นอนตะแคง ทำให้เกิดริ้วรอยง่ายจริงไหม

หมอขออธิบายนะคะว่า การนอนตะแคง มีผลกับการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าจริงๆ โดยเฉพาะส่วนที่สัมผัสกับหมอน เช่น แก้มและร่องแก้ม เพราะเมื่อเรานอนท่าเดิมซ้ำๆ ทุกคืน แรงกดทับและการเสียดสีกับปลอกหมอนจะทำให้ผิวถูกกดจนสูญเสียความยืดหยุ่น เกิด “เส้นริ้วหรือตีนกา” ได้ง่ายขึ้น คนไข้จะสังเกตเห็นว่าบางทีตื่นมาผิวมีรอยยับ หรือเส้นรอยพาดตรงแก้ม หากเส้นพวกนี้เกิดบ่อยและสะสมเรื่อยๆ จะกลายเป็นริ้วรอยถาวรค่ะ

ทำอย่างไรถ้าเลี่ยงนอนตะแคงไม่ได้?

หมอเข้าใจดีค่ะว่าการนอนหงายตลอดคืนเป็นเรื่องยากสำหรับบางคน ถ้าคนไข้ต้องนอนตะแคงจริงๆ แนะนำให้ เลือกปลอกหมอนเนื้อนุ่ม เช่น ผ้าซาตินหรือผ้าไหม เพราะเนื้อผ้าที่ลื่นจะลดแรงเสียดสีบนผิวหน้าได้ดี และเปลี่ยนอิริยาบถกลับไปนอนหงายบ้างระหว่างคืน นอกจากนี้อย่าลืม ดูแลผิวให้ชุ่มชื่น ด้วยมอยส์เจอไรเซอร์หรือเซรั่มบำรุงผิวก่อนนอนเป็นประจำด้วยนะคะ

ตัวอย่างสถานการณ์ให้เห็นภาพง่ายๆ

เช่น คนไข้หญิงอายุ 35 ปี ชอบนอนตะแคงซ้าย ตื่นเช้ามักเห็นรอยพับลึกที่แก้มซ้าย หลังจากผ่านไปหลายเดือนก็เริ่มมีรอยตื้นๆ ที่ยังอยู่ต่อ แม้จะตื่นเต็มที่แล้ว นี่คือตัวอย่างของ “sleep wrinkle” หรือรอยจากแรงกดขณะนอนที่กลายเป็นริ้วรอยถาวรในที่สุดค่ะ

หลีกเลี่ยงอย่างไร

1. ฝึกนอนหงาย หากทำได้จะลดโอกาสเกิดริ้วรอยจากการกดทับ
2. ใช้ปลอกหมอนที่เนื้อลื่น ลดแรงเสียดสี
3. บำรุงผิวเป็นประจำ ช่วยให้ผิวแข็งแรง รับแรงกดได้ดีกว่า
4. เลี่ยงการกดใบหน้าลงแรงๆ กับหมอน ใส่ใจท่านอนทุกคืน

ผิวเกิดริ้วรอย “ง่ายกว่า” แต่ไม่ใช่จะทำให้แก่เร็วกว่าปกติ

“นอนตะแคง” ทำให้เกิดริ้วรอยง่ายกว่าท่านอนหงาย เพราะแรงกดทับกับผิวหน้าโดยตรง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าเพื่อนวัยเดียวกันอย่างชัดเจนหรือมากจนเห็นได้ชัด เพราะ “ริ้วรอยจากการนอน” มักเป็นแค่หนึ่งในปัจจัยเล็กๆ ร่วมกับปัจจัยอื่นเช่น แสงแดด อายุ การดูแลผิว หรือกรรมพันธุ์ค่ะ

• ริ้วรอยจากท่านอนจะสังเกตเห็นง่ายและเพิ่มขึ้นเฉพาะตำแหน่งที่กดทับกับหมอนบ่อย
• ถ้าคนไข้ดูแลผิวดี ใช้ครีมกันแดด และมีไลฟ์สไตล์สุขภาพดี ความแตกต่างก็จะน้อยมาก
• คนไข้บางรายแม้นอนตะแคงก็ยังคงดูเด็กเพราะองค์ประกอบอื่นๆ ดีกว่า

ตัวอย่าง เช่น สองคนอายุ 40 ปีเหมือนกัน คนหนึ่งนอนตะแคง อีกคนหนึ่งไม่นอน แต่ถ้าทั้งคู่กินน้ำน้อย ออกแดดบ่อย ไม่ทาครีมกันแดด โอกาสเกิดริ้วรอยก็มีมากพอๆ กันค่ะ