ความจริงเรื่อง “เส้นเลือดเปราะ” ในคนไข้เบาหวาน
ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่งค่ะ
ผู้ที่มีระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) สูงกว่า 7% ต่อเนื่อง มีความเสี่ยงที่ผนังหลอดเลือดฝอยจะถูกทำลายเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า ทำให้เกิดรอยฟกช้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไปเมื่อได้รับแรงกด
เพราะเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะเกิดกระบวนการที่ทำให้ ผนังหลอดเลือดฝอยสูญเสียความยืดหยุ่นและเปราะบางกว่าคนทั่วไป (Microangiopathy) ทำให้เวลาโดนแรงกดแรงๆ หรือการบิดดัด อาจเกิดการฉีกขาดใต้ผิวหนัง กลายเป็นรอยจ้ำเลือดหรือรอยเขียวช้ำได้ง่าย ซึ่งในทางความงาม เราคงไม่อยากให้ผิวสวยๆ ของเรามีรอยช้ำใช่ไหมคะ แถมแผลในคนไข้เบาหวานยังหายช้ากว่าปกติด้วย
นวดแบบไหนที่ “ควรเลี่ยง” vs “ทำได้”
หมอไม่ได้ห้ามการนวด 100% นะคะ แต่ต้องเลือกให้ถูกประเภทค่ะ

- แบบที่ควรเลี่ยง: การนวดที่ใช้แรงเยอะๆ เช่น นวดแผนไทยแบบดัดตน นวดจับเส้น นวดตอกเส้น หรือการกัวซาที่รุนแรง เพราะเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเลือดฝอย ยิ่งถ้าคนไข้มีอาการชาปลายมือปลายเท้า (Neuropathy) อาจจะไม่รู้สึกเจ็บตอนโดนกดแรงๆ ทำให้เกิดแผลกดทับโดยไม่รู้ตัวได้ค่ะ
- แบบที่หมอแนะนำ: เปลี่ยนมาเป็น Aromatherapy Massage (นวดน้ำมัน) หรือ Lymphatic Drainage (นวดระบายน้ำเหลือง) เบาๆ แทนค่ะ การนวดแบบนี้ช่วยลด Cortisol (ฮอร์โมนเครียด) ซึ่งดีต่อระดับน้ำตาล และช่วยเรื่อง Anti-Aging ให้หน้าเด็กด้วยค่ะ
ข้อควรระวังพิเศษสำหรับคนใช้ “ปากกาลดน้ำหนัก” (GLP-1)
ในเมื่อคนไข้ใช้ยาปากกาคุมหิวด้วย ข้อนี้สำคัญมากค่ะ!
- ห้ามนวดบริเวณที่ฉีดยา: หากเพิ่งฉีดยาที่หน้าท้องหรือต้นขา ห้ามนวดคลึงบริเวณนั้นทันที หรือนวดแรงๆ ในช่วงวันที่ฉีดนะคะ
- เหตุผล: การนวดจะไปกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเร็วเกินไป อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงยาแรงขึ้น เช่น คลื่นไส้ เวียนหัว หรือระดับน้ำตาลตกวูบได้ค่ะ
สรุปสิ่งที่เราต้องบอก พนักงานนวด ก่อนนวด
เพื่อความปลอดภัยและความสวยแบบยั่งยืน ก่อนขึ้นเตียงนวดต้องแจ้งพนักงานเสมอว่า
- เป็นเบาหวาน ขอไม่นวดแรง ไม่ดัด ไม่รีดเส้น ขอนวดผ่อนคลายเบาๆ เท่านั้น
- เว้นการนวดบริเวณหน้าท้อง/ต้นขา (จุดที่ฉีดยาปากกาไป)
- ถ้ามีจุดไหนกดแล้วหมอไม่รู้สึกเจ็บ ให้ระวังเป็นพิเศษ อย่าลงน้ำหนักเยอะ (กรณีมีอาการชา)








