ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

โฟมไม่มีฟองช่วยลดสิวได้จริงไหม

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ว.49465

ตอบ:

โฟมไม่มีฟองเหมาะกับผิวบอบบางและสิวง่าย เพราะช่วยลดการระคายเคืองและการอุดตัน จึงช่วยลดการเกิดสิวทางอ้อม แต่ไม่ได้รักษาสิวโดยตรง ถ้าต้องการดูแลปัญหาสิวให้ดีควรเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะกับผิวและดูแลสุขภาพผิวโดยรวมร่วมด้วยค่ะ ใครอยากอ่านเพิ่มเติมว่าการไม่มีฟองมันดีหรือไม่ดี หมอสรุปไว้ให้ด้านล่างค่ะ


หมายเหตุ: คำตอบนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้น กรุณาทำนัดเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรับข้อมูลโดยละเอียด

คลินิกรักษาสิว กดสิวราคา รักษาสิว cdc รามคำแหง เลียบด่วน ลาดพร้าว
8-acne-treatment-myths-and-facts ยิ่งทาครีมเยอะสิวยิ่งหายไว

โฟมไม่มีฟอง กับการดูแลสิว ความเชื่อและความจริง

โฟมไม่มีฟอง หมายถึง ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าประเภทที่ไม่เกิดฟองเยอะ หรือไม่มีฟองเลย เช่น คลีนซิ่งเจล หรือคลีนซิ่งครีม เหล่านี้จะมีเนื้อสัมผัสลื่นๆ นุ่มๆ ซึ่งต่างจากโฟมปกติที่ฟองเยอะๆ ค่ะ

ตอนใช้

  • โฟมฟองเยอะ: เวลาใช้จะต้องตีฟองหนาๆ ถึงจะรู้สึกสะอาด
  • โฟมไม่ฟอง: บีบออกมาแล้วลูบๆ ที่หน้าก็ล้างได้เลย ถึงไม่มีฟองก็สะอาด

ฟองเยอะ = สะอาดกว่า จริงหรือไม่?

ฟองเยอะอาจให้ความรู้สึกสะอาด แต่ ปริมาณฟองไม่ได้ทำให้หน้าสะอาดกว่าการล้างหน้าด้วยโฟมไม่ฟองค่ะ เพราะสารที่ทำให้เกิดฟอง (SLS/SLES) เป็นสารที่มีฤทธิ์แรง อาจทำให้ผิวหน้าแห้งหรือระคายเคือง โดยเฉพาะกับคนไข้ที่มีปัญหาสิวหรือผิวแพ้ง่าย แต่บางคนชอบไงคะ ล้างหน้าเสร็จแล้วหน้าจะตึงๆ ฟิลคนตื่นนอนล้างหน้าแล้วหน้าตึง จึงรู้สึกว่ามันดี

โฟมไม่ฟอง ช่วยลดสิวได้อย่างไร?

หมอขออธิบายว่าจริงๆ โฟมไม่มีฟองเหมาะกับผิวบอบบางและผิวที่เป็นสิวง่าย เพราะช่วยลดการระคายเคืองของผิว ลดโอกาสที่ผิวจะอุดตัน เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของสารที่กระตุ้นสิวหรือรบกวนสมดุลผิว

การล้างหน้าด้วยโฟมไม่มีฟอง จึง “ช่วยลดสิว” ได้โดยทางอ้อม คือไม่ไปรบกวนผิวมากเกินไป ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น สิวขึ้นน้อยลง ใครที่เป็นสิวเรื้องรังมานานหลายเดือน อย่างโฟกัสแค่โฟมล้างหน้านะคะ อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ต้องปรึกษาแพทย์

สิ่งที่คนไข้ควรทำเมื่อเป็นสิวเรื้อรังนานเกิน 1 เดือน

  1. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือแพทย์ความงาม
    เพื่อวางแผนการรักษาและค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิว
  2. งดบีบ แกะ หรือสัมผัสสิวบ่อยๆ
    เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบ ลุกลาม หรือทิ้งรอยดำรอยแดงมากขึ้น
  3. ตรวจสอบยา/เวชภัณฑ์ที่ใช้
    เช่น ครีมหรือยาทาสิว ควรหยุดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ชอบลองเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เอง และให้แพทย์เป็นผู้นำทางการรักษา
  4. สังเกตสาเหตุแฝง
    เช่น ความเครียด พักผ่อนไม่พอ ฮอร์โมนผิดปกติ อาหารบางประเภท (เช่น นมวัว ของหวาน ของมัน) สังเกตว่ามีสิ่งไหนที่กระตุ้นสิวแล้วลดหรืองดสิ่งนั้น
  5. เลือกใช้ยารักษาสิวตามแพทย์สั่ง
    เช่น ยาทากลุ่มเรตินอยด์ ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือยากินสำหรับคนไข้ที่สิวอักเสบเยอะ (ใช้เฉพาะตามคำแนะนำของหมอเท่านั้นค่ะ)
  6. ปรับการใช้ชีวิตประจำวัน
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    • ดื่มน้ำให้มาก
    • ล้างหน้าตามปกติ ไม่ถี่เกินไป/ไม่ขัดหน้าแรง
  7. เปลี่ยนหรือซักของใช้ที่สัมผัสใบหน้าบ่อยๆ
    เช่น ปลอกหมอน ผ้าขนหนู โทรศัพท์มือถือ อย่าลืมรักษาความสะอาดสิ่งเหล่านี้
  8. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่หนักผิว
    เลือกใช้เครื่องสำอางสูตร non-comedogenic
    (ไม่อุดตันรูขุมขน) และล้างออกให้สะอาดทุกครั้ง
  9. งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมระคายเคือง
    เช่น แอลกอฮอล์น้ำหอมสครับเม็ดหยาบๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแย่ลง
  10. ติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
    กลับไปพบหมอให้ตรงตามนัด เพื่อปรับแผนรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว

หากคนไข้ปฏิบัติตามนี้แล้ว สิวยังไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรรีบกลับมาปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยารักษาสิวทานเองหรือเปลี่ยนครีมเองบ่อยๆ นะคะ

คำถามอื่นๆที่พบบ่อย

บริการของคลินิก