ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าสารที่ฉีดเป็น HA Filler มาตรฐาน (เช่นยี่ห้อ Juvederm, Restylane, Belotero อื่นๆที่ผ่าน อย.) เพราะหากเป็นสารกลุ่ม Biostimulator เช่น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือ PLLA จะไม่สามารถสลายด้วยเอนไซม์นี้ได้ ต้องรอให้สลายเองตามธรรมชาติซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า 18-24 เดือน
การฉีดสลายด้วยเอนไซม์ Hyaluronidase มีความจำเพาะเจาะจงสูง โดยจะไปตัดพันธะโมเลกุลของ Hyaluronic Acid ให้แตกตัวเป็นน้ำและถูกขับออกจากร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งปกติจะเห็นผลการยุบตัวกว่า 80-90% ภายใน 24 ชั่วโมงแรก หากฉีดได้ตรงจุดและใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม
แยกให้ออกระหว่าง “บวม” กับ “ไม่สวย”
หลังฉีดฟิลเลอร์ใหม่ๆ ในช่วง 3-7 วันแรก เป็นช่วงที่ยาชาและอาการบวมเข็มยังทำงานอยู่ค่ะ หน้าอาจจะดูตึงๆ บวมๆ หรือดูไม่เท่ากันได้ ซึ่ง “อาการบวมหลอกตา” นี้เป็นเรื่องปกติมากค่ะ
- คำแนะนำของหมอ: หมออยากให้คนไข้ใจเย็นรอให้ครบ 2 สัปดาห์ (14 วัน) ก่อนค่ะ เมื่อยุบบวมเต็มที่แล้ว ฟิลเลอร์เซตตัวเข้าที่ ทรงที่เห็นตอนนั้นคือ “ของจริง” ถ้าตอนนั้นยังรู้สึกว่ามันเป็นก้อน มันเยอะเกิน หรือทรงไม่สวย ค่อยกลับมาฉีดสลายก็ยังไม่สายค่ะ
- ยกเว้น: กรณีฉุกเฉิน เช่น ปวดแสบปวดร้อน ผิวเปลี่ยนสี อันนี้ไม่ต้องรอค่ะ ให้รีบมาทันที
เช็กให้ชัวร์ “สิ่งที่ฉีดเข้าไป” คืออะไร?
ยาฉีดสลายที่เรียกว่า Hyaluronidase (ไฮยาลูโรนิเดส) นั้น เป็นเหมือนกุญแจที่ไขได้แค่แม่กุญแจดอกเดียว คือมันจะสลายได้เฉพาะ ฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic Acid (HA) หรือฟิลเลอร์แท้มาตรฐาน อย. เท่านั้นค่ะ
- สิ่งที่สลายไม่ได้: ถ้าคนไข้ไปฉีด ซิลิโคนเหลว, ฟิลเลอร์ปลอม หรือกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจนบางตัว (เช่น Radiesse, Sculptra) ยาสลายตัวนี้จะ ทำอะไรไม่ได้เลย ค่ะ กรณีนี้อาจจะต้องใช้เครื่องมือยกกระชับช่วย หรือถ้าหนักจริงๆ อาจต้องผ่าตัดขูดออกค่ะ
สลายแล้วหายไปเลยไหม? หรือต้องรอ?
การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่เห็นผลไวมากค่ะ
- ขั้นตอน: หมอจะฉีดเอนไซม์ลงไปในจุดที่มีปัญหา คนไข้จะรู้สึกแสบนิดๆ ตอนเดินยา (แสบกว่าตอนฉีดฟิลเลอร์นิดหน่อยค่ะ)
- ผลลัพธ์: ฟิลเลอร์จะเริ่มนิ่มลงและสลายตัวเกือบจะทันที และจะยุบตัวลงชัดเจนที่สุดภายใน 24 – 48 ชั่วโมง
- จะเติมใหม่ได้เมื่อไหร่: ถ้าสลายแล้วอยากเติมใหม่ให้สวยแบบเนียนๆ หมอแนะนำให้พักหน้าต่ออีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เนื้อเยื่อหายอักเสบจากการฉีดสลายก่อน ค่อยมาปั้นทรงใหม่ค่ะ








