ฆสพ.สบส. ๒๙๘๓/๒๕๖๗

เซลล์ซ่อมเซลล์ วิธีไหนดีที่สุด

การทำ “เซลล์ซ่อมเซลล์” (Autophagy) คือกระบวนการที่ร่างกายทำความสะอาดและรีไซเคิลเซลล์ที่เสียหาย ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และชะลอความเสื่อมได้จริงค่ะ และวิธีการแบบไม่ต้องจ่ายเงิน ไปกับโปรแกรมฉีดสารใดๆคือ Intermittent Fasting (IF) เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นกระบวนการนี้ โดยเมื่อเราจำกัดช่วงเวลาการทานอาหาร ร่างกายจะเปลี่ยนโหมดไปสู่การซ่อมแซมตัวเอง แต่ IF ไม่ใช่ “วิธีที่ดีที่สุดเพียงหนึ่งเดียว” สำหรับทุกคน ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ เช่น การออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ การจัดการความเครียด และโภชนาการที่สมดุล ที่ล้วนมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพเซลล์และผิวพรรณที่ดี ดังนั้น การดูแลตัวเองแบบองค์รวมด้วย ความสม่ำเสมอและความสมดุล จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความงามที่ยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอกค่ะ


หมายเหตุ: คำตอบนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลเบื้องต้น กรุณาทำนัดเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรับข้อมูลโดยละเอียด

การทำ "เซลล์ซ่อมเซลล์" (Autophagy) คือกระบวนการที่ร่างกายทำความสะอาดและรีไซเคิลเซลล์ที่เสียหาย ช่วยให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์และชะลอความเสื่อมได้จริงค่ะ
Intermittent Fasting (IF) เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นกระบวนการนี้ โดยเมื่อเราจำกัดช่วงเวลาการทานอาหาร ร่างกายจะเปลี่ยนโหมดไปสู่การซ่อมแซมตัวเอง

เซลล์ซ่อมเซลล์ (Autophagy) คืออะไรกันแน่

คนไข้เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมบางคนอายุเยอะแล้วแต่ยังดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง นั่นอาจเป็นเพราะกลไกมหัศจรรย์ที่เรียกว่า “Autophagy” หรือที่คนไทยเราเรียกกันติดปากว่า “เซลล์ซ่อมเซลล์” นั่นเองค่ะ

ลองนึกภาพตามหมอนะคะว่าในร่างกายของเรามีเซลล์ต่างๆ เป็นล้านล้านเซลล์ ทุกเซลล์ก็เหมือนบ้านหลังเล็กๆ ที่ต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา พอทำงานไปเรื่อยๆ ก็ต้องมีสิ่งของที่เสียหาย ชำรุด หรือหมดสภาพลงใช่ไหมคะ ถ้าเราไม่เก็บกวาด ไม่ซ่อมแซม บ้านก็จะรกรุงรังและพังไปในที่สุดค่ะ

Autophagy ก็คือกระบวนการทำความสะอาดและรีไซเคิลของเซลล์นี่แหละค่ะ เป็นกลไกตามธรรมชาติที่ร่างกายจะกำจัดเอาส่วนประกอบของเซลล์ที่เสื่อมสภาพ, ชำรุด, หรือเป็นพิษออกไป จากนั้นก็จะนำชิ้นส่วนดีๆ ที่ยังใช้งานได้กลับมาใช้ใหม่ เพื่อสร้างเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิมขึ้นมาแทนที่ค่ะ

แล้วมันสำคัญกับความงามยังไง? ก็เพราะว่าเมื่อกระบวนการ Autophagy ทำงานได้ดี เซลล์ผิวของเราก็จะมีการผลัดเปลี่ยนและซ่อมแซมตัวเองได้มีประสิทธิภาพค่ะ ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ:

  • ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์: เซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรง ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย
  • ชะลอความเสื่อม: ช่วยลดการสะสมของเซลล์ที่เสียหาย ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของความชรา
  • เพิ่มพลังงานให้เซลล์: การรีไซเคิลส่วนประกอบเก่าช่วยให้เซลล์ทำงานได้เต็มที่

Intermittent Fasting (IF) กับการกระตุ้น Autophagy… มันช่วยได้จริงหรือเปล่า?

คำตอบคือ “ช่วยได้จริงค่ะ” การทำ Intermittent Fasting (IF) หรือการจำกัดช่วงเวลาการรับประทานอาหาร เป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้น Autophagy ในร่างกายของเราค่ะ

กลไกง่ายๆ คือ: เมื่อคนไข้จำกัดช่วงเวลาการทานอาหาร ไม่ได้รับประทานอะไรเลยในช่วงเวลาหนึ่ง (เช่น 14-16 ชั่วโมง) ระดับอินซูลินในร่างกายจะลดต่ำลง ซึ่งเป็นสัญญาณให้ร่างกายเปลี่ยนโหมดจากการสะสมพลังงาน ไปสู่โหมดการซ่อมแซมและใช้พลังงานสำรองแทนค่ะ

เมื่อร่างกายเข้าสู่โหมด “ใช้พลังงานสำรอง” นี่แหละค่ะที่ Autophagy จะถูกกระตุ้นให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ร่างกายจะเริ่มมองหาสิ่งของเก่าๆ ที่เสียหายภายในเซลล์มาใช้เป็นแหล่งพลังงาน ทำให้เกิดการ “ทำความสะอาด” และ “รีไซเคิล” ชิ้นส่วนเซลล์ต่างๆ นั่นเองค่ะ

ตัวอย่างง่ายๆ: ถ้าปกติคนไข้ทานอาหารตลอดทั้งวัน ร่างกายก็เหมือนมีพลังงานสดใหม่เข้ามาตลอด ไม่จำเป็นต้องไปรื้อค้นของเก่ามาใช้ แต่พอเราหยุดทานไปช่วงหนึ่ง ร่างกายก็ต้องไป “ขุด” ของเก่าที่เก็บไว้ (รวมถึงเซลล์ที่เสียหาย) ออกมาใช้เป็นเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการซ่อมแซมภายในค่ะ

แล้ว IF คือ ‘วิธีที่ดีที่สุด’ จริงๆ ไหม?

จากการศึกษาและประสบการณ์ของหมอ IF เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในการกระตุ้น Autophagy จริงค่ะ แต่การจะบอกว่า “ดีที่สุด” สำหรับทุกคนหรือไม่นั้น อาจจะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลค่ะ

หมอขออธิบายแบบนี้นะคะ:

  • ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับ IF: บางคนมีข้อจำกัดทางสุขภาพ หรือไม่สามารถปรับตัวเข้ากับช่วงเวลาการทานอาหารที่จำกัดได้ การฝืนทำอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีค่ะ
  • มีปัจจัยอื่นร่วมด้วย: Autophagy ไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วย IF เพียงอย่างเดียวค่ะ ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์ซ่อมเซลล์ได้แก่:
    • การออกกำลังกาย: โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบความเข้มข้นสูง (HIIT) หรือการยกน้ำหนัก ก็สามารถกระตุ้น Autophagy ได้เช่นกัน
    • การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอและมีคุณภาพ: เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด
    • การควบคุมความเครียด: ความเครียดเรื้อรังเป็นตัวบ่อนทำลายสุขภาพเซลล์
    • อาหารที่สมดุลและครบถ้วน: การได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะโปรตีนและไขมันดี รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระจากผักผลไม้ ก็สำคัญต่อสุขภาพเซลล์ค่ะ

ดังนั้น IF เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดี แต่ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็น “วิธีเดียว” หรือ “ดีที่สุด” เสมอไปสำหรับทุกคน ค่ะ

จากมุมมองของหมอ… เพื่อผิวสวย หน้าใส ชะลอวัย ต้องทำอย่างไรบ้าง?

ในฐานะแพทย์ความงาม หมออยากจะย้ำให้คนไข้เข้าใจว่า “ความงามที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอกค่ะ” การดูแลตัวเองแบบองค์รวมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยมีคำแนะนำดังนี้ค่ะ:

  1. โภชนาการต้องสมดุลและมีคุณภาพ: เน้นโปรตีนคุณภาพดี เพื่อซ่อมแซมและสร้างเซลล์, ทานไขมันดี เช่น อะโวคาโด ถั่ว, ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท และที่สำคัญ ผักผลไม้หลากสี เพื่อสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ ถ้าคนไข้สนใจ IF หมอแนะนำให้ค่อยๆ ปรับ และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากมีข้อกังวลค่ะ
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ไม่จำเป็นต้องหักโหมจนเกินไป ค่ะ แค่ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เน้นการสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (เวทเทรนนิ่ง) และเสริมด้วยคาร์ดิโอเบาๆ ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นการเผาผลาญและ Autophagy ได้แล้วค่ะ
  3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ: เป้าหมายคือ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน ในห้องที่มืดสนิทและเงียบสงบ ช่วงเวลานี้ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตและซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด ส่งผลโดยตรงต่อผิวพรรณที่สดใสค่ะ
  4. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดี รวมถึงการขับของเสียและลำเลียงสารอาหารไปเลี้ยงเซลล์ผิวค่ะ
  5. จัดการความเครียด: ลองหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น โยคะ นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง เพราะความเครียดเรื้อรังส่งผลเสียต่อร่างกายและผิวพรรณอย่างมากค่ะ
  6. ดูแลผิวพรรณภายนอกควบคู่กันไป: ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ทาครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้น และที่สำคัญที่สุดคือ ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือออกแดดค่ะ

ความสม่ำเสมอและความสมดุล คือกุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดีและผิวพรรณที่สวยงามเปล่งประกายจากภายในสู่ภายนอกค่ะ หมอเป็นกำลังใจให้นะคะ!

คำถามอื่นๆที่พบบ่อย