ขยี้ตา VS ภูมิแพ้ ตัวการไหนทำใต้ตาพัง?
เป็นคำถามที่ดีและพบบ่อยมากในคลินิกเลยค่ะ จริงๆ แล้วความเชื่อที่ว่า “ขยี้ตาแล้วใต้ตาคล้ำ” นั้น เป็นความจริงค่ะ แต่ไม่ใช่สาเหตุเดียว เพราะเรื่องนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดกับ “โรคภูมิแพ้” เหมือนเป็นวงจรอุบาทว์ที่ส่งผลต่อกันและกันค่ะ เดี๋ยวหมอจะอธิบายแยกแยะให้เห็นภาพชัดเจนนะคะ ว่ากลไกมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
1. ภูมิแพ้ (Allergy) คือ “ต้นตอ” ของความหมองคล้ำจากภายใน
คนไข้เข้าใจถูกส่วนหนึ่งค่ะว่าภูมิแพ้คือสาเหตุหลัก ในทางการแพทย์เราเรียกว่า “Allergic Shiners” ค่ะ กลไกคือ
- เมื่อเรามีอาการภูมิแพ้ (โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศ) เยื่อบุโพรงจมูกจะบวม ทำให้ เลือดไหลเวียนไม่สะดวกและเกิดการคั่ง บริเวณหลอดเลือดดำรอบดวงตาและจมูก
- ผิวหนังใต้ตาของเรา บางที่สุดในร่างกาย (หนาเพียงประมาณ 0.5 มม.) พอเลือดดำคั่งอยู่ข้างใต้ จึงมองเห็นเป็น สีม่วงคล้ำหรือสีเทาๆ ได้ชัดเจนกว่าบริเวณอื่นค่ะ
2. การขยี้ตา (Eye Rubbing) คือ “ตัวเร่ง” ให้พังเร็วขึ้นและถาวร
ถึงแม้ภูมิแพ้จะเป็นต้นเหตุของอาการคัน แต่การที่คนไข้ ขยี้ตาแรงๆ บ่อยๆ นี่แหละค่ะที่เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้รักษายาก เพราะ:
- การอักเสบและเม็ดสี (PIH): แรงเสียดสีจากการขยี้ตา จะไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มขึ้น เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำร้าย ผลคือผิวจะ คล้ำลงและหนาตัวขึ้น (Lichenification) เหมือนเวลาเราเกาแขนบ่อยๆ แล้วผิวตรงนั้นด้านและดำนั่นเองค่ะ
- เส้นเลือดฝอยแตก: การขยี้แรงๆ ทำให้ เส้นเลือดฝอยเล็กๆ ใต้ตาแตก เลือดที่รั่วซึมออกมาจะสะสมและทิ้งคราบธาตุเหล็ก (Hemosiderin) ไว้ ทำให้ใต้ตาดูช้ำๆ เหลืองๆ ม่วงๆ ถาวรได้ค่ะ
3. ริ้วรอยก่อนวัย ของแถมที่ไม่ได้รับเชิญ
นอกจากความคล้ำแล้ว การขยี้ตายังทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้เกิด ริ้วรอยเล็กๆ (Fine lines) และความเหี่ยวย่น ได้เร็วกว่าคนปกติมหาศาลเลยค่ะ
ภูมิแพ้ทำให้เกิดการคั่งของเลือด (สีม่วง/เขียว) + อาการคัน → นำไปสู่การขยี้ตา → การขยี้ตาทำให้เกิดเม็ดสีสะสม (สีน้ำตาล) และริ้วรอย
ดังนั้น มันเกิดจากทั้งสองอย่างผสมกัน ค่ะ

ใต้ตาคล้ำจาก ภูมิแพ้/ขยี้ตา vs อายุ/ร่องลึก
| หัวข้อ | 1. กลุ่มภูมิแพ้ & ขยี้ตา (Pigment & Vascular) | 2. กลุ่มอายุ & ร่องลึก (Structural Shadow) |
|---|---|---|
| สาเหตุหลัก | เกิดจาก เส้นเลือดคั่ง (ภูมิแพ้) และ เม็ดสีเข้มขึ้น จากการอักเสบและแรงเสียดสี (ขยี้ตา) | เกิดจาก กระดูกเบ้าตาทรุดตัว และไขมันใต้ตาหายไปตามวัย ทำให้เกิด “ร่องลึก” จนแสงตกกระทบเป็น เงา |
| ลักษณะสีที่เห็น | มักเป็นสี ม่วง, น้ำเงิน, หรือเทา (เส้นเลือด) ผสมกับสี น้ำตาล (เม็ดสีจากการขยี้) | ไม่ใช่สีผิวที่เปลี่ยนไปจริงๆ แต่เป็น เงาสีดำมืดๆ ที่เกิดจากความลึกและความโหล |
| สภาพผิว | ผิวมักจะ แห้ง หยาบกร้าน หรือหนาตัวขึ้นจากการถูไถบ่อยๆ อาจมีริ้วรอยตื้นๆ ร่วมด้วย | ผิวอาจจะปกติ แต่ดู โหล ลึก หรือมีถุงใต้ตาปูดออกมาด้านบน ทำให้ร่องข้างล่างดูชัดขึ้น |
| วิธีเช็คเบื้องต้น | ลองดึงผิวเบาๆ: ถ้าดึงผิวใต้ตาออกมาแล้ว “สีคล้ำนั้นติดตามผิวหนังออกมาด้วย” แสดงว่าเป็นที่เม็ดสีหรือเส้นเลือด | ลองเงยหน้ามองไฟ: หรือเอาไฟส่องหน้าตรงๆ ถ้า “รอยคล้ำจางลงหรือหายไป” แสดงว่าเป็นแค่เงาจากร่องลึก |
| การรักษาที่ตรงจุด | แก้ที่ผิวและยา: รักษาภูมิแพ้, เลิกขยี้ตา, ทาครีม Whitening, เลเซอร์ลดเม็ดสี, ฉีดเมโสใส | แก้ด้วยการเติมเต็ม: ต้องใช้ ฟิลเลอร์ (Filler) เติมร่องลึกให้เต็ม เพื่อลบเงา หรือการผ่าตัดจัดเรียงไขมัน |





![[รีวิว] กู้ใต้ตาคล้ำให้สดใส! หน้าไม่เหนื่อย ฟิลเลอร์ใต้ตาที่ D’ Lovevery Clinic](https://dloveveryclinic.com/storage/2025/11/case-112-under-eye-filler-dlovevery-before-after.webp)


