ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

ใต้ตาคล้ำ แต่ไม่ลึก รักษาด้วยอะไรถึงจะหาย

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ว.49465

ตอบ:

ถ้าคนไข้มีปัญหาใต้ตาคล้ำแต่ไม่ลึก จริง ๆ แล้วเราเริ่มดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น มาส์กใต้ตาเป็นประจำ พักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกใช้ครีมหรือเซรั่มที่เหมาะกับผิวรอบดวงตา ถ้ายังรู้สึกว่ารอยคล้ำไม่ดีขึ้น หรืออยากเห็นผลไวขึ้น หมอแนะนำให้ลองทรีทเมนท์ในคลินิก เลเซอร์ลดเม็ดสี ฉีดไหมน้ำ หรือฟิลเลอร์ใต้ตา ซึ่งแต่ละวิธีเห็นผลชัดเจนในระยะเวลาที่ต่างกัน และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ค่ะ

แต่ปัญหาใต้ตาของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ หมอแนะนำให้คนไข้ เข้ามาประเมินกับหมอ เพื่อหาสาเหตุจริง ๆ และเลือกวิธีแก้ที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุด จะได้สวยแบบปลอดภัย ได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดค่ะ


หมายเหตุ: คำตอบนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้น กรุณาทำนัดเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรับข้อมูลโดยละเอียด

ภาพเคสรีวิว 66 ฟิลเลอร์ใต้ตา คล้ำเป็นแพนด้า ดีเลิฟเวอรี่คลินิก หมอต้าร์ แ
ใต้ตาคล้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเหนื่อย! ฟิลเลอร์ช่วยรีเซ็ตหน้าใสทันใจวัยเรียน วัยทำงาน

ใต้ตาคล้ำ แต่ไม่ลึก เพราะอะไร?

ใต้ตาคล้ำแต่ไม่ลึก คือภาวะที่ผิวใต้ตาดูหมองคล้ำ ดูโทรม แต่ยังไม่มีร่องลึกหรือถุงใต้ตาชัดเจน สาเหตุหลัก ๆ มักเกิดจากพันธุกรรม ภูมิแพ้ พักผ่อนน้อย หรือแม้แต่การสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ เกิดขึ้นได้แม้อายุยังไม่เยอะ บางคน อายุยังไม่ถึง 20 ด้วยซ้ำ แต่ปัญหาเห็นชัดมากๆ

สาเหตุของปัญหาใต้ตาคล้ำแบบไม่ลึก

  • พันธุกรรม : หลายคนมีกรรมพันธุ์ที่ผิวใต้ตาบางหรือมีเม็ดสีเข้ม
  • ภูมิแพ้/ขยี้ตาบ่อย : ทำให้เส้นเลือดขยายตัวและเห็นเป็นสีคล้ำมากขึ้น
  • พักผ่อนน้อย : กระทบกับการไหลเวียนของเลือดใต้ตา ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงไม่ดี ใต้ตาเลยดูคล้ำ
  • แสงแดดและอายุ : กระตุ้นให้เม็ดสีสร้างมากขึ้น และผิวเริ่มสูญเสียคอลลาเจน

เช่น คนไข้สาวออฟฟิศที่พักผ่อนน้อย ไม่ได้เป็นภูมิแพ้ แต่ตื่นมาทุกเช้าใต้ตาจะคล้ำมาก ถ้าเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เข้านอนให้เร็วขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่จอคอมนาน ใช้ครีมรอบดวงตาสม่ำเสมอ

วิธีการรักษาใต้ตาคล้ำแต่ไม่ลึก

หมอสรุปให้ตามลำดับจากเบาๆ ไปจนถึงหัตถการเลยนะคะ เพราะความรุนแรงแต่ละคนไม่เหมือนกัน

1. มาส์กเองที่บ้าน

หมอแนะนำให้เริ่มดูแลตัวเองที่บ้านก่อนนะคะ เช่น มาส์กผิวใต้ตาด้วยเจลหรือแผ่นมาส์กเฉพาะรอบดวงตา รวมถึงมาส์กสูตรธรรมชาติอย่างแตงกวา หรือถุงชาเย็นประคบใต้ตา

  • ข้อดี : ง่าย ราคาไม่แพง และช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดอาการบวม รอยคล้ำดูจางลงชั่วคราว
  • จำนวนครั้งเห็นผล : หากทำเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ จะได้ความชุ่มชื้น แต่ถ้าคล้ำมากๆอาจจะเห็นผลไม่ชัดเจนมากนัก

2. ทรีทเมนท์ในคลินิก

ทรีทเมนท์ดูแลรอบดวงตาในคลินิก เช่น การทำ Eye Treatment, Mask วิตามิน หรือใช้เครื่องมือที่ช่วยบำรุงและกระตุ้นผิว

  • ข้อดี : ขั้นตอนอ่อนโยน ปลอดภัย ไม่มีแผล ช่วยให้ผิวแข็งแรง รอยคล้ำดูลดลง
  • จำนวนครั้งเห็นผล : แนะนำทำต่อเนื่อง 4-6 ครั้ง (ห่างกันสัปดาห์ละ 1 ครั้ง) จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงว่าคาเฟ่ใต้ตาดูนุ่ม แน่น และสีผิวสว่างขึ้น

3. เลเซอร์ลดรอยคล้ำใต้ตา

เลเซอร์ลดเม็ดสีหรือเลเซอร์ฟื้นฟูรอบดวงตา เช่น Q-switch, IPL หรือ fractional laser

  • ข้อดี : เห็นผลชัดกว่าทรีทเมนท์ ช่วยลดเม็ดสีและกระตุ้นคอลลาเจน
  • จำนวนครั้งเห็นผล : ส่วนมากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงใน 3-5 ครั้ง (แต่ละครั้งห่างกัน 2-4 สัปดาห์) รอยคล้ำจะจางลง ผิวเนียนละเอียดขึ้น

4. ฉีดไหมน้ำใต้ตา

ไหมน้ำใต้ตา (หรือ Polydeoxyribonucleotide – PDRN, PDLLA, PLLA) ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่และคอลลาเจนใต้ผิว

  • ข้อดี : ไม่ต้องพักฟื้น นอกจากทำให้ใต้ตาชุ่มชื้น ยังช่วยฟื้นฟูผิวลดความคล้ำและความหมอง
  • จำนวนครั้งเห็นผล : 1-2 ครั้งต่อปี รอยคล้ำและความแห้งกร้านจะดีขึ้นอย่างชัดเจน

5. ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา (กรดไฮยาลูโรนิก) บางรุ่น ออกแบบมาให้เนื้อบางเบาเหมือนน้ำเลย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวบางหรือร่องรอยระหว่างตาและแก้มเห็นชัด

  • ข้อดี : เห็นผลทันทีหลังทำ ช่วยเติมเต็มผิวให้เรียบเนียน เงาสะท้อนบริเวณร่องตาจะดีขึ้น ใต้ตาดูไบรท์ขึ้น
  • จำนวนครั้งเห็นผล : ปกติทำ 1 ครั้ง จะเห็นผลชัดใน 1-2 สัปดาห์หลังฉีด

คำถามอื่นๆที่พบบ่อย