ปรับสมดุลระบบประสาทด้วย “แมกนีเซียม (Magnesium)”
ตัวนี้หมอเรียกมันว่า “แร่ธาตุแห่งความผ่อนคลาย” ค่ะ คนไข้หลายคนเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งและสมองตื่นตัวตลอดเวลา
- ทำไมถึงช่วย: แมกนีเซียมช่วยลดระดับฮอร์โมนเครียด (Cortisol) และช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดพักผ่อนได้ง่ายขึ้น
- ตัวอย่าง: เปรียบเหมือนการที่เราไปทำสปาแล้วนวดผ่อนคลาย แมกนีเซียมจะทำหน้าที่นั้นจากภายในเซลล์ค่ะ
- คำแนะนำ: เลือกฟอร์ม Magnesium Glycinate หรือ Chelate นะคะ เพราะดูดซึมไวและไม่ค่อยกัดกระเพาะค่ะ
เตรียมสมองให้สงบด้วย “วิตามินบี (Vitamin B Complex)”
โดยเฉพาะ วิตามิน B6 และ B12 ค่ะ กลุ่มนี้สำคัญมากในการสร้างสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (Serotonin) และ เมลาโทนิน (Melatonin)
- ทำไมถึงช่วย: ถ้าขาดวิตามินบี ร่างกายจะสร้างฮอร์โมนง่วงนอนได้ไม่ดี ทำให้คนไข้รู้สึกเพลียแต่ข่มตานอนไม่หลับ
- คำแนะนำ: ทานในช่วงเช้าหรือกลางวันจะดีกว่าค่ะ เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ในกระบวนการเผาผลาญและเตรียมสารเคมีในสมองให้พร้อมสำหรับช่วงค่ำ
ตัวช่วยเฉพาะกิจ “เมลาโทนิน (Melatonin)”
อันนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนนะคะว่า เมลาโทนิน “ไม่ใช่ยานอนหลับ” แต่เป็นฮอร์โมนที่บอกร่างกายว่า “มืดแล้วนะ นอนได้แล้ว”
- ทำไมถึงช่วย: เหมาะมากสำหรับคนไข้ที่นาฬิกาชีวิตรวน เช่น นอนดึกตื่นสายเป็นประจำ หรือเพิ่งเดินทางข้ามโซนเวลา
- ตัวอย่าง: เหมือนสวิตช์ไฟค่ะ เมลาโทนินช่วย “หรี่ไฟ” ในสมองลง แต่ถ้าคนไข้กินแล้วยังเล่นมือถือ (แสงสีฟ้า) ก็เหมือนเราพยายามเปิดไฟสู้ สวิตช์ก็ทำงานไม่ได้ผลนะคะ
- คำแนะนำ: เริ่มที่โดสน้อยๆ เช่น 1-3 mg ก็พอค่ะ และทานก่อนนอนประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
คลื่นสมองผ่อนคลายด้วย “แอล-ธีอะนีน (L-Theanine)”
สารสกัดจากชาเขียวที่ช่วยปรับคลื่นสมองให้เป็น Alpha Wave ซึ่งเป็นคลื่นแห่งความสงบ ผ่อนคลาย แต่มีสติ
- ทำไมถึงช่วย: ช่วยลดความคิดฟุ้งซ่าน หรืออาการสมองแล่นคิดงานไม่หยุดก่อนนอน ทำให้หลับได้ลึกขึ้น (Deep Sleep) ตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น ไม่มึนงงเหมือนยาแก้แพ้
- คำแนะนำ: สามารถทานคู่กับแมกนีเซียมเพื่อเสริมประสิทธิภาพการนอนหลับให้ดียิ่งขึ้นได้ค่ะ

เลือกวิธีที่เหมาะสมกับความรุนแรงและไลฟ์สไตล์
การเลือกวิธีช่วยนอนหลับให้ดูที่ความต้องการของร่างกายเป็นหลักค่ะ ถ้าคนไข้มีอาการ นอนไม่หลับขั้นรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อใช้ ยานอนหลับ ในระยะสั้น แต่ถ้าต้องการ แก้ปัญหาระยะยาวอย่างยั่งยืน ให้เลือกทาน อาหารเสริม เป็นประจำเหมือนทาสกินแคร์ แต่หากช่วงไหนรู้สึก ร่างกายพัง อ่อนเพลียจัด หรือต้องการฟื้นฟูเร่งด่วน การทำ IV Drip จะตอบโจทย์ที่สุดเพราะร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที 100% โดยไม่ต้องรอการย่อย หมอแนะนำให้เริ่มจากการปรับพฤติกรรมและอาหารเสริมก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยพิจารณาทางเลือกอื่นนะคะ

![[รีวิวเคล็ดลับผิวไบรท์] ที่ใครๆ ก็ถามหา D’Aura Drip ดริปวิตามินผิวสูตรเข้มข้น](https://dloveveryclinic.com/storage/2025/07/case99-iv-drip-nan-1.webp)
![[รีวิวฉีดวิตามินใต้ตา] สาววัยใส กิจกรรมเยอะ นอนดึกแทบทุกวัน ขอบตาคล้ำเกินต้านไหว โปรแกรมนี้ช่วยได้](https://dloveveryclinic.com/storage/2025/06/nctf-before-after-fillmed-dlovevery-clinic-case-62-2.webp)

