รอยแผลเป็นที่เกิดจากการโดนสาดน้ำร้อน ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่ม แผลเป็นจากการไหม้ (burn scars) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากแผลเป็นประเภทอื่น เช่น แผลจากการเกิดสิว หรือแผลตื้นที่เกิดจากการบาดเจ็บเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ รอยแผลเป็นจากการโดนสาดน้ำร้อนจึงมีระดับความซับซ้อนกว่าแผลเป็นทั่วไป และอาจรักษาได้ยากกว่าในหลายกรณี โดยแผลประเภทนี้มีลักษณะสำคัญที่ควรเข้าใจ
ลักษณะของรอยแผลเป็นจากน้ำร้อน
- อาจปรากฏในลักษณะเป็น รอยนูน (hypertrophic scar) หรือลักษณะบางส่วนอาจกลายเป็น คีลอยด์ (keloid) ซึ่งเป็นแผลเป็นที่นูนหนาขึ้นจนเกิดสีแดงสด หรือคล้ำขึ้นตามโทนสีผิว
- หากความร้อนทำลายถึงชั้นผิวหนังลึกมาก (เส้นประสาทและเส้นเลือดด้านใต้) บริเวณผิวที่หายจากแผลจะเกิด การย่น หดตัว หรือแข็งตัว (contracture scar) ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของบริเวณนั้นติดขัด
- ผิวบริเวณที่ถูกเผาอาจมีเม็ดสี (pigmentation) เกิดความไม่สม่ำเสมอ เช่น มีรอยด่าง (hypopigmentation) หรือสีเข้มขึ้นกว่าปกติ (hyperpigmentation)
รอยแผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนเมื่อเทียบกับรอยแผลอื่น
- ความรุนแรงและลักษณะลึกของเนื้อเยื่อที่เสียหายจากน้ำร้อนมักนำไปสู่การสร้างเนื้อเยื่อพังผืดมากกว่า การฟื้นตัวของแผลจึงใช้ระยะเวลานานกว่า
- แผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนมีโอกาสเกิดการหดรั้งของผิวหนัง หรือสูญเสียความยืดหยุ่นมากกว่าแผลเป็นธรรมดา
การรักษายากกว่าหรือไม่
การรักษารอยแผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนมักซับซ้อนกว่าแผลอื่น เนื่องจาก
- จำเป็นต้องฟื้นฟูทั้ง พื้นผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
- ต้องแก้ไขทั้งปัญหาทาง กายภาพ (เช่น ความตึงตัวของผิวหนัง) และ ความสม่ำเสมอของสีผิว
- ใช้เวลามากกว่า และอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การทายา การฉีดยา การใช้แสงเลเซอร์ หรือในกรณีรุนแรงอาจต้องพิจารณาการผ่าตัด
Pico laser ช่วยได้ไหม?
Pico Laser เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิว (pigmentation) เช่น ลดรอยดำ รอยแดง หรือปรับสภาพโทนสีผิวในกรณีที่ผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถช่วยได้กับบางลักษณะของรอยแผลเป็นจากน้ำร้อน เช่น
- ลดรอยดำหรือรอยแดงที่เกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูเรียบขึ้นเล็กน้อย (แต่ไม่ได้ช่วยลดแผลนูนหนามาก)
ความรุนแรงมีแผลต่อรอยแผลเป็น
- หากรอยแผลเป็นเกิดขึ้นแบบไม่รุนแรง (เช่น น้ำร้อนลวกผิวชั้นตื้น) มีโอกาสหายหรือจางลงจนแทบสังเกตไม่เห็น หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก เช่น การทายาเพื่อป้องกันแผลเป็น การใช้ซิลิโคนเจลช่วยปรับให้แผลเรียบ
- แต่ในกรณีที่เป็นแผลลึกระดับผิวหนังแท้ขึ้นไป (dermis) หรือรุนแรงมาก เช่น น้ำร้อนทำลายผิวหนังเป็นชั้นกว้างและลึก ผิวบริเวณนั้นอาจไม่กลับมาดูเหมือนเดิม 100% และจำเป็นต้องใช้การรักษาเฉพาะทางร่วมหลายๆ ขั้นตอนเพื่อให้รอยเรียบเนียนและกลมกลืนที่สุด
เปรียบเทียบแผล น้ำร้อนสาด กับ น้ำกรดสาด
ประเด็น | แผลจากน้ำร้อนสาด | แผลจากน้ำกรดสาด |
---|---|---|
สาเหตุของแผล | ความร้อนส่งผ่านจากน้ำร้อนเข้าสู่ผิวหนัง (Thermal burn) | การกัดกร่อนของผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยกรด (Chemical burn) |
ลักษณะการบาดเจ็บ | – ผิวหนังถูกไหม้หรือถูกทำลาย – ระดับการเสียหายขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและระยะเวลาสัมผัส | – กัดกร่อนลึกถึงชั้นผิวหนังหรืออวัยวะใต้ผิว – สารเคมีทำลายโปรตีนในผิวหนัง |
ความลึกของแผล | – อาจเกิดแผลตื้นหรือลึกถึงผิวหนังแท้ – หากรุนแรงมากอาจทำลายถึงชั้นเนื้อเยื่อไขมัน | – อาจเฉพาะเจาะจงทำลายผิวจุดที่สัมผัส – บางครั้งแผลอาจลึกกว่าที่ดูจากภายนอก |
ลักษณะของแผลเป็น | – อาจเป็นแผลนูน (Hypertrophic scar) – อาจเกิดการหดรั้งผิว (Contracture Scar) ในบริเวณไหม้ลึก – มีรอยด่างดำหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ | – แผลมักมีรอยคล้ำจากเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย – อาจเกิดรอยยุบ (Depressed scar) แทนการนูน – ผิวในจุดสัมผัสมักไม่สม่ำเสมออย่างถาวร |
ผลกระทบต่ออวัยวะข้างเคียง | – ส่วนใหญ่กระทบแค่บนผิวหนัง – การไหม้ลึกมากอาจทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย | – อาจกระจายได้มากกว่าน้ำร้อน – หากกรดเข้าตา/ปาก/จมูก อาจก่อให้เกิดบาดแผลเนื้อเยื่อภายในถั่วบริเวณนี้ |
สีของแผลเบื้องต้น | – สีแดงหรือชมพูเข้มในระยะแรก – กลายเป็นสีคล้ำหรือน้ำตาลเมื่อแผลเซ็ตตัว | – สีคล้ำหรือดำในทันทีเนื่องจากเนื้อเยื่อถูกกัด (Necrosis) |
การรักษาในระยะเฉียบพลัน | – ชะล้างน้ำเย็นทันทีเพื่อหยุดการไหม้ขณะเกิด – ทายาลดการอักเสบหรือแผลเป็น เช่น ครีมซิลิโคน | – ชะล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากทันที – การล้างให้แน่ใจว่าสารเคมีถูกชะล้างออกหมด (ไม่มีการเจือปนกรดหลงเหลือ) |
แนวทางการรักษาแผลเป็น | – ใช้แสงเลเซอร์ เช่น Pico หรือ Fractional CO₂ – ฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดแผลนูน – อาจต้องผ่าตัดแก้ไขในกรณีแผลหดรั้ง | – รักษารอยยุบด้วย Filler, Subcision, เลเซอร์ – ปรับสีผิวด้วยเลเซอร์ที่ช่วยเรื่องเม็ดสี – อาจต้องศัลยกรรมในบางกรณี |
โอกาสการรักษาให้หาย/จางลง | – โอกาสหาย/จางค่อนข้างสูงในกรณีที่แผลตื้น – แผลลึกมากอาจไม่สม่ำเสมอแม้รักษาจนหาย | – โอกาสหายโดยสมบูรณ์น้อยกว่า – การยุบตัวและการเปลี่ยนสีของเนื้อเยื่อมักถาวร |
ความยากของการรักษา | – หากแผลลึก หรือนูน การฟื้นฟูใช้เวลานาน – ต้องเน้นการฟื้นสีผิวและความเรียบของแผล | – รักษายากกว่ามักต้องแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวเนื่องจากรอยยุบและแผลปลิ้นลึก – การเปลี่ยนสีผิวยากแก้ไขกว่าของน้ำร้อน |
- ระดับความเสียหาย และ วิธีรักษา ทั้งสองชนิดขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการสัมผัส ความรุนแรงของสารที่กระทบ และการดูแลเบื้องต้นที่เหมาะสม
- การรักษาแผลจากน้ำกรดและน้ำร้อนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ หรือการสร้างเนื้อเยื่อผิดปกติขณะฟื้นตัว
ทาง D’ Lovevery Clinic ขอแสดงความห่วงใยต่อทุกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการสาดน้ำร้อน/น้ำกรดใส่กัน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายด้วยการสร้างบาดแผลที่รุนแรงและซับซ้อนต่อผิวหนัง แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ประสบเหตุอย่างลึกซึ้ง เราไม่สนับสนุนการกระทำที่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอย้ำว่า การเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจควรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและเร่งด่วน