ผิวหน้า สภาพผิวแบบไหนที่ “อาจจะ” ไม่อนุญาตขึ้นเครื่อง?
โดยปกติ สายการบินจะไม่พิจารณาเรื่องผิวพรรณ/ผิวหน้า/ผิวกาย เป็นเหตุหลักในการไม่ให้ขึ้นเครื่อง เว้นแต่ว่าสภาพผิวหรือแผลนั้น…
- มีบาดแผลสด/กำลังตกเลือด/แผลที่ยังไม่ปิด (critical open wound)
- มีอาการอักเสบ บวมแดงมากผิดปกติ
- ติดเชื้อรุนแรง เช่น มีหนอง ช้ำบวม กระจายทั่วใบหน้า/ตัว
- แสดงอาการของโรคติดต่อแบบรุนแรง มีตุ่มน้ำ ใบหน้าแผลพุพอง ฯลฯ
- สภาพที่เจ้าหน้าที่เช็คอิน/พยาบาลสนามบิน เห็นแล้วเกรงว่าจะเป็นอันตรายระหว่างบิน หรืออาจติดคนอื่น
กรณี ศัลยกรรม/เลเซอร์/ฉีดโบท็อกซ์-ฟิลเลอร์
- ศัลยกรรมตกแต่ง/ศัลยกรรมใบหน้า
ถ้าเพิ่งผ่าตัด—แนะนำเว้นระยะอย่างน้อย 7–14 วัน (หรือรอจนแพทย์อนุญาต) เพราะ…- เสี่ยงบวม ปวด แผลอาจแตก/ติดเชื้อระหว่างบิน (แรงดันอากาศมีผล)
- บางสายการบินอาจขอใบรับรองแพทย์ ถ้ามีร่องรอยศัลยกรรมเด่นชัด แผลใหญ่
- ทำเลเซอร์ เช่น เลเซอร์หน้า, หน้าใส, IPL ฯลฯ
- ถ้าผิวหนังหลังกระบวนการบาดเจ็บ เบิน/พุพอง/ตกสะเก็ดมาก บวมแดงรุนแรง เจ้าหน้าที่อาจไม่อนุญาตขึ้นเครื่อง
- หากแค่รอยแดงเล็กน้อย ยังขึ้นได้ตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเข้าข่ายนี้เกือบทั้งหมด ยกเว้น PICO Laser บางรุ่น บางโหมดการรักษา
- ฉีดโบท็อกซ์/ฟิลเลอร์
- ส่วนมาก ไม่มีปัญหา เพราะหลังทำทันที 30 นาทีรอยเข็มก็จะถูกปิด รอยแดงต่างๆก็จะดีขึ้น แทบจะดูไม่ออก
- แต่ถ้ากังวลจริงๆ แนะนำอย่างน้อย 6 ชั่วโมง (ถ้าฉีดจำนวนเยอะๆหลายบริเวณแนะนำ 12-24 ชม.)
- 1-5 CC นั้นยังไม่เคยเจอคนไข้ที่พบปัญหานี้เพราะคลินิกก็มีติดตามผลหลังทำตลอดค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง:
- ประสบการณ์และข้อบังคับเบื้องต้นของสายการบินไทย, Qatar Airways, Singapore Airlines
- กรมควบคุมโรค, เมดิคัลเซอร์วิสไทยแลนด์ (2024)
- แนะนำสมาคมแพทย์ศัลยกรรมฯ และสมาคมแพทย์ผิวหนัง (update June 2024)