สิวเรื้อรังแบบไหน ที่ “ตะโกน” ว่าอาจเป็น PCOS?
คนไข้คะ ปกติสิวทั่วไปมักเกิดจากความสกปรกหรือการแพ้เครื่องสำอาง แต่ถ้าเป็น สิวจากฮอร์โมน หรือ PCOS (ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ) มักจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่ะ หมออยากให้คนไข้ลองสังเกตดูนะคะว่าสิวของเราเป็นแบบนี้ไหม
- เป็นสิวบริเวณ U-Zone: คือขึ้นเยอะช่วงกราม คาง และรอบปาก มากกว่าช่วงหน้าผากหรือแก้ม
- สิวอักเสบเห่อช่วงก่อนมีประจำเดือน: และมักจะเป็นเม็ดใหญ่ๆ เจ็บๆ ไม่มีหัว หรือที่เรียกว่าสิวซีสต์
- ดื้อยา: ทายาก็แล้ว กินยาปฏิชีวนะก็แล้ว พอหยุดยาปุ๊บ สิวกลับมาเห่อปั๊บ ไม่หายขาดสักที
เช็กลิสต์ร่างกาย สัญญาณเตือนว่า “ฮอร์โมนชาย” กำลังป่วน
PCOS คือภาวะที่ร่างกายเรามี ฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงเกินไป ค่ะ ซึ่งมันไม่ได้ส่งผลแค่เรื่องสิว แต่ยังส่งผลต่อระบบอื่นๆ ด้วย ลองเช็กดูนะคะว่ามีอาการเหล่านี้ร่วมด้วยไหม
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ: มาช้าบ้าง ข้ามเดือนบ้าง หรือบางคนไม่มาเลย 3-4 เดือน (ทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์)
- ขนดกผิดปกติ: มีขนขึ้นในจุดที่ผู้หญิงไม่ควรมี เช่น หนวดเครา ขนหน้าอก หรือขนหน้าแข้งที่ดกดำกว่าปกติ
- ผมร่วง/ผมบาง: โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ คล้ายๆ กับผมบางในผู้ชาย
- อ้วนลงพุง: น้ำหนักขึ้นง่ายมากลดเท่าไหร่ก็ไม่ลง แถมยังมีพุงยื่นออกมา

ทำไมหมอถึงแนะนำให้ “ตรวจ” ดีกว่า “เดา”?
การรักษาสิวที่เกิดจาก PCOS ไม่สามารถหายขาดได้ด้วยการทายาหรือกดสิวเพียงอย่างเดียวค่ะ เพราะต้นตอมันอยู่ที่ “รังไข่” และ “ฮอร์โมน”
- การตรวจ: หมอจะแนะนำให้ตรวจ อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เพื่อดูว่ามีถุงน้ำในรังไข่จริงไหม และอาจจะต้อง เจาะเลือด เพื่อดูระดับฮอร์โมนเพศและระดับน้ำตาลในเลือดค่ะ
- การรักษา: ถ้าตรวจเจอว่าเป็น PCOS จริง การรักษาจะเปลี่ยนไปเลยค่ะ หมออาจจะต้องให้ทานยาปรับฮอร์โมน หรือยาคุมกำเนิดสูตรเฉพาะ เพื่อลดฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งจะช่วยให้ สิวลดลง หน้ามันน้อยลง และประจำเดือนมาปกติ ค่ะ
ถ้าคนไข้เป็นสิวมาหลายปีและรักษาผิวหนังไม่หายสักที หมอแนะนำให้ไปตรวจ PCOS ค่ะ เพื่อที่เราจะได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุจริงๆ ผิวจะได้กลับมาสวยใสแบบยั่งยืนนะคะ








