ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

ถาม:

รอยแผลเป็นจากโดนน้ำร้อน หายได้ไหม

หมอต้าร์-exosome-สกินบูสเตอร์-ดีเลิฟเวอรี่คลินิก

(หมอต้าร์) พญ.อภิญญา เสาร์แก้ว

ตอบ:

รอยแผลเป็นจากน้ำร้อนลวกมีลักษณะเฉพาะและรักษายากกว่าแผลเป็นทั่วไป โดยเฉพาะถ้าเป็นแผลลึกหรือรุนแรงมาก อย่างไรก็ตาม การใช้พวก Pico laser สามารถช่วยได้ในกรณีที่ต้องการปรับเม็ดสีผิว หรือแก้ไขรอยแดง/ดำ ในโหมดของ Fractional แต่ถ้าแผลเป็นรุนแรง เช่น นูนมาก หรือเกิดการหดรั้ง ควรใช้วิธีการรักษาเฉพาะทางอื่น เช่น Fractional Laser, CO₂ หรือการฉีดตัวยาเข้าโดยตรง ควรปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจก่อน เพื่อประเมินและออกแบบการรักษาที่เหมาะสมที่สุดตามลักษณะของแผลค่ะ

ส่วนที่ว่าจะหายเหมือนปกติแบบ 100% นั้นเป็นไปได้ยาก แต่ทำให้แผลนั้นเด่นน้อยลง บางลง ยุบตัวลง เห็นชัดน้อยลงได้ค่ะ

รอยแผลเป็นน้ำร้อนลวก pico laser
pico laser ราคาเท่าไหร่ คลินิก เลียบด่วน รามอินทรา cdc

รอยแผลเป็นที่เกิดจากการโดนสาดน้ำร้อน ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่ม แผลเป็นจากการไหม้ (burn scars) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากแผลเป็นประเภทอื่น เช่น แผลจากการเกิดสิว หรือแผลตื้นที่เกิดจากการบาดเจ็บเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ รอยแผลเป็นจากการโดนสาดน้ำร้อนจึงมีระดับความซับซ้อนกว่าแผลเป็นทั่วไป และอาจรักษาได้ยากกว่าในหลายกรณี โดยแผลประเภทนี้มีลักษณะสำคัญที่ควรเข้าใจ

ลักษณะของรอยแผลเป็นจากน้ำร้อน

  • อาจปรากฏในลักษณะเป็น รอยนูน (hypertrophic scar) หรือลักษณะบางส่วนอาจกลายเป็น คีลอยด์ (keloid) ซึ่งเป็นแผลเป็นที่นูนหนาขึ้นจนเกิดสีแดงสด หรือคล้ำขึ้นตามโทนสีผิว
  • หากความร้อนทำลายถึงชั้นผิวหนังลึกมาก (เส้นประสาทและเส้นเลือดด้านใต้) บริเวณผิวที่หายจากแผลจะเกิด การย่น หดตัว หรือแข็งตัว (contracture scar) ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของบริเวณนั้นติดขัด
  • ผิวบริเวณที่ถูกเผาอาจมีเม็ดสี (pigmentation) เกิดความไม่สม่ำเสมอ เช่น มีรอยด่าง (hypopigmentation) หรือสีเข้มขึ้นกว่าปกติ (hyperpigmentation)

รอยแผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนเมื่อเทียบกับรอยแผลอื่น

  • ความรุนแรงและลักษณะลึกของเนื้อเยื่อที่เสียหายจากน้ำร้อนมักนำไปสู่การสร้างเนื้อเยื่อพังผืดมากกว่า การฟื้นตัวของแผลจึงใช้ระยะเวลานานกว่า
  • แผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนมีโอกาสเกิดการหดรั้งของผิวหนัง หรือสูญเสียความยืดหยุ่นมากกว่าแผลเป็นธรรมดา

การรักษายากกว่าหรือไม่

การรักษารอยแผลเป็นจากการโดนน้ำร้อนมักซับซ้อนกว่าแผลอื่น เนื่องจาก

  • จำเป็นต้องฟื้นฟูทั้ง พื้นผิวและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง
  • ต้องแก้ไขทั้งปัญหาทาง กายภาพ (เช่น ความตึงตัวของผิวหนัง) และ ความสม่ำเสมอของสีผิว
  • ใช้เวลามากกว่า และอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การทายา การฉีดยา การใช้แสงเลเซอร์ หรือในกรณีรุนแรงอาจต้องพิจารณาการผ่าตัด

Pico laser ช่วยได้ไหม?

Pico Laser เหมาะสำหรับการรักษาปัญหาเกี่ยวกับเม็ดสีผิว (pigmentation) เช่น ลดรอยดำ รอยแดง หรือปรับสภาพโทนสีผิวในกรณีที่ผิวไม่สม่ำเสมอ ซึ่งสามารถช่วยได้กับบางลักษณะของรอยแผลเป็นจากน้ำร้อน เช่น

  • ลดรอยดำหรือรอยแดงที่เกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูเรียบขึ้นเล็กน้อย (แต่ไม่ได้ช่วยลดแผลนูนหนามาก)

ความรุนแรงมีแผลต่อรอยแผลเป็น

  • หากรอยแผลเป็นเกิดขึ้นแบบไม่รุนแรง (เช่น น้ำร้อนลวกผิวชั้นตื้น) มีโอกาสหายหรือจางลงจนแทบสังเกตไม่เห็น หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก เช่น การทายาเพื่อป้องกันแผลเป็น การใช้ซิลิโคนเจลช่วยปรับให้แผลเรียบ
  • แต่ในกรณีที่เป็นแผลลึกระดับผิวหนังแท้ขึ้นไป (dermis) หรือรุนแรงมาก เช่น น้ำร้อนทำลายผิวหนังเป็นชั้นกว้างและลึก ผิวบริเวณนั้นอาจไม่กลับมาดูเหมือนเดิม 100% และจำเป็นต้องใช้การรักษาเฉพาะทางร่วมหลายๆ ขั้นตอนเพื่อให้รอยเรียบเนียนและกลมกลืนที่สุด

เปรียบเทียบแผล น้ำร้อนสาด กับ น้ำกรดสาด

ประเด็นแผลจากน้ำร้อนสาดแผลจากน้ำกรดสาด
สาเหตุของแผลความร้อนส่งผ่านจากน้ำร้อนเข้าสู่ผิวหนัง (Thermal burn)การกัดกร่อนของผิวหนังและเนื้อเยื่อโดยกรด (Chemical burn)
ลักษณะการบาดเจ็บ– ผิวหนังถูกไหม้หรือถูกทำลาย
– ระดับการเสียหายขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและระยะเวลาสัมผัส
– กัดกร่อนลึกถึงชั้นผิวหนังหรืออวัยวะใต้ผิว
– สารเคมีทำลายโปรตีนในผิวหนัง
ความลึกของแผล– อาจเกิดแผลตื้นหรือลึกถึงผิวหนังแท้
– หากรุนแรงมากอาจทำลายถึงชั้นเนื้อเยื่อไขมัน
– อาจเฉพาะเจาะจงทำลายผิวจุดที่สัมผัส
– บางครั้งแผลอาจลึกกว่าที่ดูจากภายนอก
ลักษณะของแผลเป็น– อาจเป็นแผลนูน (Hypertrophic scar)
– อาจเกิดการหดรั้งผิว (Contracture Scar) ในบริเวณไหม้ลึก
– มีรอยด่างดำหรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ
– แผลมักมีรอยคล้ำจากเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
– อาจเกิดรอยยุบ (Depressed scar) แทนการนูน
– ผิวในจุดสัมผัสมักไม่สม่ำเสมออย่างถาวร
ผลกระทบต่ออวัยวะข้างเคียง– ส่วนใหญ่กระทบแค่บนผิวหนัง
– การไหม้ลึกมากอาจทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย
– อาจกระจายได้มากกว่าน้ำร้อน
– หากกรดเข้าตา/ปาก/จมูก อาจก่อให้เกิดบาดแผลเนื้อเยื่อภายในถั่วบริเวณนี้
สีของแผลเบื้องต้น– สีแดงหรือชมพูเข้มในระยะแรก
– กลายเป็นสีคล้ำหรือน้ำตาลเมื่อแผลเซ็ตตัว
– สีคล้ำหรือดำในทันทีเนื่องจากเนื้อเยื่อถูกกัด (Necrosis)
การรักษาในระยะเฉียบพลัน– ชะล้างน้ำเย็นทันทีเพื่อหยุดการไหม้ขณะเกิด
– ทายาลดการอักเสบหรือแผลเป็น เช่น ครีมซิลิโคน
– ชะล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากทันที
– การล้างให้แน่ใจว่าสารเคมีถูกชะล้างออกหมด (ไม่มีการเจือปนกรดหลงเหลือ)
แนวทางการรักษาแผลเป็น– ใช้แสงเลเซอร์ เช่น Pico หรือ Fractional CO₂
– ฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดแผลนูน
– อาจต้องผ่าตัดแก้ไขในกรณีแผลหดรั้ง
– รักษารอยยุบด้วย Filler, Subcision, เลเซอร์
– ปรับสีผิวด้วยเลเซอร์ที่ช่วยเรื่องเม็ดสี
– อาจต้องศัลยกรรมในบางกรณี
โอกาสการรักษาให้หาย/จางลง– โอกาสหาย/จางค่อนข้างสูงในกรณีที่แผลตื้น
– แผลลึกมากอาจไม่สม่ำเสมอแม้รักษาจนหาย
– โอกาสหายโดยสมบูรณ์น้อยกว่า
– การยุบตัวและการเปลี่ยนสีของเนื้อเยื่อมักถาวร
ความยากของการรักษา– หากแผลลึก หรือนูน การฟื้นฟูใช้เวลานาน
– ต้องเน้นการฟื้นสีผิวและความเรียบของแผล
– รักษายากกว่ามักต้องแก้ไขโครงสร้างใต้ผิวเนื่องจากรอยยุบและแผลปลิ้นลึก
– การเปลี่ยนสีผิวยากแก้ไขกว่าของน้ำร้อน
  1. ระดับความเสียหาย และ วิธีรักษา ทั้งสองชนิดขึ้นอยู่กับระยะเวลาของการสัมผัส ความรุนแรงของสารที่กระทบ และการดูแลเบื้องต้นที่เหมาะสม
  2. การรักษาแผลจากน้ำกรดและน้ำร้อนควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทางเสมอ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง เช่น การติดเชื้อ หรือการสร้างเนื้อเยื่อผิดปกติขณะฟื้นตัว

ทาง D’ Lovevery Clinic ขอแสดงความห่วงใยต่อทุกเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการสาดน้ำร้อน/น้ำกรดใส่กัน ซึ่งไม่เพียงแต่ทำร้ายร่างกายด้วยการสร้างบาดแผลที่รุนแรงและซับซ้อนต่อผิวหนัง แต่ยังส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้ประสบเหตุอย่างลึกซึ้ง เราไม่สนับสนุนการกระทำที่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอย้ำว่า การเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจควรเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและเร่งด่วน