากกว่ากับไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) เพราะหลายงานวิจัยพบว่าการลดน้ำหนักด้วยยาในกลุ่มนี้ มักจะลดไขมันในช่องท้องได้ชัดเจน ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม เช่น ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และไขมันพอกตับ
อย่างไรก็ตาม ไขมันใต้ผิวหนังจะลดลงบ้าง แต่สัดส่วนของไขมันในช่องท้องที่ลด มีมากกว่า ดังนั้น หากคุณกังวลเรื่องไขมันในช่องท้องหรือโรคแอบแฝง การใช้ปากกาลดน้ำหนักร่วมกับปรับพฤติกรรม จะเห็นผลเรื่องสุขภาพชัดเจนที่สุด